แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 684 สารภาพด้วยตัวเอง
หลังจากที่เตรียมพร้อมกันแล้ว ทุกคนก็เดินทางตรงไปที่บ้านตระกูลหาน
ตอนแรกหานมู่จื่อยากขับรถไป ในเวลาที่เดินไปถึงที่จอดรถ เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเธอจอดรถเอาไว้ฝั่งบริษัทตระกูลเย่ แต่ตอนนี้กลับไม่มีรถของเธอจอดอยู่แล้ว
เสี่ยวหมี่โต้วและเสี่ยวเหยียนยืนอยู่ข้างเธอ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
“หม่ามี๊ รถล่ะ?”
“มู่จื่อ รถล่ะ?”
หานมู่จื่อ “…………”
เธอแตะจมูกตัวเองอย่างแก้เก้อ
“ดูเหมือนว่า…. จะไม่ได้อยู่ที่นี่”
“พวกเราเห็นแล้ว งั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี? เดินไปเหรอ?” เสี่ยวเหยียนถอนหายใจออกมา มองไปที่หานมู่จื่ออย่างไร้หนทาง “ก็รู้ว่าไม่ควรพึ่งเธออ่ะนะ งั้นเรียกรถดีกว่า”
เสี่ยวเหยียนหยิบโทรศัพท์ออกมากดเรียกรถ หลังจากที่ขึ้นรถแล้วเสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวหมี่โต้วต่างพากันกอดอกหายใจฟิดฟัดอย่างไม่พอใจ
“เสี่ยวหมี่โต้ว ถ้าครั้งต่อไปพึ่งพาหม่ามี๊ของเราออกไปข้างนอกไม่ได้ ก็มาพึ่งคุณอาเสี่ยวเหยี่ยนนะครับ” เสี่ยวหมี่โต้วหัวเราะคิกคักพร้อมกับพยักหน้า
ตระกูลหาน
ในช่วงเวลาที่ลงรถ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขาดความมั่นใจหรือย่างอื่น ทำให้หานมู่จื่อเดินเซไปข้างหน้าเล็กน้อยจนเกือบจะล้ม โชคดีที่เสี่ยวเหยียนคว้ามือของเธอเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
ฉิวเฉียด
หลังจากที่กลับมายืนทรงตัวได้แล้ว สีหน้าของหานมู่จื่อก็ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“หม่ามี๊ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” เสี่ยวหมี่โต้ววิ่งเข้ามาหาเธออย่างตกใจ พลางจับมือของเธอเอาไว้ “ไม่งั้นหม่ามี๊ก็จับมือเสี่ยวหมี่โต้วเอาไว้แล้วเดินไปด้วยกันเถอะครับ”
หลังจากหานมู่จื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว ก่อนจะส่งยิ้มให้กับเสี่ยวหมี่โต้ว “ไม่เป็นไรค่ะ เสี่ยวหมี่โต้วไม่ต้องเป็นกังวลนะ”
เธอเดินไปข้างหน้า เสี่ยวเหยียนกระซิบเสียงเบาๆ
“ฉันคิดว่าคุณสามารถทำใจเย็นได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าความจริงแล้วคุณยังกังวลอยู่” พูดจบเสี่ยวเหยียนก็ลอบหัวเราะออกมา
หานมู่จื่อจ้องมองไปที่เธอ ก่อนเอ่ยกระซิบ “อย่าพูดนะ”
“ได้”
คนใช้ที่เฝ้าหน้าประตู มองมาทางหานมู่จื่อ เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวหมี่โต้ว พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาทักทายในทันที
“คุณหนูมาแล้วเหรอคะ”
หานมู่จื่อหันไปพยักหน้าให้เธอพลางส่งยิ้มไปให้ “ป้า พี่ชายล่ะคะ?”
“คุณผู้ชายหลังจากตื่นเช้าก็ประชุมวิดีโอคอลอยู่ที่ห้องสมุดค่ะ”
“ประชุม?” หานมู่จื่อกะพริบตา เผลอมองไปที่เสี่ยวหมี่โต้วโดยไม่ตั้งใจ
“ทุกครั้งที่คุณลุงประชุมก็ใช้เวลานานมากเลยนะครับ พวกเราจะรอกันไหมครับหม่ามี๊?”
