บทที่ 892 ฝูงหมาป่าล้อมบ้าน
อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ข้าไม่กลับไป เป็นเพราะความกดดันของพวกท่าน ท่านอ๋องต้องการให้ข้าไป ถ้าข้าไปแล้ว พวกท่านก็คงได้ใจ พวกท่านแต่ละคนไม่มีใครหวังดีสักคน!”
“เจ้าเป็นมกุฎราชกุมารีของหนานอี้ ทำได้แค่กลับไป ไปกับข้าเถอะ เสี่ยวเฉียวกับอะมู่กำลังรอเจ้าอยู่” เฟิงอู๋ฉิงดึงแขนของอันหลิงหยุนและหันตัวกลับไป อันหลิงหยุนสะบัดแขนออก และตบหลังจื่อฮั่ว ดูเหมือนจื่อฮั่วจะตกใจ จ้องมองไปที่เฟิงอู๋ฉิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“เจ้าทำให้จื่อฮั่วตกใจกลัว อาสาม ข้าไม่อยากกลับไปกับท่าน ท่านก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้ากลับไป ถ้าข้าไม่ต้องการกลับไป แม้ว่าจะเอาดาบวางที่คอของข้า ข้าก็ไม่กลับไป ไม่เพียงแค่นั้น ข้าขอตายบนแผ่นดินประเทศต้าเหลียงดีกว่า และจะไม่ข้ามพรมแดน ไปตายในประเทศหนานอี้หรือประเทศอื่นๆ
“เจ้าเป็นคนหนานอี้ เจ้ากำลังพูดอะไร?”
“อาสามเป็นคนท่องยุทธภพ ยังมาพูดแบบนี้?”
เฟิงอู๋ฉิงใบหน้าเย็นชา “เจ้าอย่าวุ่นวายอีกเลย!”
“มันไม่ใช่วุ่นวาย ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ประเทศเฟิ่งมีการเคลื่อนไหว ท่านคงจะไม่มาใช่ไหม?”
คำถามของอันหลิงหยุนทำให้เฟิงอู๋ฉิงนิ่งเงียบ “มันเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเจ้าไม่กลับไปก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ตอนนี้ท่านพ่อของเจ้าก็หายไป”
“ตอนนี้ทั่วทิศแผ่นดินใหญ่สุขสบายขึ้นมาก และไม่มีสงคราม ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมถึงต้องการให้ข้ากลับไป ความเก่งกาจของอาสามสามารถเป็นฮ่องเต้ได้อย่างสมบูรณ์ หรือว่า… …”
“ข้าไม่มีความสามารถ และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นฮ่องเต้ เจ้ากลับไปส่งมอบบัลลังก์ให้กับซูมู่ไห่ แล้วค่อยกลับมา!”
“ไม่จำเป็น” อันหลิงหยุนเดินกลับไปที่ห้อง เฟิงอู๋ฉิงก็เดินตามเข้าไป อันหลิงหยุนนั่งลงและวางจื่อฮั่วลง เจ้าห้านั่งมองอยู่ข้างๆ
อันหลิงหยุนพูดว่า “มกุฎราชกุมารีหนานอี้ แต่งงานกับอ๋องเสียนประเทศต้าเหลียง แม้ว่าอ๋องเสียนจะมีวิทยายุทธ์ที่ยอดเยี่ยม แล้วเป็นไง อย่างไงก็เกิดในประเทศต้าเหลียงดินแดนอันแห้งแล้ง
ไม่มีใครเห็นประเทศต้าเหลียงอยู่ในสายตา นับประสาอะไรกับอ๋องเสียน
หรือว่ากำจัดประเทศต้าเหลียงให้สิ้นซาก แล้วมกุฎราชกุมารีกลับหนานอี้ เช่นนี้ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดีมาก”
สีหน้าของเฟิงอู๋ฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย อันหลิงหยุนพูดว่า “ข้าพูดถูกแล้วใช่ไหม?”
