จางลัยยี่มองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ก็ยิ้มเย็นออกมาโดยไม่รู้ตัว
ยังคงดิ้นรนเสียแรงเปล่า!
“เวินเที๋ยนเที๋ยน ฉันแนะนำเธอ ถ้าเธอยังต้องการมือทั้งสองข้างนั้นอยู่ ก็รีบยอมแพ้เถอะ อย่า……”
เขาพูดได้เพียงครึ่งเดียว ทันใดนั้นกลับรู้สึกถึงสายตาเย็นเยือก จึงรีบหันกลับไปมอง ก็เห็นจี้จิ่งเชินกำลังมองเขาอยู่
สายตานั้นไม่มีความอ่อนโยนเลยแม่แต่น้อย ปรากฏความมาดร้าย
จางลัยยี่รู้สึกหนาวในใจขึ้นมาทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ต้นจนจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาแต่ก้มหน้าคัดเลือกชิ้นงานที่ตัวเองต้องการใช้ ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นถึงการเข้าใกล้ของจางลัยยี่
ตามสถานการณ์ที่เคยร่วมฝึกซ้อมด้วยกันมาก เธอรู้ดีว่าแม้จางลัยยี่จะสมคบคิดกับพวกของนิวมัน เพื่อผลประโยชน์ทรยศได้ทุกอย่าง แต่ความสามารถของเขาในการบูรณะก็ยอดเยี่ยมจริงๆ
ยังอยู่เหนือกว่าอาจารย์ฉู่ขึ้นไป
ถ้าหากไม่ใช้ความพยายามทั้งหมดก็ไม่สามารถเอาชนะได้!
ทำได้แค่ทุ่มเททั้งหมด
เธอตั้งใจเลือกชิ้นที่ยากที่สุดในนั้น หยิบกลับมาที่ตำแหน่งของตัวเอง
เห็นดังนั้นเหล่ากรรมการที่อยู่บนเวทีก็ตกใจ
“เวินเที๋ยนเที๋ยนฉลาดไหม? ถึงได้เลือกชิ้นงานที่ยากขนาดนั้น ตามมือทั้งสองข้างของเธอที่รับภาระหนักแล้วจะทำให้เสร็จไม่ได้เลย!”
“ที่จริงแล้ว ต่อให้ครั้งนี้เธอแพ้ จางลัยยี่ก็อยู่ทีมเดียวกับเธอ ไม่เห็นเป็นไร ทำไมเธอถึงได้ทุ่มเทขนาดนี้กัน?”
“เธอประเมินค่าตัวเองสูงไปแล้ว แข่งขันมานานขนาดนี้ เป็นตัวเลือกที่ล้มเหลวที่สุด!”
มีเพียงอาจารย์ฉู่ที่อยู่ด้านล่างเวทีที่สายตาปรากฏความกังวล เขารู้เหตุผลการตัดสินใจนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน สายตาที่มองไปที่เธอฉายแววเป็นห่วง
“เที๋ยนเที๋ยน คุณต้องสู้ๆ นะ”
ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันมา จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างหลังเธอตลอด ราวกับอัศวินที่คอยปกป้องคนตรงหน้า ไม่จากไปไหนเด็ดขาด
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนจดจ่อ ก็จะลืมตัวไปอย่างสมบูรณ์
แต่ครั้งนี้ เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสายตาของจี้จิ่งเชินอยู่ที่ตัวเธอตลอดเวลา
แม้ว่าก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินจะช่วยนวดให้เธอแล้ว ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่มือของเธอได้ แต่เป็นการรักษาที่ปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ
ไม่นาน การเคลื่อนไหวของมือเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มช้าลง
สำหรับการบูรณะวัตถุโบราณงานที่อาศัยความละเอียดแบบนี้ บางครั้ง ถ้าหากนิ้วมือไม่เชื่อฟังแล้วสั่นเพียงเล็กน้อย ก็เกิดผลเสียกับที่บูรณะมาทั้งหมดได้ทันที
เวินเที๋ยนเที๋บยคิ้วขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ พยายามควบคุมการเคลื่อนไหวมือทั้งสองข้างของตนเอง
ในตอนนั้นเอง จี้จิ่งเชินก็โน้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบที่ข้างหูเธอ
“เที๋ยนเที๋ยน”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ในเวลาเดียวกันมือข้างหนึ่งก็วางลงบนไหล่ของเธอ
เวินเที๋ยนเที่ยนเงยหน้าขึ้น มองจี้จิ่งเชินจับมือไปกุมไว้ในมือ แล้วนวดให้อย่างพิถีพิถัน
เมื่อเห็นดังนี้ เธอถึงเข้าใจขึ้นมาทันที
มือของเธอถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ ไม่สามารถทำงานต่อได้แล้ว
จี้จิ่งเชินคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น ก้มหน้าลงนวดทั้งสองมือให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างพิถีพิถัน
กล้ามเนื้อที่เดิมตึงเครียด ภายใต้การนวดของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เริ่มฟื้นฟูกลับมา
นวดเป็นเวลาห้านาทีเต็มๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นจางลัยยี่ที่อยู่อีกด้านกำลังบูรณะ จึงเอ่ยเร่งรัด “พอแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่ทัน”
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินก็ก้มหน้าลงจูบลงบนปลายนิ้วของเธอเบาๆ
กลับไปด้านหลังเวินเที๋ยนเที๋ยนโดยไม่พูดอะไร
ทุกคนที่อยู่ที่นี่เห็นดังนั้น ก็ตะลึงงันไป
คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะมีภาพที่อ่อนโยนแบบนี้ หญิงสาวจำนวนไม่น้อยหน้าแดงเรื่อ ขอแค่หาคนแบบจี้จิ่งเชินได้ก็พอแล้ว
จางลัยยี่เห็นดังนั้น กลับแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“เอาใจมวลชน!”
