บทที่ 878 หาคนช่วย
“แต่ไหนแต่ไรมา ข้าไม่เคยต้องพูดจายั่วยุใคร ข้าแค่รอดูว่าคนพวกนั้นจะตายอย่างไร!” อันหลิงหยุนเดินเข้าไปใกล้หงเย่ : “เจ้าไม่ต้องคิดจะมายุให้รำตำให้รั่วไปหน่อยเลย เจ้าคิดหรือว่ากงชิงเซวียนเหอจะมาติดกับง่าย ๆ แล้วคิดหรือว่ากงชิงวี่จะเชื่อเจ้า? ”
หงเย่หันไปมองอันหลิงหยุน: “เจ้าไม่ควรมีชีวิตอยู่จริงๆ นั่นล่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ผู้หญิงสวยๆ อย่างเจ้า ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ ย่อมจะต้องมีประโยชน์ให้ใช้ได้อยู่แล้ว แค่ใช้เจ้าไปล่อลวงคนเสียหน่อย เชื่อได้เลยว่า ต้องมีคนอีกมากเต็มใจจะรับใช้ข้าอย่างจงรักภักดีเป็นแน่”
อันหลิงหยุนยกยิ้มอย่างชืดชา: “หวังว่าเจ้าจะในสิ่งที่ต้องการแล้วกันนะ”
หลังจากพูดจบ อันหลิงหยุนก็เดินตรงไปด้านหน้า อีกทั้งด้านหน้าที่มุ่งไปนั้นคือตำแหน่งหัวเรือ คนที่ยืนอยู่ที่ตรงนั้นจะรู้สึกเวียนหัวตาลายง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตรงจุดนี้กำลังหันหน้ารับทางลมและคลื่นพอดี
อันหลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง โลกใบนี้ช่างดีเสียจริงหนอ ไม่รู้ว่าซูมู่หรงป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ อันหลิงหยุนก็เกิดรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาเสียแล้ว จึงยกมือขึ้นลูบ ๆ หัวของตัวเอง ฝืนบังคับให้ตัวเองยังมีสติรับรู้แจ่มชัด นางรู้ดีว่าจะคิดเรื่องนี้ไม่ได้ คิดขึ้นมาทีไรก็ไม่เคยมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเลยสักครั้ง
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองนอนหลับไป อันหลิงหยุนจึงออกแรงหยิกตัวเองหนักๆ
หงเย่มองดูพฤติกรรมของนางอย่างขบขัน: “ทำไม นี่เจ้ายังเมาเรือไม่พอ เลยอยากเมาเรือแล้วตกลงไปด้วยเลยอย่างนั้นหรือ?”
“ก็ไม่แน่” อันหลิงหยุนปรายตามองหงเย่แวบหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองซูมู่ไห่ เดินไปตรงหน้าเขา แล้วยื่นมือออกไปเพื่อปลดเชือกออกให้
บนเรือมีคนของเขาจนเต็มลำ หงเย่จึงไม่กังวลว่าอันหลิงหยุนกับซูมู่ไห่จะหนีไปได้ เขาทำเพียงยืนดูอันหลิงหยุนช่วยซูมู่ไห่ เหมือนว่าเวลานี้เขายังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของซูมู่ไห่ หากเขารู้ล่ะก็ เขาคงปลิดชีพซูมู่ไห่ในดาบเดียวไปแล้ว
ระหว่างที่อันหลิงหยุนช่วยแก้มัดให้ซูมู่ไห่ นางก็พูดไปด้วยว่า: “ตอนนี้ข้าง่วงมาก เริ่มจะเบลอๆแล้วด้วย พวกเราไปพักผ่อนกันสักครู่เถอะ เจ้าปกป้องข้าให้ดี อย่าปล่อยให้ข้าเกิดเรื่องเด็ดขาด”
“เจ้าพูดบ้าอะไรน่ะ เวลาแบบนี้เจ้ายังมีแก่ใจจะนอนอีก?” ซูมู่ไห่ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลย บนเรือมีแต่ผู้ชายอยู่เต็มลำ ถ้าเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นมาจริงๆจะทำอย่างไร?
