แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่698 แด๊ดดี้ของลูกเขาขอแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
เห็นข้อความวรรคยาวๆนั้นแล้ว เย่โม่เซินอ่านซ้ำอยู่หลายรอบอย่างตั้งอกตั้งใจ
ส่วนทุกคนที่เห็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลเสนอแผนการของตัวเองออกมา ดังนั้นแล้วจึงทำตามกันออกมาเป็นจำนวนมาก เขียนวิธีเอาใจเด็กกันออกมามากมาย แย่งกันพิมพ์ออกไป
เย่โม่เซินอ่านอยู่เป็นเวลานานจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ดังนั้นแล้วเขาจึงโทรหาเซียวซู่ทันที
แต่เซียวซู่ก็กำลังอาบน้ำอยู่ไง ในตอนที่ได้ยินเสียงวีแชทในโทรศัพท์ดังขึ้นมาเขาก็ไม่ได้สนใจ แต่ต่อมาก็มีเสียงการแจ้งเตือนวีแชทดังขึ้นมาไม่หยุด เร่งมาเหมือนอย่างกับจะมีใครตายยังไงอย่างนั้น
เขายังคิดว่าไอ้ตัวไหนที่มันวอนตายกัน นึกไม่ถึงว่าในห้องสนทนากลุ่มจะทำการส่งข้อความรัวกันเข้ามาขนาดนี้ ถ้าเขาออกไปจะต้องบล็อกไอ้คนนั้นแน่!
แต่ผลสุดท้าย…ก็มีสายโทรเข้ามา
ปกติแล้วในสถานการณ์แบบนี้คนที่โทรหาเขานั้นมีเพียงแค่สองประเภท ประเภทแรกคือคนส่งของ ประเภทที่สองคือ…
เซียวซู่นุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำมารับโทรศัพท์ด้วยสภาพที่ยังไม่ทันได้ล้างฟองสบู่บนร่างออกหมดเลยทีเดียว
“คุณ…คุณชายเย่?”
“เดี๋ยวนายช่วยทำสรุปข้อมูลในกลุ่มออกมา แล้วส่งมาที่อีเมลฉันหน่อย”
“ข้อมูลในกลุ่ม? สรุป?”
เมื่อกี้เขากำลังอาบน้ำอยู่ จึงไม่เห็นข้อมูลในกลุ่ม ดังนั้นแล้วในตอนที่ได้รับคำสั่งนี้จากเย่โม่เซินนั้น ตัวของเซียวซู่นั้นก็ยังงุนงงไม่รู้อะไรเลย
แต่ไม่รอให้เขาได้ตอบอะไรออกไป ทางฝั่งของเย่โม่เซินก็ได้วางสายไปเรียบร้อยแล้ว
เสียงตู๊ดๆดังออกมาจากโทรศัพท์ เซียวซู่จำต้องวางสายไปแล้วเข้าไปในกลุ่มวีแชท ไถเลื่อนจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน เลื่อนอยู่นานกว่าจะพบต้นตอของเรื่องที่เกิดขึ้น
เชี้ยเอ๊ย!
คนพวกนี้บ้าไปแล้วหรือไง? ถือโอกาสตอนเขาอาบน้ำส่งกันมามากมายขนาดนี้!
นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองอาบน้ำยังไม่ได้ล้างตัวเสร็จเรียบร้อยดี เซียวซู่ก็เลยต้องรีบวางโทรศัพท์ลง กลับไปยังห้องอาบน้ำล้างตัวจนสะอาดเอี่ยมอ่อง
หลังจากที่เขาออกมา ก็พบว่าข้อความก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง
เซียวซู่ “…”
ไอ้พวกเลว!
ดังนั้นแล้วเซียวซู่จึงไม่ทันได้กินข้าวด้วยซ้ำ ก็จำต้องขลุกอยู่กับการจัดการเรียบเรียงข้อมูลที่เย่โม่เซินต้องการอยู่อย่างนั้น
ทางด้านอีกฝั่งนึงนั้น
ในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วเข้าไปหาหานมู่จื่อ หานมู่จื่อยังคงกำลังนอนคลุมโปงหลับยาวอยู่เลย ในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้ววิ่งเข้าไปหาเธอ ก็เอาแต่ร้องเรียกเธอหม่ามี๊ เรียกอยู่หลายครั้งต่อหลายครั้งกว่าหานมู่จื่อจะลืมตาขึ้นมา
เห็นเสี่ยวหมี่โต้วยืนอยู่ตรงหน้าเธอ หานมู่จื่อกะพริบตาออกมาเล็กน้อย คล้ายกับว่าจะไม่คาดคิดสุดๆ
“เสี่ยวหมี่โต้ว ลูกมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันหา? แด๊ดดี้ของลูกไปรับลูกมาใช่มั้ย?”
