บทที่ 947 จุดอ่อนของท่านยา
ยิ่งไปกว่านั้นลมพายุหิมะแรง หยุนโล๋ชวนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ฮ่องเต้ชิงหยินจับมือหยุนโล๋ชวน แล้วพูดว่า “พวกเรากลับเถอะ”
เมื่อทั้งสองกลับไป คนอื่นๆก็เห็นกงชิงวี่ และรู้สึกว่าวันนี้พวกเขาอยู่รอก็คงไม่ได้พบ โดยเฉพาะวันนี้สามีภรรยาพบกัน หากพวกเขาเข้าไป จะกลายเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
สามีและภรรยาไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว เมื่อพบกันแล้วคงจะมีเรื่องพูดมากมาย
รถม้าที่อยู่นอกประตูเริ่มกลับไปทีละคัน และกงชิงวี่ก็เข้าไปในสนาม
กงชิงวี่มาถึงสนาม เหลือบมองไปที่ประตู มีใครบางคนยืนอยู่ที่ประตู ดูเป็นคนซื่อสัตย์
ราชาหมาป่าและราชินีหมาป่าอยู่ที่นั่นด้วย
เมื่อเห็นกงชิงวี่ ราชาหมาป่าเดินมาหากงชิงวี่และเงยหน้าขึ้นมอง กงชิงวี่พูดว่า “เรียกนางออกมา และบอกว่าข้ามาแล้ว”
ราชาหมาป่ามองกงชิงวี่สักพัก ราวกับกำลังครุ่นคิดว่าจะทำตามคำพูดของเขาหรือไม่
และเมื่อราชาหมาป่าเหลือบมองไปที่ขาของกงชิงวี่ และก็ให้เกียรติเขา แล้วหันตัวเดินกลับเข้าไปที่บ้าน
ไม่นานราชาหมาป่าออกมา และหมอบลงหน้าประตู
เดิมทีเห้าเทียนคิดว่า ท่านปู่ของเขาเก่งกาจมาก แต่ตอนนี้เหมือนถูกหยามนิดหน่อย และก็ไม่ได้ผล
“ท่านปู่ นางทะนงตัวมาก ข้าจะไปดู”
เห้าเทียนกำลังจะไปหาอันหลิงหยุนเพื่อคิดบัญชี ท่านปู่มาแล้ว นางไม่ยอมออกมาต้อนรับ ทำเกินไปหรือเปล่า
กงชิงวี่มองไป “เจ้าห้ามเข้าไป อย่าไปล่วงเกินนาง นางไม่ใช่คนที่ใครจะล่วงเกินได้ง่ายๆ!”
เห้าเทียนมองไป ด้วยใบหน้าสงสัย ยังมีคนที่ท่านปู่ไม่กล้าล่วงเกินเหรอ?”
อะมู่รู้ว่ากงชิงวี่มา จึงรีบเดินออกมา และพูดว่า “ท่านพ่อ”
“แม่ของเจ้าอยู่ไหน?” ขณะนี้กงชิงวี่ตกใจพูดด้วยเสียงตื่นตระหนก อะมู่แปลกใจ ก่อนหน้านี้ดูเหมือนใกล้ตาย ทำไมตอนนี้มันต่างกัน?”
“ท่านพ่อ ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”
กงชิงวี่พูด “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดีขึ้นมาก พาข้าเข้าไป”
ถ้าอะมู่ไม่ออกมา กงชิงวี่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะเข้าไป แต่เข้าไปตอนนี้ก็เหมาะดี
อะมู่เข็นกงชิงวี่เข้าไป และพูดว่า ท่านแม่ไม่พอใจเรื่องเกี่ยวกับเห้าเทียน ท่านพ่อต้องระวัง!”
เห้าเทียนชำเลืองมอง รู้สึกไม่พอใจ “ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”
“เจ้ายังกล้าพูด หุบปาก!” อะมู่รู้สึกไม่พอใจ เห้าเทียนรีบดึงกงชิงวี่ทันที ในเวลานี้กงชิงวี่มีพลังเต็มที่
“เจ้าห้ามว่าเทียนเอ๋อ” เป็นคำสั่งกงชิงวี่ แน่นอน อะมู่ไม่กล้าพูดอะไร
เห้าเทียนมองอะมู่ รู้สึกสบายใจ และเดินตามปู่เข้าไป
อะมู่ชำเลืองมองลูกชาย เดี๋ยวก็รู้
เมื่อมาถึงภายในบ้าน อันหลิงหยุนเพิ่งไปดูหลานชายทั้งสองคนมา ออกมาก็เห็นกงชิงวี่นั่งอยู่บนรถเข็น ผมหงอกสีขาวราวกับหิมะ ใบหน้าดูเหมือนคนไม่แข็งแรง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะข้างนอกอากาศหนาวเกินไป หรือเป็นเพราะได้กินยาแล้วเลือดลมกำลังหมุนเวียน ใบหน้าจะว่าแดงก็ไม่แดง และขาวก็ไม่ขาว ดูแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่!
ทั้งสองจ้องตากัน และเห้าเทียนพูด “ท่านปู่ ท่านย่าคนนี้แหละ ไม่ดีกับข้า ข้าดูแล้วนางก็ไม่ดีกับท่านปู่ เทียนเอ๋อจะทำให้ใบหน้านางเสียโฉม ต่อไปนางจะไม่กล้าหยิ่งผยองขนาดนี้”
เด็กน้อยอายุสามขวบ คำพูดแต่ละคำช่างน่าตกใจ ตอนนี้อะมู่ไม่สนใจอย่างอื่น ดึงเห้าเทียนมาตบ และทุบตีจนเด็กล้มลงกับพื้น
เห้าเทียนคนนี้เป็นเด็กที่ไม่ใช่จะสั่งสอนได้ง่ายๆ ถูกเฆี่ยนตีก็ไม่กลัว ยังไงก็ต้องหาความเป็นธรรมให้กับตัวเอง
นอนลงไปก็ไม่ยอมลุกขึ้น ร้องไห้เสียงดัง
กงชิงวี่มองไป ใบหน้าเคร่งขรึม “อุ้มมาให้ข้า”
อะมู่ลำบากใจ เพราะท่านตามใจเกินไป ถึงกลายเป็นเช่นนี้
อะมู่กำลังจะไปอุ้ม ใบหน้าของอันหลิงหยุนเคร่งขรึม “ข้าดูซิใครจะกล้า?”
อะมู่ถอยหลังกลับ ตอนนี้ดีแล้ว แค่รอดู ใครก็หนีพ้น
กงชิงวี่มองอันหลิงหยุน และไม่กล้าพูด
อันหลิงหยุนมองเห้าเทียนที่อยู่บนพื้นอย่างเย็นชา “ใจกล้ามาก เจ้ากล้าที่จะทำให้ข้าเสียโฉม ข้าคิดว่าเจ้าคงได้กินหัวใจหมีและดีของเสือดาวแล้วมั้ง อย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ปู่ของเจ้ายังไม่มีความกล้าเช่นนี้ ถ้าวันนี้ไม่ลุกขึ้นมาต่อไปก็ไม่ต้องลุกแล้ว อะมู่ ไปเตรียมเตาอั้งโล่ให้ข้า จะได้ไม่ทำให้เทียนเอ๋อเย็นเกินไป ปล่อยให้เขาเอาความอบอุ่นบนพื้นดิน”
เห้าเทียนมองไปที่ย่า แล้วมองไปที่ปู่ ในใจคิดทำไมไม่มาสนใจเขาเลย
กงชิงวี่พูดไม่ออก เจ็บปวดใจแต่ไม่อาจพูด
อะมู่รับคำแล้วออกไปข้างนอก
เมื่ออะมู่จากไป กงชิงวี่พูดว่า “ข้าคิดว่าช่างเถอะ ปกติเทียนเอ๋อจะเชื่อฟังมาก”
“จริงเหรอ?” อันหลิงหยุนเหลือบมองไปที่กงชิงวี่อย่างไม่ไยดี กงชิงวี่ก็ไม่กล้าพูดต่อ
เห้าเทียนจนปัญญา ทำไมปู่ถึงไม่เอาไหนขนาดนี้ แค่นางหนูคนเดียวก็กลัว
อันหลิงหยุนมองดูสักพักแล้วพูดว่า “พื้นดินนี้หนาวเย็นมาก ถ้าป่วยขึ้นมาอย่ามาโทษว่าข้าไม่บอกนะ ถ้าสุขภาพแย่ โตมาก็แต่งเมียไม่ได้ สุขภาพไม่ดี วิทยายุทธ์ก็ไม่เป็น ก็จะโดนทุบตี สุขภาพไม่ดี เรียนหนังสือไม่ได้ เป็นคนขี้โรคทุกวัน การศึกษาไม่ได้ วิทยายุทธ์ก็ไม่เป็น ไม่ต้องแต่งเมียแล้ว”
เห้าเทียนมองอันหลิงหยุน “เด็กผู้หญิงที่ชอบข้ามีมากมาย อยากแต่งกับข้า ท่านปู่ว่าให้ข้าเลือกตามต้องการ”
“ปู่ของเจ้าจะกล้าหรือ?” ดวงตาของหลิงหยุนเบิกกว้าง ความอาฆาตพุ่งออกมา เห้าเทียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย มองไปที่กงชิงวี่ แต่กงชิงวี่ไม่พูดอะไรเลย
เห้าเทียนพูดว่า “ข้าแค่จะนอนสักพัก”
“เดี๋ยวสักครู่ข้าจะปล่อยงูหนึ่งตัวลงไป ให้เขากัดเป้ากางเกงเจ้า ให้เจ้าเป็นขันที”
“เจ้ากล้า!”
เห้าเทียนยังไม่ใจอ่อน กงชิงวี่ไม่ยอมแล้ว “เจ้าอย่าขู่ให้เห้าเทียนตกใจ”
อันหลิงหยุนยกมือขึ้น และพบงูเขียวตัวน้อย เห้าเทียนตกใจจนรีบลุกขึ้นมุดเข้าข้างตัวกงชิงวี่ทันที กงชิงวี่เห็นงูเขียวตัวน้อยและพูดว่า “เขายังเป็นเด็ก”
ตอนนี้กงชิงวี่รู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย อันหลิงหยุนพูดว่า “ยังเป็นเด็กก็เป็นคนเย่อหยิ่งจองหอง จิตใจชั่วร้ายมาก ถ้าโตขึ้นจะเป็นยังไง?”แทนที่เติบโตมาจะไปทำร้ายผู้อื่น ลงมือทำร้ายเขาตอนนี้ดีกว่า เพื่อจะได้ไม่ต้องมากังวลใจทีหลัง”
กงชิงวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจะอบรมสั่งสอนเขาเอง”
“ท่าน?” อันหลิงหยุนมองอย่างดูถูก
“วันนี้ข้ามาหาเจ้า เจ้าทำไมเป็นเช่นนี้?” กงชิงวี่ไม่พอใจ ตอนแรกเขาคิดไว้เกี่ยวกับฉากการเจอกัน แต่ไม่คาดคิดว่า มันจะเป็นเช่นนี้
ทันทีที่ทั้งสองพบกันก็โต้เถียงกัน ต่างคนต่างไม่พอใจซึ่งกันและกัน
“ท่านดูเด็กๆที่ฮองเฮาอบรมสั่งสอนสิ แล้วดูตัวท่านเอง นับจากวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกของใคร ท่านห้ามเอาไปดูแล เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ท่านทำให้เด็กเสียคน ชื่อเห้าเทียนเก็บไว้ได้ แต่เขาต้องมีชื่อเล่นด้วย นับแต่วันนี้ก็เรียกหู้กั๋วถ้าไม่เอา ข้าจะให้ท่านออกไป ท่านก็ไม่ควรอยู่ที่นี่”
กงชิงวี่มองเห้าเทียนผู้น่าสมเพช หู้กั๋วก็หู้กั๋วแต่ชื่อนี้ดูเชยไปหน่อย รอให้โตขึ้นหน่อยค่อยเรียกยังไม่สาย ตอนนี้ก็อย่าพึ่งเรียก”
“กงชิงวี่… …” สีหน้าของอันหลิงหยุนแย่มาก
กงชิงวี่วีรบุรุษแต่ต้องยอมแพ้ให้กับหญิงที่หลงใหล “เรียกก็ได้ หู้กั๋วก็หู้กั๋ว”
กงชิงวี่ชำเลืองมองหลานชายที่อยู่ข้างหลังเขา “เทียนเอ๋อ นับจากวันนี้ไปเจ้าก็คือหู้กั๋ว ต้องเชื่อฟัง มิเช่นนั้นยาของเจ้าจะไล่พวกเราออกไป ย่าของเจ้าเก่งกาจมาก วิทยายุทธ์ก็ยอดเยี่ยม ข้าตามหานางมาหลายปีก็หาไม่เจอ”
เห้าเทียนฉลาดมาก กงชิงวี่ก็ชอบความฉลาดของเด็กคนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของท่านปู่ เห้าเทียนก็รีบเดินไปคารวะอันหลิงหยุนด้วยความเคารพทันที “ปกติหลานเป็นคนที่ไม่เชื่อฟังอย่างมาก ในวันนี้ทำให้ท่านย่าขุ่นเคือง ขอโปรดท่านย่าอย่าถือโทษเลย”
คนที่ท่านปู่ยังกลัวนั้น ต้องเป็นคนที่เก่งกาจมาก และไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองอีกต่อไป
อันหลิงหยุนยังคงพอใจกับเด็กคนนี้ มองไปด้วยความแปลกใจสักพัก แล้วถามว่า “ทำไมเจ้าถึงรู้ความขึ้นมาทันที?”
เห้าเทียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ท่านปู่เป็นคนสำคัญ”
“… …” อันหลิงหยุนตกตะลึง มองไปที่กงชิงวี่ และครุ่นคิดสักพัก “ดังนั้น คำว่หู้กั๋วสองคำนี้เจ้าจำไว้ในใจก็พอ ปู่ของเจ้าภักดีต่อประเทศมาตลอดทั้งชีวิต และหวังว่าเจ้าจะเป็นเช่นนั้น”
“ได้”
เห้าเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ที่แท้จุดอ่อนของท่านย่าคือท่านปู่
เรื่องนี้ก็ง่ายขึ้น