อันหลิงหยุนเองก็ไม่ได้อยากนอนเหมือนกัน แต่นางไม่อาจฝืนต้านทานมันได้ ในขณะที่มองซูมู่ไห่นั้น นางก็ง่วงเสียจนทรงตัวไม่อยู่แล้ว นางพยายามจะไม่นึกไปถึงซูมู่หรง แต่มันก็สายเกินไป ยามนี้นางฝืนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!
อันหลิงหยุนหลับตาแน่น แล้วล้มลงบนร่างของซูมู่ไห่ตรง ๆ ทั้งอย่างนั้น ซูมู่ไห่คว้าตัวอันหลิงหยุนประคองไว้ทันที จ้องมองนางที่หมดสติในอ้อมแขน: “เจ้าอย่าทำอย่างนี้สิ เจ้านี่มันผู้หญิงอะไรกันนี่!”
ซูมู่ไห่นึกชังจนถึงขั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หงเย่เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ แสยะยกมุมปากยิ้มหยัน: “น่าสนใจ พวกเจ้า แยกพวกเขาออกจากกันซิ ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าพวกเขาจะทำอย่างไร?”
ซูมู่ไห่หันขวับไปมองหงเย่ทันที รอบด้านถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว เพื่อความอยู่รอด ซูมู่ไห่จึงอุ้มอันหลิงหยุนขึ้นมา แล้วกระโดดลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว
สิ้นเสียงดังตูมหนึ่ง ทั้งคู่ก็ลงไปอยู่ในน้ำเรียบร้อย หงเย่ตะโกนสั่งอย่างโกรธเกรี้ยวว่า: “ตามจับพวกมันมาให้ได้”
คนกลุ่มหนึ่งกระโดดตามลงไปในน้ำเพื่อไล่จับ แต่ผลคือไม่อาจจับคนได้ ปล่อยให้ซูมู่ไห่หนีไปได้ในที่สุด
หงเย่สั่งการออกไปทันที : “หาพวกมันมาให้ข้า ถ้าหาไม่เจอ ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องขึ้นมา!”
ในเวลานั้น ซูมู่ไห่ก็ได้พาอันหลิงหยุนว่ายน้ำหนี ทิ้งห่างไกลออกไปกว่าห้าสิบเมตรแล้ว
อันหลิงหยุนถูกลากขึ้นฝั่งไปบนพื้นหญ้า ซูมู่ไห่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เขาถูกขับไล่ออกจากวังตั้งแต่ยังเด็ก เพียงเพราะแม่ของเขาจากไปเร็ว ฮองเฮาไม่คิดจะเว้นที่ว่างให้เขาได้มีชีวิต โชคยังดีที่ท่านตาของเขา เป็นพระสหายสนิทของฮ่องเต้องค์ก่อน จึงเลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ได้
ซูมู่ไห่เติบโตขึ้นมาในถิ่นแม่น้ำลำคลอง ซึ่งอุดมไปด้วยกกอ้อกอหญ้ามากมาย ทักษะการว่ายน้ำดำน้ำของเขา จึงเก่งกาจจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าหาตัวจับยาก
แต่เพราะเขาเป็นโอรสของฮ่องเต้หนานอี้ ฮองเฮาจึงเอาแต่คอยคิดกังวลเรื่องสถานะของเขาอยู่เสมอๆ จนสั่งให้คนมาลอบสังหารเขา แม้ไม่สำเร็จ แต่มันกลับทำให้เขาหลงเหลือต้นตอของโรคบางอย่าง ส่งผลให้เขาไม่สามารถว่ายในน้ำได้นาน ๆ อีกต่อไป
นี่เป็นการลงน้ำครั้งแรกในปีนี้เลยทีเดียว เขาเองก็พยายามจนถึงที่สุดแล้วเช่นกัน
อันหลิงหยุนหลับสนิทมาก ซูมู่ไห่นอนพักผ่อนเอาแรงครู่หนึ่ง จึงค่อยหันไปมองอันหลิงหยุน คนหลับสนิทไปแล้วจริง ๆ หลับจนดูเหมือนคนตายเลยทีเดียว
ซูมู่ไห่ยกมือขึ้นไปตรวจสอบลมหายใจ พบว่านางยังมีลมหายใจอยู่
ซูมู่ไห่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ช่างเหมือนสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้นเลย