พูดจบ เธอเลิกผ้าห่มผืนบางออกพลางส่งสัญญาณให้เสี่ยวหมี่โต้วซุกตัวเข้ามา
การกระทำนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นบ่อยครั้งระหว่างสองคนแม่ลูก ในอดีตที่ผ่านมาเสี่ยวหมี่โต้วจะนอนด้วยกันกับหานมู่จื่อ มีบางครั้งที่เด็กน้อยตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ในตอนที่กลับเตียงนั้นหานมู่จื่อจะเห็นเขาเลิกมุมผ้าห่มออกไปเล็กน้อยแล้วก็ปีนขึ้นมา
เป็นอย่างที่คิด เมื่อเห็นว่ามุมผ้าห่มเพิ่มขึ้นมา เสี่ยวหมี่โต้วก็รีบถอดรองเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วซุกเข้าไปนอนกับหานมู่จื่อทันที
มือเล็กกลมป้อมที่นุ่มนิ่มราวกับขนมสายไหมกอดลงมาบนเอวบางของเธอ ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาทำให้หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย เอื้อมมือออกไปบีบจมูกของเสี่ยวหมี่โต้วเบาๆ
เสี่ยวหมี่โต้วกลับทำราวกับว่ากำลังไม่พอใจออกมา ย่นจมูกออกมาเล็กน้อย เชิดหน้าไปทางอื่นพร้อมทั้งเอ่ยออกมาว่า “หม่ามี๊นิสัยไม่ดี ถ้าเขาไม่มารับผม หม่ามี๊ก็ไม่ต้องการเสี่ยวหมี่โต้วแล้วใช่มั้ย? เสี่ยวหมี่โต้วปรากฏตัวที่นี่ หม่ามี๊เหมือนกับว่าจะไม่ดีใจเลยสักนิด!”
หานมู่จื่อ “…ใครบอกว่าหม่ามี๊ไม่ดีใจล่ะ? ดวงตาข้างไหนของเสี่ยวหมี่โต้วที่เห็นความรู้สึกของหม่ามี๊กันล่ะ?”
“แต่หม่ามี๊ถามเสี่ยวหมี่โต้วว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไงนี่นา?”
“นั่นก็เพราะว่าหม่ามี๊อยากรู้มั้ยล่ะครับ อีกอย่างหม่ามี๊ก็เพิ่งตื่นนอน สมองยังสะลึมสะลืออยู่เลย ถ้ามันทำให้เสี่ยวหมี่โต้วเสียใจ เสี่ยวหมี่โต้วก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับหม่ามี๊เลยนะ”
พูดจบ หานมู่จื่อโน้มอิงเข้าไปข้างหน้า แก้มคลอเคลียลงบนใบหน้าของเด็กน้อย ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
“ได้มั้ย? หืม?”
เธอกดเสียงต่ำ ปลอบโยนเด็กน้อยที่กำลังกอดเอวของเธออย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
เต็กน้อยช่างตัวเล็กจริงๆ ปกติเวลาที่เขาพูดจานั้น หานมู่จื่อมักจะคิดว่าเสี่ยวหมี่โต้วโตแล้ว ดังนั้นแล้วจึงอยากให้เขาเป็นอิสระสักหน่อย ก็เลยให้เขานอนห้องเดี่ยวของเขาไป แต่ในตอนนี้เห็นสภาพที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของตนแล้วนั้น เห็นได้ชัดว่าเขายังเป็นเจ้าตัวน้อยน่ารักคนนึง
เมื่อก่อนเธอมักจะคิดอยู่เสมอว่าเสี่ยวหมี่โต้วขาดความรักจากพ่อของเขาไป ถึงแม้ว่าจะเติบโตมาด้วยการดูแลด้วยความรักความเอาใจใส่ของตน แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์
แต่ต่อไปไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วมีแด๊ดดี้รักใคร่ดูแลเขาแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะช้าไปห้าปี…
แต่ ก็ไม่นับว่ามันสายเกินไปนี่
“เฮอะ หม่ามี๊นิสัยไม่ดี…เห็นแก่ที่หม่ามี๊ง้อผมขนาดนี้หรอกนะ งั้นผมก็จะยกโทษให้หม่ามี๊แล้วกัน!”
เสี่ยวหมี่โต้วพูดออกมาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม จากนั้นก็เข้าไปจุ๊บแก้มหานมู่จื่อไปหนึ่งที
สองแม่ลูกสนิทสนมชิดเชื้อกันขึ้นมาอีกหลายเท่า ผ่านไปได้สักพักนึง หานมู่จื่อก็เอ่ยถามออกมา “จริงสิ วันนี้ลูกเรียกแด๊ดดี้แล้วหรือยัง?”
เด็กน้อยในอ้อมกอดนิ่งเงียบไปสักพักนึง จากนั้นก็ส่ายหน้าออกมา
หานมู่จื่อ “ทำไมไม่เรียกล่ะ? ลูกยังไม่ยอมรับเขาอีกหรอ?”
เสี่ยวหมี่โต้วยู่ปากออกมา พร้อมเอ่ยออกไปอย่างไม่พอใจว่า “เสี่ยวหมี่โต้วไม่เห็นจะอยากเรียกเขาสักหน่อย”
“แต่…เมื่อก่อนใครกันนะที่ร้องหาแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ตลอดเลย? ตอนนี้หม่ามี๊ได้พาแด๊ดดี้มาหาให้ลูกแล้ว แต่ลูกกลับไม่เรียก? นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน?”
เมื่ออยู่ต่อหน้าของหานมู่จื่อนั้น เสี่ยวหมี่โต้วจึงพูดไม่ออกเลยว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปโดยปริยาย ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกมาอย่างฮึดฮัด “หม่ามี๊มีแด๊ดดี้แล้วใช่มั้ย ก็เลยเริ่มไม่ชอบเสี่ยวหมี่โต้วตัวปัญหาน้อยคนนี้แล้ว? เพราะว่าเสี่ยวหมี่โต้วหาเงินไม่ได้ แล้วยังต้องใช้เงินหม่ามี๊เรียนหนังสืออีก แต่คุณลุงคนนั้นมีเงินเยอะมาก เพราะงั้นหม่ามี๊ก็เลยเริ่มไม่ชอบเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นมาแล้ว?”
เพราะคำพูดนี้ จึงทำเอาหานมู่จื่ออดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา เธอเอื้อมมือเข้าไปลูบศีรษะของเสี่ยวหมี่โต้วอย่างจนใจสุดๆอยู่สักพักนึง
“มา ลูกบอกหม่ามี๊มาสิว่า มีอะไรอยู่ในหัวลูกกัน? ทำไมถึงคิดว่าหม่ามี๊เป็นอย่างนั้นได้ล่ะ? ลูกเป็นเด็กน้อยที่หม่ามี๊ตั้งท้องอยู่เป็นสิบเดือนแล้วคลอดออกมาอย่างยากลำบากเลยนะ เรียกได้เลยว่าเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งบนร่างของหม่ามี๊เลยก็ว่าได้ แล้วหม่ามี๊จะไม่ชอบลูกได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวหมี่โต้วยู่ปากออกมา “แต่พอผมไม่อยากเรียกเขาว่าแด๊ดดี้ หม่ามี๊ก็ไม่พอใจแล้ว”
“ไม่อยากเรียกจริง?” หานมู่จื่อเลิกคิ้วออกไปเล็กน้อย “ลูกไม่คิดหรอว่า ถ้าลูกเรียกเขาว่าแด๊ดดี้แล้ว พอเขามีความสุขก็จะให้ของขวัญลูกเยอะๆไง?”
“ไม่เห็นจะอยากได้ของขวัญพวกนั้นสักหน่อย!” เสี่ยวหมี่โต้วยู่ปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมแค่อยากให้เขาดีกับหม่ามี๊ก็พอ”
พูดจบ เด็กน้อยก็กอดเอวของเธอแน่น พร้อมทั้งฝังตัวอยู่ในอ้อมกอดของเธอ “เสี่ยวหมี่โต้วจะไม่ให้ใครมารังแกหม่ามี๊ได้ทั้งนั้น หม่ามี๊…ถ้าหากเขาทำไม่ดีกับหม่ามี๊ หม่ามี๊จะต้องบอกเสี่ยวหมี่โต้วนะครับ”
“เด็กโง่เอ๊ย~ ถ้าเขาทำไม่ดีกับหม่ามี๊ หม่ามี๊จะต้องออกไปจากชีวิตเขาตั้งนานแล้ว แต่เพราะว่าเขาดีต่อหม่ามี๊ไง หม่ามี๊ก็เลยอยู่กับเขา และได้ให้ลูกเรียกเขาว่าแด๊ดดี้ไง ลูกเข้าใจหรือยัง?”
เธอรู้ว่าลูกของเธอเทียบกับเด็กทั่วๆไปไม่ได้ พูดอธิบายเหตุผลกับเขาไป พูดถึงเรื่องหลักความจริงของชีวิตส่วนใหญ่เขาก็สามารถเข้าใจมันได้เกือบทั้งหมด ดังนั้นแล้วหานมู่จื่อจึงได้ทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยออกไปว่า “เมื่อก่อนหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ของลูกมีเรื่องที่เข้าใจผิดกันมากมาย แต่ตอนนี้ก็ได้คลี่คลายกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หม่ามี๊จึงอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเขา ตอนนี้ลูกยังไม่อยากเรียกเขาว่าแด๊ดดี้ก็ไม่เป็นไร ลูกกับเขาสองพ่อลูก…ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน ตอนนี้ลูกยังไม่อยากเรียกเขา มันจะต้องมีสักวัน…ที่ลูกจะยอมเรียกออกมา”
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาปริบๆออกมา “ความหมายของหม่ามี๊ก็คือจะแต่งงานกับเขาใช่มั้ย?”
เมื่อพูดถึงเรื่องการแต่งงาน หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะเอาแหวนบนมือให้เสี่ยวหมี่โต้วดู “อือ แด๊ดดี้ของลูกขอหม่ามี๊แต่งงานแล้วล่ะ”