“แน่ใจว่าจะทำแบบนี้หรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงหน้าประตูสถาบันวิจัย มองไปยังด้านในอย่างกังวล
เวลานี้ ข้างๆกายพวกเขานั้นไม่มีบอร์ดี้การ์ดเลยแม้แต่คนเดียว
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าคุณบอกว่าต้องการดูสถานการณ์ของศาสตราจารย์สองสามคนนั้นก่อนนี่ครับ? ถ้าหากผลีผลามบุกเข้าไป พวกนั้นจะต้องเอาตัวพวกศาสตราจารย์เป็นตัวประกันอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจจะเป็นอันตราย พวกเราเข้าไปกันก่อน หลังจากนั้นก็โจมตีขนาบด้านนอกและด้านในประสานกัน ถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาพูดโน้มน้าว จนต้องพยักหน้าลง
“นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วจริงๆค่ะ”
ถ้าหากมีจี้จิ่งเชินแอบเข้าไปกับเธอด้วยแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“จี้หยู๋ชิงให้ลูกอยู่ข้างนอกก็แล้วกันนะครับ มันอันตรายเกินไป” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดต่อ
“ค่ะ”
จี้หยู๋ชิงยืนอยู่ข้างๆ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากออกมาเลยนั้น ก็ถูกขวางเอาไว้ให้อยู่ทางด้านนอก ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้ ว่าจี้จิ่งเชินเสนอความคิดนี้ขึ้นมานั้น ใช่ว่าตั้งใจที่จะทิ้งเขาให้อยู่ทางด้านนอก แล้วเข้าไปในสถาบันวิจัยไปกับเวินเที๋ยนเที๋ยนหรือเปล่า
แต่ถ้าหากต้องการจะโจมตีขนาบด้านนอกและด้านในจริงๆ จำเป็นที่จะต้องมีคนคอยกำกับอยู่ข้างนอกด้วย เขาจึงต้องอยู่ข้างนอกตามแผน
หลังจากที่ตัดสินใจแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินถึงได้เดินเข้าไปด้านในด้วยกัน
เพิ่งจะเข้าประตูมานั้น ก็ถูกคนขององค์กรอันธพาลมืดพบเข้าแล้ว
ภายในห้องโถงใหญ่นั้น คนจำนวน7-8คนพุ่งเข้ามาแล้วรอบล้อมพวกเขาเอาไว้
เรื่องที่พักก่อนหน้านี้นั้นได้ถูกส่งมาถึงพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินเป็นใคร แต่ก็จะประมาทไม่ได้เช่นกัน
เห็นท่าทางของพวกเขาทุกคนที่มีอาวุธและมีท่าทีที่ระมัดระวังแล้ว จี้จิ่งเชินก็ยกยิ้มขึ้นมา อย่างไม่ได้รู้สึกกังวล
ท่าทางแบบนั้นดูแล้วไม่เหมือนกับมาอยู่ในอาณาเขตของคนอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับดูเหมือนกำลังอยู่ในสวนดอกไม้ที่บ้านตัวเองเสียอีก ราวกับเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่มีใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เขามองไปรอบๆ และไม่นานก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างเตี้ย ศีรษะล้าน สวมใส่ชุดสูทคนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะใส่ชุดสูท แต่เนื่องจากอ้วนลงพุง กระดุมของชุดสูทนั้นจึงไม่สามารถติดได้เลย ใบหน้ามันเยิ้ม ใบหน้าแดงเล็กน้อย แววตาขุ่นมัว มองมายังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“พวกแกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
จี้จิ่งเชินดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา ถึงแม้เขาจะมั่นใจในการกระทำครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ยอมให้เกิดอันตรายใดๆกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเด็ดขาด
ปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ทางด้านหลัง และพลางเอ่ยขึ้น : “ฉันคิดอย่างจริงจังแล้วว่าเรื่องสมบัติครั้งนี้ ก็สามารถจะร่วมมือกันกับพวกแกได้จริงๆ”
สองสามคนของพวกอันธพาลมืดนั้นมองสบตากัน แววตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยพูดถึงการขอให้มาร่วมมือกันกับพวกเขาแล้ว แต่ก็ถูกฝ่ายนั้นปฏิเสธอย่างยื่นคำขาด ทำไมเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆก็มาเปลี่ยนความคิดแล้วกัน?