เมื่อเห็นว่ายังมีคนกำลังควานหาตัวพวกเขาอยู่ไกล ๆ ซูมู่ไห่ก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่นาน ๆ ได้ จึงแบกอันหลิงหยุนขึ้นหลัง แล้วอาศัยต้นอ้อพรางกายเพื่อหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าพวกเขาจะหนีออกมาได้ แต่ที่นี่ล้วนเป็นกกอ้อกอหญ้าที่ลอยเหนือผิวน้ำ รอบด้านถูกรายล้อมไปด้วยเวิ้งน้ำสุดลูกหูลูกตานับร้อย ๆ ลี้ การคิดจะหนีไปจากที่นี่จึงเป็นอะไรที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อีกทั้งยังต้องคอยหลบหลีกคนพวกนั้นให้พ้นด้วย
แต่ทว่า คนพวกนั้นก็ยังหาอันหลิงหยุนกับซูมู่ไห่ไม่เจอ ในทางกลับกัน อันหลิงหยุนยังคงนอนหลับสนิทเช่นเดิม
อันหลิงหยุนกลับมาสู่ยุคปัจจุบันแล้ว ทั้งได้เห็นที่ที่ใช้เก็บบรรจุร่างของซูมู่หรงแล้วเช่นกัน มันยังคงเป็นสถานที่เดิมที่เคยเห็น เพียงแต่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยอยู่รอบ ๆด้วยก็เท่านั้น
อันหลิงหยุนเพ่งมองไปที่ร่างกายตัวเอง คราวนี้นางกลับมาด้วยร่างจิต แต่ร่างจิตแบบนี้ก็ไม่สามารถช่วยซูมู่หรงได้
อันหลิงหยุนร้อนใจมาก เมื่อเข้าไปมองดูใกล้ ๆ ซูมู่หรงได้ตายไปแล้ว
ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร หรือจะตะโกนปลุกแค่ไหนก็ไม่ตื่นขึ้นมา ยังคงถูกล็อกแน่นสนิทอยู่ในภาชนะบรรจุ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
อันหลิงหยุนเดินไปเดินมาด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ในห้องทดลองไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
อันหลิงหยุนรอตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แล้วรอตั้งแต่ค่ำจนจรดยามเช้า ไม่รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหน อันหลิงหยุนนอนคว่ำหน้าอยู่บนภาชนะบรรจุร่าง จ้องมองดูซูมู่หรงอย่างใจจดใจจ่อ
“อาจารย์คะ อาจารย์… คุณควรจะตื่นได้แล้วนะ ถ้าคุณยังไม่ตื่นอีก ฉันจะไปแล้วนะ!”
อันหลิงหยุนเอาแต่คุยอยู่นอกภาชนะบรรจุร่างไม่หยุด คอยเรียกซูมู่หรงอยู่ตลอด
เมื่อรู้สึกว่าอากาศหนาวเย็นลงเรื่อยๆ เริ่มมีลมโบกพัดอื้ออึง อันหลิงหยุนก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องเรียกชื่อของนาง ฉับพลันร่างกายนางก็สั่นเอนวูบไหว แล้วจากสถานที่แห่งนั้นไป
อันหลิงหยุนลืมตาขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เมื่อพลิกตัวหันไปมองก็เห็นซูมู่ไห่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อซูมู่ไห่เห็นว่าอันหลิงหยุนตื่นแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ตื่นแล้วหรือ?” ซูมู่ไห่คิดไม่ถึงว่า อันหลิงหยุนจะหลับไปหลายชั่วยาม ถึงจะยอมตื่นได้เสียที จนตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดมิดไปหมดแล้วด้วย!
อันหลิงหยุนนอนนิ่งๆโดยไม่ได้ลุกขึ้น หันไปมองซูมู่ไห่อย่างจริงจังแล้วถามว่า : “พวกนั้นไปกันหมดแล้วหรือไม่?”
“พวกนั้นไปกันหมดแล้ว แต่พวกเราก็ออกไปไม่ได้เหมือนกัน ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยน้ำทั้งนั้น อีกทั้งมีบางแห่งเป็นหล่มน้ำลึก ถ้าไม่ระวังให้ดีมีสิทธิ์ตกลงไปแน่” อันที่จริงซูมู่ไห่นั้นสามารถหนีออกไปได้ หากว่าเขาตัวคนเดียว จะสามารถหนีไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เพราะเขามีอันหลิงหยุนมาด้วย จึงไม่สามารถหนีออกไปได้
อันหลิงหยุนลุกขึ้นนั่ง: “ข้ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่ถูกขังอยู่ เขาถูกขังไว้ในภาชนะชนิดหนึ่งอย่างแน่นหนา ตอนที่ข้าไปหาเขาครั้งแรก ข้ามีร่างจริง แต่ตอนนี้ข้าสามารถพบเขาได้แค่ในความฝันเท่านั้น ข้าอยากช่วยเขา เจ้าสามารถช่วยข้าได้ ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้ เจ้าจับมือข้าไว้นะ เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว เพราะเจ้ามีร่างจริง เจ้าจะสามารถจับต้องสัมผัสกับภาชนะที่ว่านั้นได้ ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีไหนก็ช่าง จะทุบให้พังหรืออะไรก็ตามแต่ ขอได้โปรดช่วยข้าด้วย ขอเพียงเจ้ายอมช่วยข้า ในวันหน้าไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร ข้าก็จะช่วยเจ้า ”
ทันทีที่อันหลิงหยุนจับมือของซูมู่ไห่ ซูมู่ไห่ก็ตกใจจนสะดุ้ง เขาง่วนอยู่กับการพยายามดึงมือออก แต่ถูกอันหลิงหยุนหยุดรั้งไว้: “ไม่ต้องกลัว ข้าพาเจ้าไปได้ ก็ต้องพาเจ้ากลับมาได้แน่นอน ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้าตลอดเวลา วางใจได้ ”
“ผู้หญิงอย่างเจ้านี่มัน… เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้”
ซูมู่ไห่โกรธจนหน้าแดงก่ำ พยายามออกแรงดึงมือของอันหลิงหยุนออกไป อันหลิงหยุนรีบใช้สองมือ คว้าจับมือข้างหนึ่งของซูมู่ไห่ไว้แน่น ก้มหน้าลงแล้วหลับตา: “ได้โปรดเถอะ ขอให้ข้าสามารถพาซูมู่ไห่ไปด้วยได้ ข้าอยากช่วยเขา !”
พูดจบตรงหน้าพลันบังเกิดกระแสลมโชยพัดขึ้นมา ซูมู่ไห่หันมองไปรอบ ๆ อันหลิงหยุนวางแนบตำแหน่งหว่างคิ้วของนางลงบนมือของซูมู่ไห่ กับมือของนางเรียบร้อยแล้ว นางจำได้ว่า เหล่าจู่ได้วาดอักขระบางอย่างลงบนหว่างคิ้วของนาง และมันจะต้องมีประโยชน์ใช้สอยอะไรบางอย่างเป็นแน่
เมื่อกระแสลมเริ่มหอบพัดแรง ซูมู่ไห่ก็หันไปมองรอบตัวด้วยความตื่นตระหนก ระคนประหลาดใจ รู้สึกว่าร่างกายของเขาอยู่ท่ามกลางกระแสวังวนบางอย่าง เพียงไม่นานทุกสรรพสิ่งรอบข้างก็พลันเงียบสงัด แต่กลับไม่เห็นอันหลิงหยุนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเขาก็ยังสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า อันหลิงหยุนนั้นอยู่ข้างๆเขา และตัวเขาได้มาอยู่ในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
อันหลิงหยุนหันไปมองซูมู่ไห่ จากนั้นจึงหันไปมองยังห้องทดลอง เพื่อยืนยันว่าเป็นที่นี่จริงๆ อันหลิงหยุนเดินตรงไปหาซูมู่หรง ฉับพลันซูมู่ไห่ก็รู้สึกว่ามือถูกใครบางคนดึงให้ตามไป เขาเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า มีของบางอย่างที่แปลกมากๆอยู่ และเขากำลังถูกดึงไปยังทิศทางนั้น