ทั้งสองคนบนเวทีกำลังแข่งขันกันอยู่ มีคนโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังอย่างกะทันหัน ก็ทำเอาทุกคนตกใจไปตามๆ กัน
แม้กระทั่งจี้จิ่งเชินเองก็เดินตามขึ้นมา
“คุณแม่!”
จี้หยู๋ชิงที่ถูกจี้จิ่งเชินอุ้มไว้ ทันทีที่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ร้องเรียกเธออย่างดีใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองทั้งสองคนอย่างงงงวย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” พวกคุณมาได้อย่างไร?”
เหล่ากรรมการที่กำลังพิจารณาตัดสินผลการแข่งขันไม่เข้าใจเล็กน้อย สายตาของทุกคนล้วนอยู่ที่จี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินสีหน้ามืดครึ้ม สายตาเย็นชามองไปที่โปรดิวเซอร์ที่อยู่บนพื้น
“เรื่องนี้ต้องให้เขาอธิบายเอง”
“ผม……”
โปรดิวเซอร์ตกใจจนหน้าซีด เห็นว่าตนเองถูกลากขึ้นเวทีมาแล้ว ภาพนี้ยังถ่ายทอดสดไปทั่วโลกก็ยิ่งตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่า……โอ๊ย”
เขายังพูดไม่จบ ทันใดนั้นจี้จิ่งเชินก็ยกเท้าขึ้นแล้วออกแรงเหยียบลงไปบนหน้าอกเขา!
การกระทำรุนแรง แต่สีหน้ากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แต่กลับสงบราบเรียบ ราวกับว่าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้านั้นไม่ใช่คน
เหล่ากรรมการที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจกับการกระทำของจี้จิ่งเชิน แต่ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงขึ้นมา
โปรดิวเซอร์ร้องโอดโอย กุมหน้าอกตัวเองไว้แน่น
“ประธานจี้! ประธานจี้! ปล่อยผมไปเถอะ! ผมจะพูด ผมจะพูดเดี๋ยวนี้!”
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกงงงวยในใจ แต่ในตอนนั้นเองต่างก็เงียบลง
โปรดิวเซอร์สีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างมาก ถ้าหากตัวเองพูดออกไปตรงนี้ จะต้องถูกถ่ายทอดสดไปทั่วทุกที่ ในอนาคตเขาก็หมดหนทางที่จะอยู่ในวงการนี้ต่อไปแล้ว
แต่เมื่อมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆ เขาก็ตกใจจนตัวสั่น
สายตาราวกับกำลังมองคนที่ตายไปแล้ว ทำให้เขารู้สึกกลัวสุดขีด
เห็นคนตรงหน้า เขาจึงได้แต่ต้องเอ่ยขึ้น “เกี่ยวกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ความจริงแล้วมีปัญหาบางอย่างที่พวกเราไม่ได้คำนึงถึง การจับสลากก็ไม่ค่อยยุติธรรม ทำให้เกิด……”
เห็นเขายังคงปากแข็งไม่ยอมรับผิด ต้องการจะหลีกเลี่ยงความผิด จี้จิ่งเชินแค่นหัวเราะเสียงเย็น
ปัง!
กล่องที่ใช้จับสลากก่อนหน้านี้ ถูกเขาโยนทิ้งไปบนพื้น
กล่องถูกทับจนแตกอยู่ก่อนแล้ว กระดาษด้านในจึงปลิวว่อนออกมา
ผ่านเลนส์กล้องทุกคนล้วนเห็นอย่างชัดเจน กระดาษพวกนั้น ล้วนเขียนเป็นชื่อของเวินเที๋ยนเที๋ยน!
ทันทีที่เห็นแบบนั้น ไม่เพียงแค่เหล่ากรรมการที่ตกใจ แม้กระทั่งผู้ชมที่อยู่ที่นี่ทุกคนต่างแตกตื่นขึ้นมาทันที
“ทั้งหมดล้วนเป็นชื่อของเวินเที๋ยนเที๋ยน!”
“มิน่าเมื่อกี้ฉันถึงรู้สึกแปลกๆ ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนั้น ทั้งสองครั้งล้วนจับได้เวินเที๋ยนเที๋ยน”
“น่าเกลียดเกินไปแล้ว! เป็นถึงโปรดิวเซอร์รายการ คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ฉันว่าพวกเขาจงใจไม่อยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนชนะ?”
“ถ้าหากแผนการนี้ไม่ถูกจับได้ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ต้องแข่งขันทั้งสามรอบเลยเหรอ?”
“น่าเกลียดจริงๆ!”
……
เสียงดังวุ่นวายจากผู้ชมดังขึ้นไม่หยุด
ส่วนมากพวกเขาล้วนเป็นแฟนคลับของเวินเที๋ยนเที๋ยน แม้ว่าได้เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแข่งกับคนอื่น ตัวเองจะดีใจมาก แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเจอเรื่องแบบนี้เข้า จะให้พวกเขายอมเลิกราได้อย่างไร?
“ทางรายการเชิญคนแบบคุณมาเป็นโปรดิวเซอร์ได้อย่างไร?”
คนหนึ่งด่าขึ้นอย่างไม่พอใจ โยนขวดน้ำแร่ที่ดื่มไปได้ครึ่งเดียวใกล้มือออกไป
เสียงปึกดังขึ้น กระแทกเข้ากับตัวของโปรดิวเซอร์
โปรดิวเซอร์คุกเข่าอยู่บนพื้น ถูกกระแทกเข้ากับร่างกายตัวสั่นไปเล็กน้อย แต่กลับไม่กล้าต่อต้าน
ตามด้วยของที่ผู้ชมโยนขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดล้วนกระแทกเข้ากับร่างกายของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มลงมองอุปกรณ์ในมือตัวเอง ขมวดคิ้วแน่น
วันนี้ตอนที่พิธีกรบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงกติกาการแข่งขัน เธอก็รู้สึกว่าแปลก
ต่อมาจับได้ตัวเองติดต่อกันถึงสองครั้ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายจงใจ
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้
อุบายที่ชัดเจนขนาดนี้ หรือว่าอีกฝ่ายจะเห็นเธอเป็นคนตาบอดจริงๆ?
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างๆ มองท่าทางจนตรอกของเขาด้วยสายตาเย็นชา
“พูดมา ใครเป็นคนสั่งให้คุณทำ?”
โปรดิวเซอร์เงยหน้าขึ้น มองไปทางบนเวที ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หยุดอยู่ที่จางลัยยี่
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อวานอยู่ๆ เขาก็ติดต่อมาด้วยตัวเอง แล้วเสนอข้อเรียกร้องแบบนี้ บอกว่าต่อไปจะช่วยสนับสนุนเขาในรายการ เสนอข้อดีมากมาย เขาจะตกลงได้อย่างไร?
วันก่อนจางลัยยี่ยังบอกว่าจะไม่ถูกจับได้อย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่า……
เขากัดฟัน
“คือ……”
“พอได้แล้ว!”
ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากในกลุ่มของผู้ชม
จางลัยยี่ลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างมาก
เขาเดินขึ้นเวทีไป มองโปรดิวเซอร์แล้วเอ่ยอย่างเคียดแค้น “ฉันเชื่อใจทางรายการมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าพวกคุณจะทำเรื่องแบบนี้ได้!ทำให้ฉันผิดหวังมาก!”
ทันทีที่โปรดิวเซอร์เห็นดังนั้น เขาก็เอ่ยอย่างร้อนรน “เป็นเขา!จางลัยยี่ เขาให้ผมทำแบบนี้!”
ทันทีที่เขาเอ่ยออกไป ทุกคนต่างหันไปมองทางจางลัยยี่
อาจารย์ที่อยู่ทีมเดียวกับเวินเที๋ยนเที๋ยน จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดสร้างละครเรื่องนี้?
จางลัยยี่สีหน้าเข้มลงเล็กน้อย ต่อว่าด้วยความโกรธ “นายอย่าพูดเรื่องไร้สาระ!ฉันเคยพูดเรื่องแบบนี้ตอนไหนกัน?”
เห็นเขาเปลี่ยนเป็นโกรธและทำเป็นไม่รู้จักแล้ว โปรดิวเซอร์ก็ลนลานขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างร้อนรน “ใช่แล้ว เป็นเขา!เมื่อวานเขาโทรหาผม บอกว่าในอนาคตช่วยเรื่องหน้าที่การงานผมได้ ผมถึงได้ตกลง แม้กระทั่งคนวางแผนการก็คือ…..”
“พูดจาเหลวไหล!”
จางลัยยี่ก่นด่าขัดเขาขึ้นมา เอ่ยอย่างโมโห “เย็นวันก่อนฉันโทรหานายก็จริง แต่นั่นฉันแค่ถามนายเกี่ยวกับสถานการณ์การแข่งขันวันนี้ นายบอกว่ายังขาดอะไรไป ฉันถึงได้เสนอความคิดเลือกผู้ท้าชิงสามคน ได้พูดเมื่อไหร่ว่าต้องเลือกเวินเที๋ยนเที๋ยน?”
โปรดิวเซอร์ส่ายหน้าอย่างลนลาน
“ไม่ คุณนั่นแหละ……”
“ฉันว่า นายเองคิดจะทำแบบนี้อยู่แล้ว แล้วโยนความผิดมาให้ฉัน”
จางลัยยี่มองเขาอย่างเย็นชา เอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้น ฉันกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ทีมเดียวกัน ถ้าหากเธอแพ้แล้ว ฉันไม่ยิ่งอันตรายเหรอ? ฉันจะทำเรื่องให้ตัวเองไม่ราบรื่น?”
คนด้านล่างเวทีได้ยินแบบนี้ ต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย คนจำนวนไม่น้อยถูกจางลัยยี่ชักจูงแล้ว
“ใช่แล้ว ความจริงแล้วเป็นแบบนี้”
“อาจารย์จางเคยเข้าร่วมรายการก่อนหน้านี้ ซื่อสัตย์มาก ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่”
“ใส่ร้ายกันแบบนี้ก็เกินไปไหม?”
คนด้านล่างบ่นอย่างไม่พอใจ คิดไม่ถึงว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะเข้าข้างจางลัยยี่
หรือว่า จางลัยยี่อายุมากแล้ว ทั้งเวลาปกติตอนปรากฏตัวข้างนอก มักแสดงท่าทางซื่อสัตย์ เข้มแข็ง คนจำนวนไม่น้อยจึงถูกเขาหลอกเข้าแล้ว
โปรดิวเซอร์ได้ยินดังนั้นก็โกรธจนหน้าซีด กัดฟันกรอด
“ไม่ใช่แบบนั้น! เป็นเขาจริงๆ ……”
จางลัยยี่เห็นว่าทุกคนเข้าข้างตัวเอง เดิมก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว จึงเอ่ยอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ฉันเองก็ผิด ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเสนอความคิดแบบนี้ออกไป ก็คงไม่ถูกเขาหลอกใช้ ยังดีที่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวง ยาม ลากเขาออกไปเลย! ไม่อนุญาตให้เข้ามาอีก!”