จี้จิ่งเชินยิ้มออกมาเล็กน้อย : “ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้ถึงตำแหน่งที่เป็นรูปธรรมแล้ว คลี่คลายเบาะแสด้านบนได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นต่างประเทศ หากตามกฎของประเทศฉันแล้ว ก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาเจอที่ทะเลหลวง ใช้ในประเทศก็จะต้องชำระภาษีที่แพงมาก ถึงตอนนั้นก็คงจะเหลือเพียงของมีค่าเพียงแค่ครึ่งเดียว สู้ร่วมมือกับพวกแก ขายได้ราคาที่สูงขึ้นดีกว่า”
ทางฝ่ายนั้นได้ยินแล้ว ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วรีบเดินเข้ามา
พลางเอ่ยด้วยความเซอร์ไพรส์ : “พวกแกพบตำแหน่งโดยรูปธรรมของสมบัติแล้วหรือ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“จุดนี้คงต้องชมภรรยาของฉัน หลังจากที่เธอได้ถ้วยเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวใบนั้นไปแล้ว ก็หาเบาะแสด้านบนเจอ สามารถมั่นใจในตำแหน่งที่เป็นรูปธรรมของสมบัติล้ำค่านั่นได้แล้ว แต่เกี่ยวกับการขุดและงานขายหลังจากนี้ สำหรับพวกฉันแล้วมีความยากลำบากอยู่บ้างจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงคิดอยากจะมาร่วมมือกับพวกแก”
ใบหน้าของคนๆนั้นดีใจขึ้นมาในทันที ก่อนหน้านี้เขาเปลืองคนและเปลืองแรงโดยสูญเปล่ามาตั้งมากมายขนาดนี้ ก็ไม่ได้มีความแน่ใจเลยว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ ตอนนี้ทางฝ่ายนั้นก็มาบอกว่าต้องการร่วมมือด้วยถึงที่แล้ว จะมีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธเสียที่ไหนกัน?
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!” คนๆนั้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ : “เข้ามาสิ ถ้าหากพูดแบบนี้มาตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ก็ไม่ต้องมาปะทะตาต่อตาฟันต่อฟันแบบนี้แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเดินเข้ามาด้านในภายใต้การนำของพวกเขา
จี้จิ่งเชินเดินเข้าไปทางด้านในพลางมองบริเวณรอบๆไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่วิจัยด้านวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยใดๆเลย แต่กลับมีแต่สมาชิกขององค์กรอันธพาลมืดนี้เป็นจำนวนไม่น้อยเลยเสียอย่างนั้น
เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างตามใจ : “เอาสำนักงานใหญ่ของสถาบันวิจัยมาตั้งตรงนี้ไม่กลัวถูกตำรวจในพื้นที่จับได้หรอกหรือ?”
ทางฝ่ายนั้นหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“แกวางใจได้ ฉันคุ้นเคยกับทางตำรวจทางนั้นดี ถ้าหากมีคนมาตรวจสอบ พวกเขาก็จะแจ้งฉันก่อนล่วงหน้า”
จี้จิ่งเชินหลุบตาลง แสงสลัวๆส่องผ่านรูม่านตาที่มืดมิด มิน่าล่ะถึงได้กำเริบเสิบสานขนาดนี้ ที่แท้ก็มีการสมรู้ร่วมคิดกันนี่เอง
เรื่องสมบัติล่ำค่าแบบนี้ พวกเขาคงจะเอาขาเข้าร่วมไปข้างหนึ่งแล้วล่ะมั้ง?
