เจ้าหน้าที่พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง แล้วจู่ๆก็รู้สึกได้ว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว จึงรีบหยุดลง
“เรื่องราวพวกนี้มันซับซ้อนเกินไป หนูไม่ต้องรู้หรอก จำไว้เพียงแค่ว่า ต่อไปอยู่ให้ห่างจากพวกเขาก็พอแล้ว”
ถึงแม้จะเป็นเพียงประโยคเดียวที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้วดวงตากลับเป็นประกายขึ้นมาทันที
สมบัติล้ำค่า?
ตอนช่วงเวลานี้ เจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ที่สถาบันวิจัยข้างๆเดินกลับมาแล้ว พลางเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย : “แปลก ข้างๆเรานี่ไม่มีคนขององค์กรนั่นอยู่เลยนี่”
จี้หยู๋ชิงเอ่ยพูดอย่างเขินอาย : “ผมอาจจะมองผิดมั้งครับ แต่ทางฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายใส่ชุดสูทจริงๆนะครับ ดูดุมากเลย”
ทั้งสองคนพยักหน้าลง โดยไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว
“ช่างเถอะ ถึงแม้ครั้งนี้จะมองผิด แต่ก็ต้องระวัง จะผ่อนคลายไม่ได้เหมือนกัน”
ในเมื่อเขากลับมาแล้ว จี้หยู๋ชิงก็ไม่สามารถจะได้รับข่าวคราวอะไรจากปากของพวกเขาได้อีกแล้ว จึงรีบเอ่ยขึ้น : “อา! ผมนึกขึ้นมาได้ คุณแม่บอกว่าให้ผมรออยู่ข้างนอก”
ว่าแล้วก็โบกมือให้กับทั้งสองคนนั้น แล้วหันหลังเดินออกไปทางด้านนอก
กำลังเตรียมจะออกไปนั้น ชายร่างสูงใหญ่ที่สวมใส่ชุดสูทสีดำก็เดินเข้ามาทางด้านหน้า ใบหน้าปูดโปน แววตาดุร้าย
จี้หยู๋ชิงไม่ทันระวัง เกือบจะชนเข้ากับพวกเขาแล้ว
“ทำอะไรน่ะ?”
คนนั้นตำหนิออกมาเสียงดัง
จี้หยู๋ชิงรีบก้าวถอยหลังไป ไม่ได้เอ่ยพูดออกมา
สายตาของฝ่ายนั้นกวาดตามอง แล้วพบว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นพวกผมดำตาดำ อีกทั้งบนร่างกายของเขายังมีสัญลักษณ์ของเรือสำราญนั่นด้วย จึงมองเขาด้วยความสงสัยขึ้นมาในทันที
“แกเป็นคนที่อยู่บนเรือสำราญ?”
พวกเขาแย่งเอาเครื่องหมายที่ติดอยู่บนตัวของจี้หยู๋ชิงมา
จี้หยู๋ชิงรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาในทันที คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำความผิดที่ใหญ่หลวงขนาดนี้ ลืมเอาตราเครื่องหมายนั้นออก!
ทางฝ่ายนั้นก้าวเข้ามาใกล้ประชิดตัว
ในใจของจี้หยู๋ชิงรู้สึกลนลาน และไม่นานก็สงบนิ่งลง ใบหน้าที่ไร้เดียงสา มองพวกเขาอย่างงุนงง น้ำเสียงปนความหวาดกลัว
ใช้ภาษาท้องถิ่นเอ่ยพูดอย่างคล่องแคล่ว : “อันนี้หรือครับ? ผมเก็บได้จากข้างนอกเมื่อคืนนี้ครับ”
ผู้ชายสองสามคนนั้นมองดูท่าทางของจี้หยู๋ชิงอย่างละเอียด ถึงแม้ทางฝ่ายนั้นจะเป็นพวกผมดำตาดำ แต่อายุน้อยขนาดนี้สามารถพูดภาษาของประเทศพวกเขาได้อย่างไหลลื่นขนาดนี้ คงจะไม่ใช่คนต่างประเทศเช่นกัน
สถานที่นี้มีคนต่างประเทศพักอาศัยอยู่ไม่น้อยก็จริง ถ้าหากเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่เก็บได้เมื่อคืน ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าเป็นของผู้หญิงคนนั้นที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ทิ้งเอาไว้
พวกเขารีบเอ่ยถามขึ้น : “แกไปเก็บได้มาจากที่ไหน”
แววตาของจี้หยู๋ชิงปรากกฎความหวาดกลัวออกมา พลางเอ่ยพูดอย่างติดอ่าง : “ก็ที่ ที่ท่าเรือครับ…..”
