ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน – บทที่ 918 ส่งของกำนัล

บทที่ 918 ส่งของกำนัล

บทที่ 918 ส่งของกำนัล

กงชิงวี่ลงจากหลังม้า แล้วพุ่งตรงเข้าไปในรถม้า เฟิ่งหลิงหยุนถูกอุ้มขึ้นมา แล้วเข้าไปนั่งอยู่ด้านใน

เฟิ่งหลิงหยุนถูกอุ้มมาวางไว้บนตัก กงชิงวี่เข้าไปนั่งอยู่ในรถม้า แล้วพูดว่า : “กลับไป !”

อ๋าวชิงพูดว่า : “อ๋องเซ่เจิ้ง ถึงแม้ท่านจะหมั้นหมายกับมกุฎราชกุมารีแล้ว แต่จะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องภายในของประเทศเฟิ่งไม่ได้ มกุฎราชกุมารีมีธุระจะต้องกลับไปสะสางที่ประเทศเฟิ่ง จะให้ล่าช้ามิได้”

กงชิงวี่หันมองเฟิ่งหลิงหยุนที่อยู่ในอ้อมแขน เฟิ่งหลิงหยุนพูดว่า : “เมื่อเชื่ออ๋าวชิงได้รับข่าวอ๋องฝู่เฉินของประเทศเฟิ่งป่วยหนัก ไม่มียาใดรักษาได้แล้ว ข้าจึงต้องกลับไปเร็วสักหน่อย บางทีอาจจะยังพอมีโอกาส ถ้าหากกลับไปช้า เกรงว่าเขาจะฝืนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

ตอนที่มาร่างกายก็ไม่ค่อยปกตินัก ข้าเองก็จัดเตรียมยาเอาไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว แต่สามีของนางแอบมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น จึงอาศัยโอกาสนี้เอ่ยปากขอแยกทางกับนาง ทำให้นางกระทบกระเทือนจิตใจ นางเองก็ไม่ได้กินยาให้ครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ทำให้อาการหนักขึ้น”

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” กงชิงวี่ไม่ยอมให้เฟิ่งหลิงหยุนจากไป เขาอุ้มนางเอาไว้

อันหลิงหยุนถอนหายใจ : “ระหว่างท่านกับข้า อย่างไรเสียก็ต้องแยกกันอยู่ดี ตอนนี้หม่อมฉันเองเพิ่งจะสิบขวบ ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ คงไม่คิดที่จะแต่งงานกับหม่อมฉันตอนนี้จริงๆ หรอกใช่ไหมเพคะ ?”

“แล้วทำไม ?”

“ท่านอ๋องทรงเต็มใจ แต่ประเทศเฟิ่งของหม่อมฉันไม่มีวันยอม ไม่ว่าจะยังไงเสีย ก็จะต้องรอให้หม่อมฉันอายุครบสิบห้าเสียก่อน”

“…..” กงชิงวี่ไม่พูดไม่จา

เฟิ่งหลิงหยุนมองออกไปนอกรถม้า : “ท่านอ๋องอยากจะรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น เช่นนั้นรอให้ท่านอ๋องรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นได้ก่อนแล้วค่อยมารับหม่อมฉันนะเพคะ”

กงชิงวี่อุ้มเฟิ่งหลิงหยุนเอาไว้ : “รวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จในวันสองวัน ข้าจะต้องเตรียมการ และยังต้องรอโอกาส ถ้าหากไม่มีโอกาส เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าไม่มีวันได้พบหยุนหยุนอีกแล้วหรือ ?”

“เช่นนั้นท่านอ๋องก็รออีกหน่อยได้หรือไม่เพคะ ? รอมาสิบปีแล้ว หรือว่าอีกห้าปีก็ไม่อาจรอได้อีกแล้ว ?”

“แน่นอนว่าหยุนหยุนรอได้ แต่ข้านั้นไม่อาจรอได้อีกแล้ว”

“ท่านอ๋องช่างรู้จักพูดเสียจริง เช่นนั้นท่านอ๋องเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีสิเพคะ จึงจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับหม่อมฉันได้ตราบนานเท่านาน ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจจะมีอายุยืนยาวถึงสามร้อยปีก็ได้ เวลาเพียงไม่กี่ปีนี้ถือว่าเล็กน้อยนัก ?”

“สามร้อยปี ?” กงชิงวี่ถูกหยอกล้อจนหัวเราะออกมา

เฟิ่งหลิงหยุนพูดว่า : “ในสำนักบู๊ตึ๊งมีคนคนหนึ่งนามว่าจางสามเฟิง จางสามเฟิงเป็นนักบวชเต๋า นักบวชเต๋ามีการฝึกฝน ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ภายหลังจึงมีอายุยืนยาวถึงสามร้อยปี

อีกทั้งเขายังดูอ่อนเยาว์อีกด้วย แสดงให้เห็นว่าคนสามารถมีอายุยืนยาวได้

“ข้าไม่เชื่อ !”

“ไม่เชื่อก็ช่าง ท่านอ๋อง หม่อมฉันต้องไปแล้วเพคะ ช่วยคนเป็นเรื่องด่วน” เฟิ่งหลิงหยุนจะปล่อยให้ล่าช้าไม่ได้อีกแล้ว

กงชิงวี่หันมองนอกรถม้า แล้วก้มลงจูบอันหลิงหยุน : “ข้าจะไปส่งเจ้าที่ชายแดน”

“……” เฟิ่งหลิงหยุนพยักหน้า : “เพคะ !”

อ๋าวชิงหันมองเข้าไปในรถม้า กงชิงวี่พูดว่า : “ออกเดินทางต่อ ข้าจะไปส่งมกุฎราชกุมารีเอง เฟยยิง มีคำสั่งออกไป ห้ามมีการขวางทางโดยเด็ดขาด ให้จัดการคนที่อาจจะเข้ามาก่อความวุ่นวายออกไปให้หมด !”

เฟิ่งหลิงหยุนพิงเข้าไปในอ้อมแขนของกงชิงวี่ แล้วขดตัว : “ท่านอ๋อง อยู่กับคนคนหนึ่งจนแก่นั้นง่ายนัก แต่รอให้คนคนหนึ่งเติบโตนั้นยาก ท่านอ๋องรู้สึกว่าโชคดีไหมเพคะ ?”

กงชิงวี่หมดคำจะพูด : “อย่างข้ายังถือว่าโชคดีอีกหรือ ?”

“เพคะ” เฟิ่งหลิงหยุนปิดตาลง ยืดขาทั้งสองข้างเหยียดตรงเขย่าไปเขย่ามาแล้วนอนหลับไป

กงชิงวี่นำปลายชุดของเขาขึ้นมาห่มเฟิ่งหลิงหยุนเอาไว้ แล้วอยู่เป็นเพื่อนนาง

เจ้าห้าตามมาก็เป็นเวลาบ่ายเสียแล้ว

รถม้าถูกขวางเอาไว้ เจ้าห้ารอให้ทุกคนลงมาจากรถม้า เฟิ่งหลิงหยุนลืมตาขึ้น : “เจ้าห้า !”

เฟิ่งหลิงหยุนเปิดผ้าม่านขึ้น แล้วลงมาจากรถม้า

เจ้าห้ารีบพาพวกพี่ๆ เดินเข้าไปหาทันที

ตอนนี้เฟิ่งหลิงหยุนเองยังเตี้ยกว่าพวกลูกๆ เสียอีก พวกเขาอายุสิบสองปีแล้ว

ความสูงราวๆ เมตรหกสิบแล้ว เฟิ่งหลิงหยุนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พวกเขาจะโตเร็วขนาดนี้

เมื่อลงจากรถม้าอันหลิงหยุนก็เดินเข้าไปเจ้าห้า เด็กๆ คล้ายกงชิงวี่มาก แต่ที่คล้ายที่สุดก็คือเจ้าห้า เขาหน้าตาเหมือนกงชิงวี่ราวกับฝาแฝด

“เจ้าห้า”

เฟิ่งหลิงหยุนอดไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เจ้าห้ารีบคุกเข่าลงทันที : “ท่านแม่ !”

ส่วนคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ คุกเข่าตามแล้วเรียกนาง

อันหลิงหยุนร้องไห้น้ำตานองหน้า

อ๋าวชิงเองก็ตกตะลึง เขาเคยลองตรวจดวงชะตามาก่อน แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเฟิ่งหลิงหยุนก็คืออันหลิงหยุน แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้จะอธิบายได้อย่างไรกันล่ะ ?”

อันหลิงหยุนกอดพวกเจ้าห้าเอาไว้ แล้วร้องไห้

เฟยยิงเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้า

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เชื่อมากนัก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริง จะไม่เชื่อก็คงไม่ได้

ม้าที่ตามมาด้านหลังหยุดลง เสี่ยวเฉียวลงมาจากหลังม้า

อะมู่กับเสี่ยวเฉียวเดินเข้าไปคุกเข่าในทันที เมื่อเฟิ่งหลิงหยุนหันมองไปก็ไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี

กงชิงหยุนเยนลงมาเป็นคนสุดท้าย เมื่อคืนนางนอกดึกจึงได้หลับไป

กงชิงหยุนเยนเดินไปอีกด้านหนึ่ง แล้วหันมองเฟิ่งหลิงหยุนด้วยความน้อยใจ นางร้องไห้ด้วยความรัก แต่นางกลับไม่มี

เมื่อร้องไห้สักพัก เฟิ่งหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า : “ไม่ต้องร้องแล้ว ลุกขึ้นเร็วข้า ทำเช่นนี้เหมือนอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวพวกเขาจะหัวเราะเยาะเอาได้ ลุกขึ้นเร็ว !”

เจ้าห้าลุกขึ้น จากนั้นจึงหันมองเฟิ่งหลิงหยุนแล้วยิ้ม : “รู้นานแล้วว่าท่านแม่กลับมา แต่หมอดูที่ไม่ได้เรื่องพวกนั้นกลับไม่สามารถทำนายออกมาได้ พวกเราจขึงได้แต่ออกตามหาไปทั่วทุกที่ โชคดีที่ปีหนีพี่อะมู่จะแต่งงาน พวกเราจึงเดินทางกลับมา มิเช่นนั้นก็คงพลาดโอกาสที่จะได้เจอ”

เฟิ่งหลิงหยุนมองดูพวกเด็กๆ ต่างก็สูงกว่านางทั้งสิ้น

“แม่รู้แล้วในเมื่อมากันครบแล้ว เช่นนั้นก็ไปพร้อมกันเถอะ อ๋องฝู่เฉินของประเทศเฟิ่งป่วยหนัก แม่จำต้องกลับไป”

เจ้าห้าหันมองกงชิงวี่แล้วพูดว่า : “ช่วงนี้พวกเราไม่มีธุระอะไร จะขอตามท่านแม่ไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านแม่ หม่อมฉันกับเสี่ยวเฉียวจะไปด้วย”

อะมู่รีบพูด เฟิ่งหลิงหยุนหันมองกงชิงวี่ แล้วคิดพิจารณาอยู่พักใหญ่ : “พวกเจ้าจะต้องอยู่กับท่านพ่อ ตอนนี้เขาต้องการพวกเจ้า แม่ไม่จำเป็นต้องบอกว่าเพราะอะไร แต่พวกเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ เมื่อส่งข้าที่ชายแดนแล้ว พวกเจ้าจะต้องกลับไป”

เจ้าห้ายกมือขึ้นมาคำนวณดวงชะตา จากนั้นจึงเงยหน้าข้นมองท้องฟ้า แล้วขมวดคิ้ว

เฟิ่งหลิงหยุนแปลกใจ : “เจ้าคำนวณดวงชะตาเป็นด้วยหรือ ?”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าห้าหันมองเฟิ่งหลิงหยุน : “ท่านแม่ ลูกรู้แล้ว”

เฟิ่งหลิงหยุนแปลกใจ : “เจ้าห้า จากที่เจ้าดู พ่อของเจ้ามีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด ?”

เจ้าห้าหันมองกงชิงวี่ แล้วพูดว่า : “ถึงแม้ชะตาของท่านพ่อจะสัมพันธ์กับดาวจื่อเหวย แต่ดาวจื่อเหวยถูกเงาของนกฟีนิกซ์บดบังอยู่ ทำให้ส่งผลร้ายต่อพลังของดาวจื่อเหวยของท่านพ่อ แต่เมื่อดูดาวกิเลนที่อยู่ด้านหลังดาวจื่อเหวย ไม่เพียงแต่ส่องสว่างเท่านั้น แต่ยังใหญ่ขึ้นอีกด้วย

ดังนั้นการรวมแผ่นดินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ใครจะเป็นคนรวมนั้น ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ”

เฟิ่งหลิงหยุนมีความคิดอะไรบางอย่าง นางเดินไปสองสามก้าว : “เจ้าห้าเจ้าลองดูซิว่าที่นี่มีนกฟีนิกซ์หรือไม่ ?”

“ท่านแม่ยังไงล่ะ” เจ้าห้าโพล่งออกมา เฟิ่งหลิงหยุนหันไปมอง เข้าใจทุกอย่างแล้ว

จริงๆ แล้วเป็นนางเองที่บดบังพลังของดาวจื่อเหวยของกงชิงวี่

แต่จะบอกว่านางบดบัง ไม่สู้พูดว่านางมีผลจะดีกว่า จะให้ไปบังอย่างไร

“แล้วดาวกิเลนล่ะ ?”

“ท่านแม่ ถึงแม้ดาวกิเลนจะไม่ใช่ดวงดาวแห่งจักรพรรดิ แต่ก็เป็นลายเลือดมังกร บุตรทั้งเก้าของมังกรนั้นไม่เหมือนกัน อีกทั้งกิเลนก็มีสายเลือดเดียวกับท่านพ่ออีกด้วย !”

เฟิ่งหลิงหยุนขมวดคิ้ว : “เป็นเขา ?”

เจ้าห้าพยักหน้า เฟิ่งหลิงหยุนหันมองกงชิงวี่ แล้วพูดว่า : “ขึ้นรถเถอะเพคะ”

อันหลิงหยุนหันหลังขึ้นรถม้าไป แล้วหันมองกงชิงหยุนเยนที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา : “หยุนเอ๋อ เจ้าจงเข้ามาในรถม้า ข้างนอกหนาวเย็น”

เฟิ่งหลิงหยุนเข้าไปข้างใน แล้วรออยู่ในรถม้า เจ้าห้ามองกงชิงหยุนเยน แล้วขึ้นหลังขึ้นม้า เสี่ยวเฉียวเองก็ขึ้นไปบนหลังม้าด้วยเช่นกัน

กงชิงหยุนเยนพูดว่า : “หม่มอฉันจะไปกับพี่เสี่ยวเฉียว”

เฟิ่งหลิงหยุนหันมองเสี่ยวเฉียว : “ไปเถอะ”

กงชิงหยุนเยนรู้สึกนึกเสียดายเล็กน้อย นางอยากจะอยู่กับท่านแม่มากกว่า

ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน

ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน

Status: Ongoing

ชาติก่อน เธอเป็นหมอทหารที่เก่งกาจ เพราะอุบัติเหตุครั้ง หนึ่งจึงข้ามภพมาเป็นพระชายาเสียน ในวันแต่งงาน เธอถูก คนวางแผนและเธอได้เกิดใหม่อีกครั้ง ก่อนหน้านี้เป็นลูกสาว ของแม่ทัพ แต่ตอนนี้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ทุกคนดูถูก เธอมาแล้วและจะเปลี่ยนแปรงชีวิตทุกอย่าง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท