ตอนที่จะออกมานั้นจี้หยู๋ชิงรับประกันกับจี้จิ่งเชินเอาไว้แล้ว ว่าจะดูแลแม่ให้ดี
“เราไปกันเถอะครับ” เขาพยักหน้าลง แล้วพาเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปอีกทางด้านหนึ่ง
พวกเขาเพิ่งจะออกมานั้น ร่างสูงใหญ่สองสามคนนั่นก็มาถึงท่าเรือ มองตรวจสอบไปรอบๆ ก็หาตัวคนไม่เจอ
คนหนึ่งที่เป็นคนนำนั้นกดโทรศัพท์ในมือโทรออก ใช้ภาษาในท้องที่นั้นรายงาน : “ลูกพี่ หาไม่เจอเลยครับ”
“แต่ว่าบนร่างกายของพวกเขามีสิ่งหนึ่งของเรือสำราญอยู่ด้วย ก่อนที่เรือจะออกเดินทาง เราส่งคนคอยสำรวจอยู่ข้างนอกตลอด ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นขึ้นเรือไป”
“ครับ เธอคงจะยังอยู่บนเกาะนี้”
ทางปลายสายนั้นส่งเสียงออกมาปนกับความโมโห “เร็วเข้า! รีบคิดหาวิธีหาตัวเธอให้เจอ จะให้เธอเจอความลับในนั้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
“ครับ”
วางสายไปแล้ว สองสามคนตรงนั้นก็ตามหาตัวเธอกันต่อ เป้าหมายแรกก็คือโรงแรมบริเวณใกล้ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาจี้หยู๋ชิงออกมาจากท่าเรือ ก็รีบหาบริเวณรอบๆนั้นโดยเร็ว
เธอไม่ได้เลือกโรงแรม แต่กลับเดินไปยังตึกถิ่นที่อยู่อาศัยของท้องที่นั้น
ถ้าหากทางฝ่ายนั้นต้องการจะหาตัวพวกเธอจริงๆ จะต้องเริ่มลงมือจากภัตตาคารหรือโรงแรมก่อนอย่างแน่นอน
ถ้าหากพักอยู่ในบ้านท้องที่นี้ ก็จะสามารถหลบเลี่ยงจากการตามหาของพวกเขาได้ อีกทั้งยังสามารถได้ทราบข่าวคราวเกี่ยวกับพื้นที่นี้ได้ไม่น้อยอีกด้วย ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่นของที่นี่นั่นเอง
แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงแค่ต้องฝืนที่จะไปปฏิสัมพันธ์ด้วยเพียงเท่านั้น
เมื่อเคาะประตู เด็กผู้หญิงวัยรุ่นดูแล้วอายุราวๆยี่สิบก็เดินออกมา
และพอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้หยู๋ชิงแล้ว ก็เอ่ยถามขึ้น แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับฟังไม่เข้าใจเลย
น่าเสียดายที่ตอนจะลงมาจากเรือนั้นเธอกับจี้หยู๋ชิงไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือติดมาด้วย จึงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะแปลหรือติดต่อกับจี้จิ่งเชินได้เลย
ขณะที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังลังเลว่าจะควรจะสื่อสารออกมาอย่างนั้น จี้หยู๋ชิงก็เอ่ยขึ้นตอบคำถามของอีกฝ่ายแล้ว อีกทั้งตอบได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
เห็นแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เบิกตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ลูกพูดภาษาท้องถิ่นนี้ได้ด้วย?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง พลางเอ่ยขึ้นอย่างอายๆ : “ก่อนหน้านี้คุณพ่อช่วยลงวิชาที่เกี่ยวข้องให้น่ะครับ แต่ว่าสื่อสารได้เพียงแค่ที่ใช้ในชีวิตประจำวันปกติเท่านั้นเองครับ”
เนื่องจากว่าการเรียนรู้ของจี้หยู๋ชิงนั้นมีความรวดเร็ว เพื่อเป็นการขัดขวางกับการที่จี้หยู๋ชิงไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน พูดได้ว่าจี้จิ่งเชินก็คิดหาวิธีทั้งหมดเอาไว้แล้ว