สองสามคนนั้นได้ยินแล้ว ในใจนั้นก็ยิ่งมั่นใจ แล้วเก็บเอาตราสัญลักษณ์อันนั้นเอาไว้
“ไปซะ ไม่ใช่เรื่องของแก”
ใบหน้าของจี้หยู๋ชิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วรีบหนีหายวับไปในทันที
แล้วสองสามคนนั้นถึงได้ละสายตากลับมา
คนหนึ่งเอ่ยขึ้น : “ฉันว่าแกระแวงไปหมดแล้วนะ แค่เด็กคนนึงจะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ยังไง? ต่อให้เด็กนี้จะฉลาดกว่านี้ ก็เป็นไปไม่ได้หรอกว่าจะสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างไหลลื่นขนาดนี้ ใจเย็นๆหน่อยสิ”
“เอาเถอะ ฉันคิดมากไปเอง ใครให้พวกเราหากันมาทั้งวันแล้วก็ยังหาตัวผู้หญิงคนนั้นไม่เจอกันล่ะ? เธอไปหลบอยู่ที่ไหนกันแน่นะ? เป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าหากเธอเจอเข้าจริงๆ ก็แย่แน่ๆ”
สองสามคนนั้นร้อนใจมาก วันนี้ที่พวกเขามา ก็อยากจะถามคนที่สถานทูต ว่าเห็นเงาผู้หญิงคนนั้นบ้างหรือเปล่า
หลังจากที่จี้หยู๋ชิงหนีออกมาจากสถานทูตได้แล้ว ก็ไม่ได้ไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนในทันที แต่กลับอ้อมไปอีกรอบหนึ่ง
แน่ใจว่าคนข้างหลังถูกสลัดทิ้งไปแล้วนั้น ถึงได้กลับมายังสถานที่ที่นัดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
เห็นเขากลับมาในที่สุดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปหา
“หยู๋ชิง ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เมื่อครู่นี้เธออยู่สำรวจสถานการณ์ทางด้านนอกสถานทูตอยู่ตลอด ตอนที่เห็นสองสามคนนั้น ก็รีบหาที่หลบทันที
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเป็นกังวลมากที่จี้หยู๋ชิงยังอยู่ในสถานทูต แต่เพียงแค่ต้องซ่อนตัวเองเอาไว้ ทางฝ่ายนั้นถึงจะได้ไม่สงสัยในตัวจี้หยู๋ชิง
รอด้วยความรู้สึกกลัวมาเป็นชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็เห็นจี้หยู๋ชิงปรากฏตัวขึ้น เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
“เป็นยังไงบ้างครับ? พวกเขาไม่ได้สงสัยลูกใช่ไหม?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง
“วางใจได้ครับคุณแม่ พวกเขาคิดว่าผมเป็นเพียงแค่เด็กในท้องที่นี่เท่านั้น อีกทั้งนอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมยังสืบเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านี้มาได้ด้วยครับ ถ้วยเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวใบนั้น ดูเหมือนกับจะซ่อนความลับของสมบัติล้ำค่าใต้ทะเลเอาไว้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ
“เป็นแบบนี้จริงๆด้วย”
ก่อนหน้านี้เธอก็เดาบางอย่างได้บ้างแล้ว ถ้าหากเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวที่อยู่ในมือของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสมบัติเหล่านั้น ทางฝ่ายนั้นก็คงไม่ต้องมาแย่งกลับไปด้วยความยากลำบากขนาดนี้
ถึงแม้ว่าเครื่องเคลือบลายครามชิ้นนั้นจะล้ำค่า แต่เมื่อเทียบกับสมบัติล้ำค่าทั้งหมดแล้ว เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยมากเท่านั้นเอง
ที่พวกเขาต้องการจริงๆก็คือ เบาะแสที่เกี่ยวข้องกับสมบัติล้ำค่าที่อยู่บนถ้วยเครื่องเคลือบลายครามใบนั้นมากกว่า
ตอนนี้พวกเขายังหาไม่เจอ ดังนั้นถึงได้ให้ความสำคัญมากขนาดนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงลวดลายที่ซับซ้อนบนถ้วยเครื่องเคลือบลายครามใบนั้นแล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกสงสัย
ไม่คิดเลยว่าด้านบนนั้นจะซ่อนความลับของสมบัติล้ำค่าเอาไว้?
เธอเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ : “เรากลับกันก่อนดีกว่า ไปดูว่าด้านบนนั้นซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง แล้วกลับมาที่บ้านพร้อมกันกับเธอ แล้วเอาเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง
ลวดลายบนเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวแปลกอยู่บ้างจริงๆ สำหรับถ้วยใบนึงแล้ว ไม่จำเป็นต้องวาดลวดลายมากขนาดนี้ เกือบจะเต็มถ้วยทั้งใบอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าเป็นเอกลักษณ์ของถ้วยใบนี้เสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะซ่อนความลับเอาไว้มากมายขนาดนี้
จี้หยู๋ชิงเบิกตาขึ้น มองพิจารณาอย่างละเอียด
“คุณแม่ครับ ในถ้วยเครื่องเคลือบลายครามใบนี้ซ่อนสมบัติล้ำค่าเอาไว้จริงหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็มองไม่ออกเช่นกัน
“ไม่ว่าจะจริงหรือเปล่า ในเมื่อคุณคนนั้นเสี่ยงตายเอาออกมาแล้ว เราก็จะต้องดูแลเอาไว้ให้เป็นอย่างดี”
แล้วเธอก็ซ่อนเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวใบนั้นเอาไว้อีกครั้ง แล้วหันออกไปมองยังนอกหน้าต่าง
ตอนนี้เธอแยกกับจี้จิ่งเชินผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งคืนแล้ว และบวกกับช่วงเวลาในช่วงเช้าอีก ความสามารถอย่างจี้จิ่งเชิน ควรจะเริ่มออกตามหาพวกเธอตั้งแต่แรกแล้วสิ แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีกกัน?
ในขณะเดียวกัน อีกทางด้านหนึ่งบนเกาะ
บอร์ดี้การ์ดที่ส่งไปสืบข่าวคราวก็ได้ข่าวเกี่ยวกับทั้งเกาะนี้อย่างละเอียดกลับมาแล้ว แน่นอนว่าเรื่องราวเกี่ยวกับองค์กรนั้นก็ไม่ตกหล่นเลยด้วยเช่นกัน บันทึกเอาไว้อย่างละเอียด
จี้จิ่งเชินอ่านข้อมูลในมือ
“ยังไงนะ พวกเขาแย่งชิงถ้วยเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวใบนั้นเกี่ยวข้องกับสมบัติที่อยู่ในทะเลหลวงอย่างนั้นหรือ?”
บอร์ดี้การ์ดทั้งสองคนพยักหน้าลง
“คุณนายเองก็ดูเหมือนกับถูกดึงเข้าไปในเรื่องนี้ด้วยครับ ได้ยินมาว่าตอนนี้คนขององค์กรนั้นกำลังตามหาเครื่องเคลือบลายครามที่หายไปอยู่ เป็นไปได้มากว่าจะอยู่ในมือของคุณนาย”
“หาที่อยู่ของเธอเจอแล้วหรือยัง?”
สองสามคนนั้นพยักหน้าลง “เหมือนกับที่คุณผู้ชายพูดไว้เลยครับ ว่าคุณนายไม่ได้พักอยู่ในโรงแรม”
เมื่อวานตอนที่พวกเขาเตรียมจะไปตามหาเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้น จี้จิ่งเชินทิ้งเอาไว้ประโยคหนึ่ง ให้พวกเขาไม่ต้องไปหาตามโรงแรม ให้ไปหาตามหอพักในท้องที่นั้นๆแทน
และเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ วันนี้ช่วงเช้าพวกเขาก็พบว่า เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ไปที่โรงแรมจริงๆ แต่กลับเลือกที่จะพักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินจึงยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย
เหมือนกับที่เขาคาดเดาเอาไว้ ถึงแม้จี้หยู๋ชิงกับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็ยังไม่ได้ขาดสติ กลับวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างชำนาญ