ต่อให้ดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้วอย่างไร?
ครั้งนี้ คนชนะจะต้องเป็นเขา!
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนื้นคืนสภาพอีกครั้ง แล้วจึงก้มหน้าเริ่มบูรณะด้วยความรวดเร็ว
มีจี้จิ่งเชินอยู่ข้างหลัง ทุกครั้งเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่สังเกตเห็นว่ามือทั้งสองข้างของตัวเองรับภาระหนักเกินไปแล้ว จี้จิ่งเชินก็จะเร็วกว่าก้าวหนึ่ง เข้ามาช่วยนวดให้เธอ
เพียงแต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ของการนวดก็ค่อยๆ ลดลง
ตั้งแต่เริ่มต้น นวดหนึ่งครั้งทุกหนึ่งชั่วโมง ต่อด้วยสี่สิบนาที ครึ่งชั่วโมง……
เวลาน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็หมายความว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ถึงขีดจำกัดแล้ว
สายตาของจี้จิ่งเชินเป็นกังวลขึ้นเรื่อยๆ
การแข่งขันครั้งนี้ติดต่อกันเป็นเวลาห้าชั่วโมงเต็ม ในที่สุดก็จบลง
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนปล่อยมือจากเครื่องมือ มือทั้งสองข้างก็สั่นเทา
ชั่วโมงสุดท้าย เวินเที๋ยนเที๋ยนเกรงว่าจะไม่ทันเวลา จึงปฏิเสธการนวดของจี้จิ่งเชินไป ทนฝืนตัวเองจนเสร็จสิ้น
แต่เมื่อมองผลงานตรงหน้าที่บูรณะเสร็จสิ้นแล้ว มองจางลัยยี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ก็คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกต้องแล้ว
จางลัยยี่เองก็เสร็จสิ้นการบูรณะของตัวเองแล้ว มองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่อีกฝั่งด้วยสายตาลำพองใจ เห็นได้ชัดว่ามั่นใจกับผลงานครั้งนี้ของตัวเองมาก
ตอนนั้นเองเหล่ากรรมการก็เดินลงมา เปรียบเทียบวิเคราะห์งานทั้งสองคนอย่างละเอียด
เวินเที๋ยนเที๋ยนแข่งขันเสร็จสิ้นนานแล้ว ก็ถูกจี้จิ่งเชินที่อยู่ด้านจับมือไว้
ชายหนุ่มช่วยนวดให้เธอโดยไม่ส่งเสียงอะไร
เวินเที๋ยนเที๋ยน เธอก้มลงไปจูบลงบนหน้าผากของจี้จิ่งเชิน
“ขอบคุณ คุณมาก”
จี้จิ่งเชินจึงเงยหน้าขึ้นมา ในดวงตาสีดำสนิทแต่กลับลึกซึ้งเป็นอย่างมาก เมื่อมองเวินเที๋ยนเที๋ยนเจือแววโหดเหี้ยมเล็กน้อย
“รอกลับไปแล้ว…..”
เขาพูดได้เพียงครึ่งเดียว กลับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
กลับไปแล้วจะทำอะไร?
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงก่อนหน้านี้ ที่จี้จิ่งเชินเคยพูดไว้ ว่าจะคิดบัญชีกับเธอหลังจากกลับไปแล้ว
คงไม่มีเรื่องไม่ดีอะไรรอเธออยู่จริงๆ หรอกใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เวินเที๋ญนเที๋ยนก็ยิ้มไม่ออก
อีกด้านหนึ่ง เสียงประหลาดใจกลับดังขึ้นมาท่ามกลางเหล่ากรรมการ
“สุดยอด! สุดยอดจริงๆ!”
“คิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้”
“ฉันยังคิดว่าเธอจะแพ้แน่นอนแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมอง เห็นเหล่ากรรมหยิบผลงานที่เวินเที๋ยนเที๋ยนบูรณะก่อนหน้านี้ขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ ชื่นชมความสวยงาม
จางลัยยี่ได้ยินดังนั้น ในใจก็รู้สึกไม่เข้าใจ
“พวกเธอหมายถึงใคร?”
“แน่นอนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยน คิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ เธอยังทำออกมาได้โดดเด่นถึงขนาดนี้!”
“อะไร? เป็นไปได้อย่างไร?”
เขาแหวกฝูงคนออกแล้วพุ่งเข้ามาทันที
“พวกเธอทำเรื่องบ้าอะไรกัน? ดูผลงานของฉันดีๆ แล้วค่อยเทียบกับเธอ พวกเธอก็จะรู้ว่า ของฉัน……”
กรรมการคนหนึ่งกลับขมวดคิ้ว สายตาฉายแววเหยียดหยามเล็กน้อย
“ที่คุณพูดถึง คืออันนี้ใช่ไหม?”
พวกเขาหยิบเครื่องเคลือบที่จางลัยยี่บูรณะขึ้นมา วางไว้ตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยด้วยความเสียดาย “เดิมฉันคิดว่าคุณเป็นปรมาจารย์ บวกกับที่ครั้งก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนพ่ายแพ้ ไม่ต้องเปรียบเทียบ ก็รู้ผลลัพธ์แล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้”
จางลัยยี่ขมวดคิ้ว
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ต่อให้ฝีมือการบูรณะของฉันจะถดถอยเล็กบ้างก็จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะชนะ!