บทที่ 932 สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว
ซูมู่ไห่รู้สึกว่าอารมณ์ยากที่จะสงบลงมาได้เล็กน้อย: “ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์หรือไม่ก็ตาม เราก็จะประมาทไม่ได้ทั้งนั้น ข้าจะรีบไปพบเสด็จพ่อ แจ้งข่าวเรื่องนี้ให้กับเขา หากประเทศเฟิ่งกับหนานอี้รวมตัวกัน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ในแง่หนึ่งสองประเทศสามารถต้านทานประเทศต้าเหลียงได้ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้ เดิมทีเราสองประเทศกับประเทศต้าเหลียงก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว”
ซูมู่ไห่รีบร้อนมาที่ห้องนอนของฮ่องเต้หนานอี้ ถึงแม้ตอนนี้ฮ่องเต้หนานอี้จะยังคงดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ แต่ว่าเขาเพิกเฉยต่องานของราชสำนักมาหลายปีแล้ว ทั้งชีวิตของเขาทำการตัดสินใจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สู้รบมานับครั้งไม่ถ้วน แต่มีเพียงไม่กี่ปีมานี้เท่านั้นที่ถือว่าได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
ก็คือช่วงเวลาหลายปีมานี้ที่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“เสด็จพ่อ!” ซูมู่ไห่เข้าประตูก็รีบไปถึงหน้าฮ่องเต้หนานอี้ทันที ฮ่องเต้หนานอี้มองดูซูมู่ไห่ครู่หนึ่ง ถึงได้วางถ้วยชาลง
“มีเรื่องอันใด?”
“เสด็จพ่อ ประเทศเฟิ่งตอบตกลงที่จะเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานแล้ว” เกี่ยวกับเรื่องนี้ซูมู่ไห่ตื่นเต้นมาก ถึงอย่างไรได้มีโอกาสแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง
ฮ่องเต้หนานอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงอย่างไรก็เป็นฮ่องเต้มาครึ่งชีวิต มองปัญหาแตกต่างไปจากซูมู่ไห่
“หมายความว่าจากนี้ไปกงชิงวี่ก็จะมาโจมตีหนานอี้เราแล้ว ประเทศที่เขาจะลงมือก่อนก็คือหนานอี้!”
“เสด็จพ่อ ทรงหมายความว่าอย่างไร?” ความปิติยินดีของซูมู่ไห่ถูกตีจนแตกกระจาย ใบหน้าตึงขึ้นมา รู้สึกว่าน่าสงสัยเหมือนกัน
“หากเป็นเหมือนที่เจ้ากลับมาพูดครั้งก่อน มงกุฎราชกุมารีคนนี้ก็คือนังเด็กเวรคนนั้น สองผัวเมียนั่นอยู่ด้วยกันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกออกจากกัน พวกเขาไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่ายๆ จะต้องมีอะไรซ่อนเร้นเอาไว้อย่างแน่นอน ข้าว่า กงชิงวี่ผู้นี้จะต้องพิชิตแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางเอาไว้ให้ได้อย่างแน่นอน จะพิชิตเช่นไรเท่านั้นแหละ
ก่อนหน้านั้นข้าคิดว่าเขาหมดสภาพไปเช่นนั้น พระชายาตายไปก็ดีแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านังเด็กเวรนั่นจะกลับมาแล้ว เช่นนั้นเวลาของการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของเขาก็มาถึงแล้ว หากว่าเจ้าสามอยู่ ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้ เขาเป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมมากที่สุด ทางด้านกลยุทธ์อยู่เหนือกว่าเจ้า แต่ว่าเจ้าแตกต่างออกไป เจ้าให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกมากกว่า สิบปีของการขัดเกลา หากต่อกรกับประเทศต้าเหลียงยังพอทำได้ แต่หากจะต่อกรกับกงชิงวี่คนนั้นยังขาดแคลนบางอย่าง ตอนนี้นังเด็กเวรนั่นกลับมาแล้ว ก็ไม่ดีแล้ว!”
“เช่นนั้นเราต้องยกเลิกการแต่งงานหรือ ปฏิเสธนาง?” ถึงแม้ว่าซูมู่หรงจะไม่เต็มใจ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก แต่ว่าตอนนี้ต้องพิจารณาเพื่อประชาชนของหนานอี้ เขาก็ไม่สามารถเอาแต่ใจได้
ฮ่องเต้หนานอี้คิดทบทวน: “หากว่าเจ้าชอบก็แต่งเถอะ ตอนนี้ไม่แต่งกลับจะขายหน้ามากกว่าเสียด้วยซ้ำ ราวกับเจ้ากลัวที่จะสู้รบ ยิ่งไม่สู้ก็ยิ่งจะแพ้อย่างอนาถ สู้แล้วก็สู้แล้ว แพ้ก็แพ้ไป ข้ายังไม่กลัวเจ้ากลัวอะไร หากมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ก็เสียใต้หล้าในมือของข้า ไม่ขายหน้า!”
เพียงแต่ว่าเจ้ารู้สึกว่าเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานเหมาะสมหรือ? วังหลังเจ้ายังมีไท่จื่อเฟยอีกสองคนไม่ใช่หรือ? หรือว่าพวกนางเป็นอากาศ เห็นด้วยกับการเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานของเจ้าแล้ว?”
“พวกนางก็ไม่ได้พูดอะไร หม่อมฉันก็ไม่ได้ชอบพวกนาง ล้วนแต่เป็นเพราะเสด็จพ่อต้องการให้บ้านเมืองมั่นคงเลยเตรียมให้ข้าทั้งนั้น หม่อมฉันถูกบีบบังคับ”
“ฮึ เจ้าพูดได้น่าฟัง ข้าบังคับให้เจ้าแต่งงานกับพวกนาง ข้าบังคับให้เจ้านอนกับพวกนาง จริงๆเลย! เจ้ากล้าทำไม่กล้ารับ!”
“ในตอนนั้นหม่อมฉันก็ไม่เต็มใจ เสด็จพ่อเป็นคนยัดเยียดเอง ยังกล่าวอีกว่าถึงอย่างไรหนานอี้ก็ต้องการพึ่งหม่อมฉันในการผลิดอกออกผลอยู่แล้ว และในตอนนั้นหยุนหยุนก็ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นหม่อมฉันจะยอมรับได้อย่างไร?”
“ตอนนี้เจ้าพูดอย่างมั่นใจมีระเบียบแบบแผนแล้วกล่าวโทษทุกอย่างมาที่ตัวเอง ทำไมเจ้าไม่บอกว่าเจ้าไม่มีจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรี หากเจ้ามีจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ก็จะไม่แต่งเมียแล้ว เจ้าไปเป็นพระก็เหมือนกัน? เจ้าพูดเรื่องพวกนี้กับข้า ข้าเชื่อเจ้า เจ้าพูดกับนังเด็กเวรนั่น นังเด็กเวรจะเชื่อเจ้าหรือ?”
พ่อลูกมองหน้ากัน ซูมู่ไห่โกรธไม่เบา: “เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”
“เรื่องนั้นข้าไม่สามารถควบคุมได้ แต่เจ้าจะไปเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน อย่างไรก็ต้องพูดคุยกับไท่จื่อเฟยเจ้า ให้พวกนางฟังเจ้าก่อน ไม่มีเรื่องอะไรอย่าทำให้เอะอะวุ่นวาย หากว่าเรื่องยุ่งเหยิงขึ้นมา เชื่อมสัมพันธ์ก็จะเชื่อมไม่ได้ กลับจะทำให้เสียเรื่อง”
“…..:แล้วหยุนหยุนล่ะ? นางจะตอบตกลงไหม?”
“เจ้าจัดการทางนี้ให้เรียบร้อย นางกับเจ้าแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์เป็นเรื่องของสองประเทศ มีอะไรที่จะไม่เห็นด้วย นางไม่เห็นด้วย บรรดาเสนาบดีของนางก็ต้องเห็นด้วย กลัวอะไร?” ฮ่องเต้หนานอี้ทำหน้ามั่นใจ ซูมู่ไห่คิดอยู่นานมาก ก็รู้สึกว่าไม่ได้ผิดอะไร
ประเทศต้าเหลียงได้รับจดหมายถอนหมั้น ฮ่องเต้ชิงหยินมอบจดหมายให้กับหยุนโล๋ชวน เรื่องนี้ยังต้องแจ้งต่อกงชิงวี่ แต่หยุนโล๋ชวนหยิบจดหมายขึ้นมามองดูอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า: “นี่รังแกประเทศต้าเหลียงเราไม่มีคนแล้วใช่ไหม กล้าที่จะถอนหมั้นในเวลานี้”
หยุนโล๋ชวนโยนจดหมายทิ้งไป สีหน้าดูแย่มาก
ฮ่องเต้ชิงหยินมองดูครู่หนึ่ง มองไปทางอ๋องจู้นหย่ง: “กั๋วจ้าง(พ่อตาฮ่องเต้)คิดว่า เรื่องนี้ควรจะทำเช่นไร?”
“กระหม่อมคิดว่าสมควรต้องให้อ๋องเซ่เจิ้งเป็นคนตัดสินใจ” อ๋องจู้นหย่ง ไม่ได้เข้าร่วมการทำสงครามในครั้งนี้ เขารับผิดชอบเหตุฉุกเฉินของเมืองหลวง ออกนั่งบัญชาการรักษาการณ์เมืองหลวงกับแม่ทัพอัน
“เช่นนั้นข้าไม่ควรจะตัดสินใจ?” เวลานี้ฮ่องเต้ชิงหยินรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ปฏิกิริยาของเขายังไม่ใหญ่เท่ากับหยุนโล๋ชวน
หยุนโล๋ชวนมองดูฮ่องเต้ชิงหยิน: “ฝ่าบาท นี่พวกเขากำลังรังแกเราอยู่ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอ๋องเซ่เจิ้ง การแต่งงานจะยกเลิกไม่ได้เด็ดขาด ยกเลิกการแต่งงานแล้วเรายังจะเหลือหน้าอะไรอยู่อีก
หยุนโล๋ชวนสีหน้าไม่พอใจ ฮ่องเต้ชิงหยินก็มีความมั่นใจขึ้นมาแล้ว: “ถูกต้อง หากข้าไม่สั่งสอนพวกเขาให้เป็นบทเรียนเสียหน่อย ไม่ใช่ว่าจะให้คนในใต้หล้าหัวเราะเยาะอย่างนั้นหรือ”
อ๋องจุ้นหย่งมองลูกสาวครู่หนึ่ง แล้วก็มองดูฮ่องเต้ชิงหยิน เหมือนกันกับเขา เป็นคนกลัวเมียเหมือนกัน
เมื่อเมียถลึงตา อะไรก็ได้ทั้งนั้นจริงๆ
“กั๋วจ้าง ตอนนี้ท่านส่งคนไปส่งจดหมายให้อ๋องเซ่เจิ้ง บอกอ๋องเซ่เจิ้ง ถึงเรื่องที่ประเทศเฟิ่งยกเลิกการแต่งงาน หยามเกียรติประเทศต้าเหลียงเรา ในเมื่อหนานอี้เป็นผู้กระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์ คงไม่ดีถ้าจะไปโจมตีประเทศเฟิ่ง เช่นนั้นก็เริ่มจากหนานอี้ก่อน เพื่อให้ผู้คนในใต้หล้ารับรู้ ผลตอบแทนที่ต้องจ่ายในการถอนหมั้นกับประเทศต้าเหลียงเรา”
“กระหม่อมรับพระบัญชา” อ๋องจู้นหย่งหันหลังจากไป หยุนโล๋ชวนยิ้มออกมาด้วยความพอใจ เดินไปกระซิบอะไรข้างหูฮ่องเต้ชิงหยิบเบาๆ ฮ่องเต้ชิงหยินหูแดงขึ้นมา ก็ต้องภาคภูมิใจมากอยู่แล้ว
ซูมู่ไห่บอกเรื่องที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับไท่จื่อเฟย ไท่จื่อเฟยทั้งสองท่านต่างก็ไม่ได้ร้องไห้โวยวาย ตรงกันข้ามกลับตอบตกลงอย่างใจกว้างมาก
พวกนางล้วนแต่เป็นคนที่ทำการใหญ่ทั้งนั้น ก็ต้องไม่สามารถทำให้ขายหน้าในตอนนี้อย่างเด็ดขาด
ส่วนเฟิ่งหลิงหยุนที่แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น พวกนางก็ไม่ได้สนใจ ขอเพียงปกป้องหนานอี้เอาไว้ ยังจะต้องกังวลกับเด็กคนหนึ่งหรือ?
คิดเช่นนี้ก็เลยไม่สนใจแล้ว
หนานอี้เตรียมพร้อมเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เสร็จอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฮ่องเต้หนานอี้หารือกับเหล่าเสนาบดีแล้ว ต่างก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ล่วงหน้าก่อน แลกเปลี่ยนเอกสารของทั้งสองประเทศก่อน
ซูมู่ไห่รีบเร่งเดินทางไปยังประเทศเฟิ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนออกเดินทางซูมู่ไห่บอกกับราชครูว่าจะกลับมาโดยเร็ว ฮ่องเต้หนานอี้มองดูเงาแผ่นหลังที่จากไปของลูกชาย คิดอยู่ว่าพวกเขาพ่อลูกมาจนสุดทางแล้ว
ให้เขาไป เพราะไม่อยากให้เขาตายอยู่ในหนานอี้
สองประเทศเริ่มทำสงครามกัน ทันทีที่เกิดเรื่อง ไท่จื่อก็ยากจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เหตุผลที่เขาให้ซูมู่ไห่ไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ก็เพื่ออยากจะให้เขามีชีวิตรอด
ซูมู่ไห่รีบร้อนเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ อย่างน้อยหกวันก็ถึงประเทศเฟิ่งแล้ว ตอนที่ไปถึงหนานอี้กับประเทศต้าเหลียงก็เริ่มทำสงครามกันแล้ว
สองประเทศเริ่มทำสงครามกัน ซูมู่ไห่ร้อนรนในใจ เขาต้องกลับไปเร็วๆหน่อย