คุณครูที่บ้านนั้นก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก วิชาที่คิดได้ทั้งหมดนั้นก็ให้เขาเรียนไปหมดแล้ว
บทเรียนวิชามากมายมหาศาลเหล่านั้นก่อนหน้านี้ทำให้จี้หยู๋ชิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะสามารถเอามาใช้ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเอ่ยขึ้น : “จี้หยู๋ชิง ลูกถามเธอให้หน่อย ว่าให้พวกเราพักอยู่ที่นี่ได้หรือเปล่า?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้า แล้วหันไปพูดคุยกับคนๆนั้น
“พี่สาวคนนี้ยอมให้พวกเราพักอยู่ที่นี่แล้วครับ เพียงแต่เรื่องอาหารการกินพวกเราจะต้องเป็นคนจ่ายเอง อีกทั้งห้องก็มีเพียงแค่ห้องเดียวด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงอย่างพอใจ
คนๆนั้นพาพวกเขาเดินเข้าไป สิ่งก่อสร้างของที่นี่นั้นส่วนมากที่ปรากฏให้นั้นมักจะเป็นสีขาว บนผนังนั้นจะมีไม้เลื้อยและพืชประเภทเถาวัลย์ ปกคลุมไปทั้งผนังกำแพง ดูแล้วช่างสวยงามยิ่งนัก
สถานที่พักนั้นเป็นเพียงแค่ห้องนอนที่คับแคบห้องหนึ่งเพียงเท่านั้น แล้วก็มีเพียงแค่เตียงเดียว แต่ก็เพียงพอสำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู่ชิงทั้งสองคน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้ว ก็ไม่รู้สึกเป็นกังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้
“พวกเราพักกันที่นี่ก่อน สืบข่าวคราวจากทางนี้ไป พลางรอจี้จิ่งเชินมาช่วยพวกเราด้วย”
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง บนเรือสำราญที่เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งมาก่อนหน้านี้กำลังประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่!
ความโมโหของจี้จิ่งเชินนั้นราวกับลมพายุ ที่กวาดพัดเรือทั้งรำ เหมือนกับพายุไต้ฝุ่นพัดผ่าน
ลูกเรือทั้งหมดล้วนยืนอยู่ด้วยกัน ก้มหน้าลงอย่างอกสั่นขวัญหาย เผชิญหน้ากับความโมโหของจี้จิ่งเชิน ตกใจกันจนตัวสั่น
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้เลยว่า มีคนใหญ่คนโตอยู่บนเรือสำราญนี้ด้วยเหมือนกัน ถ้าหากรู้ก่อนหน้านี้ จะต้องพากันระวังเป็นพิเศษอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้กลับมาเผชิญกับปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่าเสียอีก
สีหน้าของจี้จิ่งเชินเคร่งขรึมมาก แววตามีความโมโห โถมซัดสาดเข้ามาไม่หยุด
แววตาที่เย็นชา เหมือนกับมีดที่แหลมคม มองไปแวบเดียวนั้นก็ทำให้คนยิ่งรู้สึกกลัวสุดขีด
ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมงกว่า จี้จิ่งเชินถึงได้เสร็จสิ้นการประชุมของบริษัท แต่กลับไม่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมา
เขาโทรออกหาเธอ กลับพบว่าโทรศัพท์ถูกลืมเอาไว้บนเรือสำราญ ในใจนั้นก็รู้สึกไม่สงบขึ้นมาทันที
ตอนที่เตรียมตัวจะออกไปตอนหานั้น จู่ๆเรือสำราญก็เคลื่อนที่
เขารีบให้คนหาบนเรือสำราญรอบหนึ่ง แต่กลับไม่เจอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงไม่ได้อยู่บนเรือ!
จะต้องมีเรื่องอะไรที่ทำให้ช้าจนเสียเวลาอย่างแน่นอน จึงทำให้ไม่ทันขึ้นเรือ ติดอยู่บนเกาะ
รับรู้ได้ถึงจุดนี้แล้ว จี้จิ่งเชินก็รีบหาตัวกัปตันเรือและพนักงานทั้งหมด แล้วสั่งให้พวกเขาเดินเรือกลับไป
ได้ยินความต้องการนี้แล้ว กัปตันจึงเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ : “ขอโทษด้วยนะครับ MR.จี้ เราออกมาจากท่าเรือแล้ว เตรียมที่จะมุ่งหน้าไปยังอีกสถานที่นึง ถ้าหากจะเดินเรือกลับ แล้วจอดพักที่เกาะนั้น จะต้องยื่นเรื่องก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน เนื่องจากว่าท่าเรือที่เกาะนั้นเล็ก และแออัดมาก ไม่สามารถจอดเทียบได้เลยครับ”
เขาฝืนใจ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่สามารถขัดใจได้ก็ตาม แต่กลับต้องทำแบบนี้
“ถ้าหากคุณต้องการกลับไป เราจะยื่นขอตำแหน่งท่าเรือให้คุณใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนเรืออีกลำเพื่อส่งคุณกลับไปครับ”
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ใบหน้าของจี้จิ่งเชินก็ดูเยือกเย็นลงอีกครั้ง เหมือนกับฤดูหนาวในช่วงเดือนสาม
สองสามคนนั้นรู้สึกตกใจ รีบหยุดลงไม่กล้าที่จะเอ่ยพูดต่อ
ไม่นาน บนหน้าผากนั้นก็มีเหงื่อผุดออกมา
จี้จิ่งเชินเม้มปาก แล้วเอ่ยขึ้น : “ในเมื่อเรือสำราญไม่สามารถจอดได้ สปีดโบ๊ทใช้ได้ไหม? เอาสปีดโบ๊ทบนเรือนี่ให้ผม เดี๋ยวผมไปเอง”
ได้ยินแล้ว จึงรีบเอ่ยพูดขึ้น : “MR.จี้ แบบนี้อันตรายเกินไปครับ! ตอนนี้คลื่นข้างนอกลูกใหญ่ จะใช้สปีดโบ๊ทเข้าฝั่งนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากนะครับ”
“ผมให้คุณเอาสปีดโบ๊ทให้ผมไง!”
จี้จิ่งเชินโมโหแล้วยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
กัปตันตกใจจนตัวสั่น ไม่กล้าแย้งอีก
“ผมจะให้คนไปเตรียมให้ตอนนี้เลยครับ”
หลังจากนั้นสิบนาที จี้จิ่งเชินก็นั่งสปีดโบ๊ทไป โดยมีบอร์ดี้การ์ดสองคนติดตามไปยังเกาะเล็กนั้นด้วย
สีหน้าของเขาดูแย่มาก แววตาปรากฏความกังวลออกมา
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่การเรียนรู้ของจี้หยู๋ชิงเป็นไปได้อย่างรวดเร็วก็จริง ความสามารถอย่างเขาในตอนนี้ พอที่จะปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนได้อยู่จริงๆ
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีบอร์ดี้การ์ดที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตามพวกเขาไปด้วย ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องโดยเด็ดขาดสิถึงจะถูก
อีกทั้งผ่านมานานขนาดนี้แล้ว บอร์ดี้การ์ดพวกนั้นยังไม่มีการติดต่อตัวเขาเลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตามองไปยังเกาะที่อยู่ไม่ไกลนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยน จะต้องไม่เกิดเรื่องขึ้นกับคุณ
คลื่นทะเลรอบๆยังคงซัดสาดมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเร็วของพวกเขาเลย
ไม่นาน สปีดโบ๊ทก็จอดลงเทียบฝั่ง
และเพิ่งจะเหยียบลงบนเกาะ จี้จิ่งเชินก็เอ่ยขึ้น : “หาข้อมูลเกี่ยวกับเกาะนี้ แล้วก็อิทธิพลในพื้นที่นี่ด้วย อย่าให้รายละเอียดตกหล่นไปนะ แล้วก็อย่าให้คนอื่นรู้ด้วย ว่าเรากำลังตามหาเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้หยู๋ชิงอยู่”
“ครับ”
บอร์ดี้การ์ดสองคนเร่งรีบขึ้นมา
จี้จิ่งเชินเดินไปในใจกลางของเกาะ สามารถส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของจี้หยู๋ชิงและบอร์ดี้การ์ดสองสามคนนั้นได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน ควรจะต้องระวังเอาไว้ก่อน
กล้าแตะต้องเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้หยู๋ชิง เป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!