หานมู่จื่อยื่นมือออกไปบีบใบหน้าเล็กของเสี่ยวหมี่โต้ว “คุณลุงประชุมอยู่ งั้นเดี๋ยวเราไปเดินเล่นรอกันครับ ไว้รอตอนเที่ยงค่อยไปทานข้าวด้วยกัน ที่นี่เป็นที่ๆ ลูกเคยอยู่มาก่อน ลูกอยากจะไปเดินเล่นเองสักหน่อยไหมครับ?”
“โอเคครับหม่ามี๊ งั้นเดี๋ยวผมไปเดินเล่นเองก่อนนะครับ” เสี่ยวหมี่โต้วพูดจบก็หมุนตัวไป เสี่ยวหมี่โต้วแม้ว่ามือและขาจะสั้นหน่อย ทว่าเวลาเดินเขากลับเดินเร็วมาก
ไม่นานก็หายไปในพริบตา
ที่นี่เป็นบ้านตระกูลหาน เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล เมื่อหานมู่จื่อเห็นเขาไปเล่นแล้ว เธอจึงไม่ได้สนใจเขาอีก
“เธอล่ะ?” หานมู่จื่อหันไปมองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างกัน
“เขาไปเล่นเองแล้ว แล้วเธอล่ะวางแผนจะไปไหน?” ไปไหนเองเหรอ? เสี่ยวเหยียนตกใจไปพักหนึ่ง เธอไม่ใช่คนตระกูลหาน ไม่สามารถไปวิ่งเล่นรอบๆ ได้เหมือนเสี่ยวหมี่โต้วหรอกนะ
เฮ้อ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกถ้าหานชิงชอบเธอ เธอก็คงจะสามารถไปเดินเล่นได้อย่างตามใจชอบ
รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้ ทำไมคนอื่นไล่ตามผู้ชายถึงได้ดูง่าย พอเป็นเธอทำไมถึงได้ดูยุ่งยากไปหมด? จะไม่หาว่าเป็นผู้หญิงที่ไล่ตามผู้ชายเหรอ?เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าการไล่ตามหานชิงดูราวห่างไกลกันนับพันไมล์ ต้องข้ามผ่านภูเขานับล้าน
“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าเธออยากมาหาพี่ชายฉันหรอกเหรอ?” หานมู่จื่อเอ่ยถามขึ้นมา เสี่ยวเหยียนถึงกับสีหน้าเปลี่ยน รีบส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีทางคิดอย่างนั้นหรอก เขากำลังประชุมอยู่ฉันจะไปรบกวนเขาได้ยังไง ขืนไปหาเขาเวลานี้มีหวังพี่ชายเธอยิ่งต้องเกลียดฉันมากกว่าเดิมแน่”
สำหรับผู้ชายแล้วในเวลาที่กำลังตั้งใจทำงานขืนคุณเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเกิดอาการเกลียดขี้หน้าแน่
ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนตระหนักได้กับตัวเอง
“โอเค เห็นท่าทางของเธออย่างนี้ ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเดินดูรอบๆ เอง หลังจากนั้นเอาไว้ถึงเวลาทานอาหารเธอค่อยเจอเขาก็ได้”
เสี่ยวเหยียนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เธอเพียงแค่พยักหน้า หลังจากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกันกับหานมู่จื่อ
เที่ยงวัน
ในที่สุดอาหารเลิศรสกำลังวางเรียงอยู่บนโต๊ะอาหาร เหล่าสาวใช้กำลังเข้าออกกันอย่างวุ่นวาย ทุกคนต่างรู้ดีว่าหานมู่จื่อเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหาน เธอเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนตระกูลหาน
ดังนั้นเมื่อได้รับคำสั่งจากหานชิง เหล่าสาวใช้ต่างพากันจับตามองสีหน้าของหานมู่จื่อเป็นพิเศษ พยายามทำให้เธอพอใจอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อเห็นเมนูอาหารมากมายที่ว่าอยู่ตรงหน้า หานมู่จื่อก็ถึงกลับตกใจ หันไปถามสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างว่า “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่า?”
สาวใช้ชะงักไป ไม่ทันได้ตอบกลับอะไรออกมา เธอหมายความว่ายังไง? ผ่านไปสักพักสาวใช้จึงตอบกลับมาว่า “คุณหนูมู่จื่อ วันนี้ไม่ใช่วันพิเศษอะไรไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมเหรอคะ?”
ไม่ใช่วันพิเศษอะไร งั้นทำไมอาหารบนโต๊ะถึงได้เยอะขนาดนี้ หานมู่จื่อสงสัย “ฉันเห็นว่าปกติเมนูอาหารไม่ได้เยอะขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ วันนี้เห็นอาหารเยอะเป็นพิเศษฉันก็เลยนึกว่าวันพิเศษอะไร”
คนรับใช้ที่อาวุโสอยู่ในนั้นเมื่อได้ยินก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูมู่จื่อไม่รู้อะไร เพียงแค่คุณหนูกลับมา สำหรับตระกูลหานก็ถือว่าเป็นวันพิเศษแล้วค่ะ สำคัญยิ่งกว่าวันเทศกาลเสียอีก”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาก็สามารถดึงดูดผู้คนโดยรอบได้เป็นอย่างดี สาวใช้อีกหลายคนพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง “ใช่แล้วใช่แล้วค่ะ คุณหนูมู่จื่อกลับมา คุณชายของพวกเราก็ดีใจมากเลย ก็เลยถือว่าเป็นวันพิเศษของตระกูลหาน”
เมื่อมองเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างพร้อมเพรียง ก็นึกถึงหานชิงขึ้นมาอีก หานมู่จื่อไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ตัวเองถึงได้รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา หานชิงสามารถพูดได้เลยว่าหานมู่จื่อเป็นน้องสาวที่เขาเอ็นดูมาก ทว่าเธอก็มีเรื่องที่ปกปิดพี่ชายของตัวเองเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ด้วยกันกับเย่โม่เซิน ไม่รู้เลยว่าควรจะเริ่มพูดยังไงดี
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ภายในใจของหานมู่จื่อก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เธอคิดว่าถ้าวันนี้หานชิงเรียกเธอกลับมากินข้าว ในช่วงเวลาที่ทานข้าวด้วยกันเธอก็จะสารภาพกับหานชิงเรื่องเย่โม่เซิน
ถ้าหากว่าหานชิงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเธอก็จะกล้าที่จะยอมรับกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากที่หานมู่จื่อตัดสินใจได้แล้ว เธอก็พูดยิ้มๆ “โอเคค่ะ วันนี้ก็ลำบากบอกพวกคุณแล้ว วันนี้ก็ขอบคุณทุกคนนะคะที่ทำอาหารมาเยอะขนาดนี้ นี้ก็สายแล้วพวกคุณก็รีบไปทานข้าวเที่ยงกันเถอะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณหนูมู่จื่อ งั้นเดี๋ยวพวกเราไปก่อนนะคะ”
“จ๊ะ”
“อ่อใช่สิ คุณผู้ชายประชุมเสร็จแล้วนะคะ เดี๋ยวไม่นานก็คงจะลงมาแล้วค่ะ”
“โอเคจ๊ะ”
หลังจากที่รอคนเดินออกไปแล้ว หานมู่จื่อก็มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเงาของใครอยู่แล้ว
เสี่ยวหมี่โต้วไปวิ่งเล่นที่ไหนกัน?
เสี่ยวหมี่โต้วหายไปก็ช่างเถอะ นี่แม้แต่เสี่ยวเหยียน….. ก็ไม่เห็นแม้เงา
ก่อนหน้านี้ก็อยู่ด้วยกันชัดๆ ถึงเธอจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องพอกลับมาก็ไม่เห็นแล้ว
หรือว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เธอจะไปหาหานชิงแล้ว?