ดูแล้วการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของเขานั้นถูกต้องแล้ว ที่ข้ามสถานีตำรวจไปแล้วเจรจากับคนที่อยู่สูงอีกขั้นหนึ่ง ให้พวกเขาส่งคนมาจัดการ
เพียงแต่รอให้ทางฝ่ายนั้นมา ยังจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาอยู่บ้าง เขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน
ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้านใน ทางฝ่ายนั้นแทบรอไม่ไหวที่จะเอ่ยถามขึ้น : “สมบัติล้ำค่าที่พวกแกหาเจอนั้นอยู่ที่ไหน?”
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นกอดกล่องที่ใส่เครื่องเคลือบลายครามเอาไว้ตลอด สายตาของฝ่ายนั้นจึงมองอยู่ที่ร่างของเธอตลอดเช่นกัน
เวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เอ่ยขึ้น : “เกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การคาดเดาของฉันเท่านั้น ยังจำเป็นที่จะต้องปรึกษากับศาสตราจารย์ที่นี่ด้วย ต้องได้รับข้อมูลจากปากของพวกเขาด้วยถึงจะใช้ได้”
ได้ยินแล้ว คนๆนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ให้พวกแกเจอนะ แต่คนพวกนั้นเป็นพวกหัวแข็ง พูดอะไรไปก็ไม่ยอมที่จะให้ความร่วมมือหรอก ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีเพียงแค่พวกนั้นที่จะสามารถวิจัยความลับนี้ออกมาได้ ฉันก็คงฆ่าพวกนั้นไปตั้งแต่แรกแล้ว”
น้ำเสียงของเขานั้นแสดงความโหดร้ายออกมา เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ จึงรีบเอ่ยขึ้น : “ฉันเพียงแค่อยากจะถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องราวบนเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนั่นสองสามอย่าง อยากจะได้คำตอบมาตลอด การคาดเดาของฉันก่อนหน้านี้ก็จะถูกต้องแล้ว”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”
คนๆนั้นยิ้ม แล้วรีบรับปาก “ขอเพียงแค่หาสมบัติล้ำค่าเจอ ทุกอย่างก็สามารถปรึกษาพูดคุยกันได้หมด”
เขาพาทั้งสองคนกลับมายังสถานที่ที่กักขังศาสตราจารย์เหล่านั้นไว้
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง จางเชียงหนิงและศาสตราจารย์อีกสองสามคนนั้นก็มองมาด้วยความประหลาดใจ
พวกเขายังคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องกลับประเทศไปแล้วอย่างแน่นอน แล้วแจ้งกับคนอื่นๆให้มาช่วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนทั้งสองฝั่งนี้จะกลับมายืนอยู่ฝั่งเดียวกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เวินเที่ยนเที๋ยนรู้ความคิดในใจของพวกเขาเวลานี้ พลางเอ่ยขึ้น : “คือแบบนี้ค่ะ ฉันมีคำถามที่อยากจะถามท่านศาสตราจารย์ ถ้าหากสามารถได้รับคำตอบ ก็จะสามารถเข้าใกล้ตำแหน่งของสมบัติได้แล้ว”
ศาสตราจารย์สองสามคนนั้นมองสบตากัน ในใจรู้สึกงงงวยเป็นอย่างมาก
จางเชียงหนิงเอ่ยขึ้น : “ทำไมเธอถึงได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพวกเขา?”
ชายวัยกลางคนๆนั้นหัวเราะขึ้นอย่างพอใจ : “พวกเขามาขอความร่วมมือจากฉันเอง เพียงแค่หาตำแหน่งของสมบัติเจอ พวกเราก็จะสามารถร่วมมือกันแล้วขุดสมบัติล้ำค่านั่นขึ้นมาแบ่งกันได้แล้ว”
“อะไรนะ?” สีหน้าของจางเชียงหนิงเปลี่ยนไปมาก แล้วมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ก็เคยดูการแข่งขันบูรพาวัตถุโบราณที่เป็นที่ฮือฮากันทั่วโลกครั้งนั้น พอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่บ้าง
ดังนั้นในตอนที่เจอกับเวินเที๋ยนเที๋ยนโดยไม่เจตนาระหว่างทางนั้น จางเชียงหนิงถึงได้พุ่งเข้าไปหาอย่างไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น เพื่อเอาของที่ตัวเองขโมยมามอบให้กับเธอ