เฟิงอู๋ฉิงนั่งลง “เรื่องนี้ไม่ใช่ราชวงศ์เป็นผู้ตัดสิน ตอนนี้ทั่วหนานอี้ทั้งหมดรู้เรื่องการแต่งงานของมกุฎราชกุมารี ผู้คนกำลังก่อความวุ่นวาย”
“แล้วทำไมไม่หาคนก่อปัญหา?” อันหลิงหยุนถามกลับ
เฟิงอู๋ฉิงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ว่าไม่หา แต่มันต้องใช้เวลา ตอนนี้ผู้ก่อเหตุยิ่งรุนแรงขึ้น แล้วถ้าไม่พาเจ้ากลับไป หนานอี้คงต้องส่งทหารมารบ แม่ทัพหนานอี้หลายคนได้เสนอออกมาแล้ว”
“ทำไมล่ะ? ทำไมแม่ทัพถึงทำแบบนี้ แม้พวกเขาจะต้องทำตามคำสั่ง แต่ต้องมีขีดจำกัด พวกเขาไม่มีหัวสมองคิดเหรอ?”
เฟิงอู๋ฉิงกัดฟัน “ในอดีต ฮองเฮาแห่งหนานอี้ต้องมาจากจวนแม่ทัพ ลูกสาวแม่ทัพเป็นฮองเฮา เพื่อทำให้แผ่นดินสงบสุข แต่ท่านพ่อของเจ้าไม่ต้องการแต่งงาน จึงกลายเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน ตอนนั้นท่านไม่สนใจ ตอนนี้ในใจเหล่าแม่ทัพมีแต่ความโกรธเคือง
นอกจากมกุฎราชกุมารี ถ้าลูกเขยเป็นคนของจวนแม่ทัพ นั่นคือเวลาที่โลกต้องเปลี่ยนยุคสมัย
“นั่นเป็นการกบฏ และข้าก็แต่งงานแล้ว และมีลูกเต็มไปหมด”
“… …ถ้าอย่านั้นเจ้าคิดว่า จริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น” เฟิงอู๋ฉิงพูดด้วยใจจริง “พวกเขาสามารถยอมรับอดีตของเจ้าได้ ถ้าเจ้าเป็นฮ่องเต้หญิง นั่นก็ยังมีวิธีอื่น
และนอกจากนี้ยังมี… …”
“อะไร?” เฟิงอู๋ฉิงพูดอย่างจนปัญญา “แม่ทัพอันเป็นศัตรูของหนานอี้ เขาฆ่าคนในครอบครัวของแม่ทัพหนานอี้ไปหลายคน นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการแก้แค้น”
“ถ้าเช่นนั้นคนที่วางแผนจัดการเรื่องพวกนี้คือแม่ทัพ?”
“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ฮองเฮาก็เป็นบุคคลสำคัญเช่นกัน”
“… …” อันหลิงหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ข้าไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่กลับไปแน่นอน ถ้าเหล่าแม่ทัพต้องการให้ข้ากลับไป ถ้าอย่างนั้นก็ให้เหล่าแม่ทัพมาด้วยตัวเอง
ยังไงท่านก็ช่วยข้าบอกเหล่าแม่ทัพ ตอนนั้นพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพ่อข้า และตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสามีข้า
ให้พวกเขามา หากมีใครคนใดสามารถเอาชนะสามีของข้าได้ ข้าก็จะหย่ากับสามีของข้า และกลับไปกับพวกเขา ไม่เพียงแต่จะแต่งงานกับพวกเขาเท่านั้น ยินยอมให้มีนายสองท่านในราชสำนัก และร่วมกันบริหารหนานอี้”
“… …” เฟิงอู๋ฉิงเลิกคิ้ว ในตอนแรกรู้สึกกังวล แต่ในตอนนี้รู้สึกไม่ได้กังวลมากนัก และยืนขึ้น “ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะกลับไปก่อน”
เฟิงอู๋ฉิงรีบร้อนออกไป อันหลิงหยุนก็เรียกเขาว่า “อาสาม”
เฟิงอู๋ฉิงหันกลับมา “อืม”
“ท่านเคยมีคนทำให้ลำบากใจไหม?”
ใบหน้าของเฟิงอู๋ฉิงเปลี่ยนไป แต่ไม่แย่ขนาดนั้น แล้วยิ้ม “ไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดอะไร”
เฟิงอู๋ฉิงรีบก้าวเท้าออกไป และก็จากไป
อันหลิงหยุนลุกขึ้นและเดินออกไปที่ประตู ดูเฟิงอู๋ฉิงขึ้นม้าจากไปอย่างรวดเร็ว
“เฟยยิง”
เฟยยิงออกมา อันหลิงหยุนพูด “ครั้งนี้ถือว่าให้เจ้าไปทดสอบฝีมือ และลองสำรวจหาความจริง”
หลิงหยุนดึงกระเป๋าบนหน้าอกและส่งให้เฟยยิง “คุ้มครองให้เจ้าปลอดภัย เจ้ารีบไปรีบกลับ พาพวกเขาสิบคนไปด้วย และหมาจิ้งจอกหางสั้น อย่าลืมช่วยเสี่ยวเฉียวและอะมู่พาพวกเขากลับมา ลูกของข้าจะต้องไม่ตกอยู่ในมือของพวกเขา”
“ได้”
เฟยยิงพาคนสิบคนออกเดินทางข้ามคืน ควบม้าเร็วไปหนานอี้
คนก็จากไปแล้ว สวีฝูออกมาจากอีกด้านหนึ่ง “ทุกคนไปแล้ว ตรงนี้จะทำอย่างไง?”
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีปัญหา”
เมื่ออันหลิงหยุนกลับไป สวีฝูก็กังวล และมองไปที่ประตู ผลก็คือในตอนกลางดึก มีบางอย่างใกล้เข้ามา มืดๆ และรวดเร็วมาก ดวงตาเป็นสีเขียว
เมื่อเข้ามาใกล้บริเวณบ้าน บ้านทั้งหลังก็ถูกล้อม และผู้นำก็แหงนหน้าขึ้นและร้องโหยหวน
เสือน้อยลุกขึ้นและเดินออกไปนอกบ้าน แต่ถูกอันหลิงหยุนขวางไว้ “เจ้าอยู่ กงกงก็อยู่ด้วย”
อันหลิงหยุนหยิบกล่องยา และออกจากห้องพร้อมกับโคมไฟ เมื่อไปถึงสนามหญ้าก็เห็นหมาป่ายืนอยู่
ผู้นำหมาป่ามีขนาดใหญ่และอ้วน เหมือนเสือ
ดวงตาของหมาป่าสดใสมาก จ้องมองไปที่อันหลิงหยุน และก็หันกลับมาทันที และมองกลับไปที่อันหลิงหยุนอักครั้ง อันหลิงหยุนไม่ได้เข้าใกล้ทันที แต่พูดว่า “ลูกๆของข้าอยู่ข้างใน ถ้าต้องการข้าไปกับพวกเจ้า ต้องปกป้องพวกเขาข้าถึงจะไป มิเช่นนั้นข้าไปไม่ได้”
หมาป่ามองไปทั้งสองข้าง แหงนหน้าขึ้นและคำราม
เดิมทีหมาป่าจะจากไปพร้อมกับราชาหมาป่า ขณะนี้ได้ถอยหลัง นอนอยู่บนพื้นและไม่ลุก
อันหลิงหยุนก้าวออกจากสนาม และเดินไปหาราชาหมาป่า
ราชาหมาป่าเดินไปข้างหน้า อันหลิงหยุนตามอยู่ข้างหลัง
ระหว่างทาง เริ่มสว่าง
เมื่อเห็นถ้ำบนภูเขา อันหลิงหยุนเดินไปดู หมาป่าตัวหนึ่งบริเวณคอถูกยิงด้วยลูกศร หมาป่าเป็นสีเทา แต่ตัวของมันเล็กกว่าราชาหมาป่ามาก อันหลิงหยุนรีบเข้าใกล้ๆ มองหมาป่าและเริ่มการสแกน ลูกศรอยู่ในตำแหน่งที่อันตราย ถ้าประมาทก็อาจตายทันที
“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวล “เหมือนอันหลิงหยุนกำลังพูดกับมนุษย์ วางกล่องยาลงและหยิบมีดออกมา เตรียมตัดลูกศร
ขณะที่อันหลิงหยุนยื่นมีดออกไป ราชาหมาป่าก็อ้าปากของเขาเพื่อจะกัดอันหลิงหยุน อันหิงหยุนไม่กลัว แต่มองไปที่ราชาหมาป่า ราชาหมาป่าลังเลครู่หนึ่ง และเดินไปอยู่ข้างๆ และไปเลียคอของหมาป่าสีเทา ที่เต็มไปด้วยเลือด
อันหลิงหยุนยื่นมีดไปที่ลูกศร และเริ่มตัด