แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่716 ฝนนี่ มันจะหยุดตกไหมนะ
พูดจบ ซูจิ่วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสภาพอากาศ ก็พบว่าที่แท้วันนี้ก็มีพายุเข้านั่นเอง ดูจากสถานการณ์แล้ว……เดาว่าเมฆฝนไม่น่าจะห่างจากนี่เท่าไหร่แล้ว
ต้องรีบทำธุระให้เสร็จไวๆ พาหานมู่จื่อกลับโรงแรม จากนั้นก็กล่อมเธอนอน
ดูท่า ถึงเวลาที่ฝนโหมกระหน่ำแล้ว หานมู่จื่อก็น่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว วันนี้เธอก็วิ่งวุ่นไปทั้งวัน เหนื่อยแย่…..
ซูจิ่วแอบคำนวณอยู่เงียบๆ
แต่ด้านหานมู่จื่อเมื่อเห็นฝนทำท่าจะตกด้านนอกด้วยความกังวล
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?
ผีซ้ำด้ำพลอยอย่างนั้นเหรอ? เวลาแบบนี้ฝนยังมาตก ถึงแม้ว่าจะตกแค่โปรยปราย แต่หานมู่จื่อก็ยังเป็นกังวลมากอยู่ดี
พอมาถึงที่โรงแรม หลังจากที่หานมู่จื่อลงจากรถแล้วก็ยืนอยู่หน้าประตูดูไม่ค่อยอยากจะเข้าไป หันมองย้อนกลับไปที่สายฝน
“ฝนนี่มันจะหยุดตกไหมนะ? ”เธอถามขึ้นอย่างรำพึงรำพันโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังถามใครอยู่
ซูจิ่วที่ยืนอยู่หลังของเธอ มองไปที่ฝนก่อนจะพูด: “หยุดสิคะคุณมู่จื่อ ฝนมันก็เบาลงแล้วด้วย ดูท่าอีกไม่นานก็คงจะหยุดแล้วหล่ะค่ะ”
หานมู่จื่อยังคงยืนไม่ไหวติง ซูจิ่วเดินไปจับแขนเธอไว้พลางพูด “พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ ฝนจะตกหยุดแน่ๆ ”
แล้ว ทั้งหมดจึงเดินเข้าไปด้านในโรงแรม
หลังจากที่หานมู่จื่อเดินเข้าห้องไปแล้ว หานชิงก็ไม่ได้เดินเข้าไปด้วย ทั้งสองถึงแม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่ก็ด้วยเพศสภาพที่แตกต่าง หานชิงจึงไหว้วานให้ซูจิ่วช่วยเขาในการดูแลหานมู่จื่อ
ซูจิ่งเองก็รับคำ เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เธอก็เตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้หานมูจื่อ เมื่อลองเทสอุณหภูมิว่าไม่มากจนเกินไปแล้ว เธอก็ช่วยถอดชุดแต่งงานของเธอ เธอพูดพลางรูดซิปข้าง “มู่จื่อพี่แช่น้ำอุ่นให้ผ่อนคลายเสียหน่อย ฉันสั่งให้คนเอาอาหารเย็นมาส่งแล้วหล่ะ พอแช่เสร็จพี่ก็จะได้มาดื่มซุปแล้วก็พักผ่อน”
หานมู่จื่อยืนให้เธอช่วยตัวเองถอดชุดนิ่งราวกับหุ่น มือเท้าของซูจิ่วคล่องแคล่วว่องไว ไม่นานร่างทั้งร่างของหานมู่จื่อก็เหลือเพียงชึ้นใน ซูจิ่วพูดขึ้น: “ต่อไปพี่มู่จื่อก็ตามสบายนะ อีกประมาณ20นาที ฉันจะมาเรียกอีกที”
พูดจบซูจิ่วก็เดินออกไป
หานมู่จื่อยืนอยู่ในห้องน้ำ เอาแต่คิดถึงเรื่องฝนตก เมื่อรู้สึกถึงอากาศเย็นเธอก็เพิ่งจะได้สติ รีบถอดชุดชั้นในออกและเข้าไปแช่ในน้ำ
น้ำอุ่นกำลังได้ที่ น้ำอุ่นชโลมตัว ทำให้ร่างกายที่แข็งทื่อมาทั้งวันผ่อนคลายลง ถึงแม้ว่าในใจยังโหวงอยู่ แต่ก็ทำให้กล้ามเนื้อตัวโล่งสบายขึ้น
หานมู่จื่อค่อยๆ เอนกายพิงลงช้าๆ เอาร่างทั้งร่างแช่ลงในน้ำ
แต่ด้วยเพราะขาทั้งสองข้างเกิดตะคริวขึ้น เธอจึงลื่นหงายท้องไปอย่างไม่ทันระวัง แรงพยุงของน้ำแรงมาก หานมู่จื่อยกมือขึ้นจับขอบอ่างทั้งสองข้าง เมื่อลุกขึ้นมาได้เธอก็หายใจเอาอากาศเข้าเป็นการใหญ่
เพียงแต่นี่เป็นแค่อ่างเล็กๆ ที่เปิดน้ำเอาไว้เต็ม เพียงแค่ไม่ทันระวังให้ดี แรงของน้ำก็ทำให้เธอวุ่นวายอุตลุดไปหมด
แล้วถ้า….เป็นมหาสมุทรใหญ่ที่มีไม่ฝั่งหล่ะ?
อีกทั้งยังเป็นท้องทะเลที่มีพายุโหมกระหน่ำ
ถ้าหาก….เย่โม่เซินตกไปอยู่ที่นั่นจริงๆ เขา……จะรอดไหม?
สมองของเธอไม่หยุดคิด หานมู่จื่อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง ไม่อาจจะแช่น้ำต่อไปได้อีก เธอยืดตัวลุกขึ้น แม้แต่น้ำที่ชโลมตัวก็ไม่ได้เช็ดให้ดี ใส่เสื้อผ้าเองอย่างสุ่มๆ ลวกๆ จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปข้างนอก
หน้าห้องน้ำนั้นซูจิ่วกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ใช่ค่ะประธานหาน คุณมู่จื่อกำลังแช่น้ำอยู่ คุณสบายใจได้ เดี๋ยวฉันจะดูแลเธอให้ดี ค่ะๆ ….ไม่มีปัญหาค่ะ…..อ้อแล้วสำหรับ…..”
ในขณะที่เธอกำลังรายงานสถานการณ์ของหานมู่จื่อให้หานชิงนั้นจู่ๆ ประตูห้องน้ำด้านหลังก็เปิดขึ้น ซูจิ่วเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเป็นหานมู่จื่อนั้นที่เดินออกมาทั้งๆ ที่เนื้อตัวและเสื้อผ้ายังเปียกซกๆ
ใบหน้าของซูจิ่วเปลี่ยนไปทันที “คุณมู่จื่อ”
หานชิงที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้วขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น? ”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ คุณมู่จื่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว”
พูดจบซูจิ่วก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เก็บวางโทรศัพท์ไว้แล้วเดินตรงไปหาหานมู่จื่อที่ยืนขวางตรงหน้าเธอพอดี
เธอเพิ่งจะออกมาได้ไม่ถึงสามนาที หานมู่จื่อก็เดินออกมาแล้ว นั่นก็บอกได้เลยว่าเธอยังไม่ได้แช่น้ำให้เสร็จ อีกทั้งเสื้อผ้าก็เปียกไปแล้วครึ่งตัว
“คุณมู่จื่อ ทำไมถึงออกมาเร็วอย่างนี้หล่ะคะ? หรือว่าน้ำยังอุ่นไม่พอดี? แล้วก็ ทำไมคุณถึงไม่เช็ดตัวให้แห้งก่อน….”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหานมู่จื่อจับเข้าที่แขน
“พาฉันไปที่เกิดเหตุ”
ซูจิ่ว: “…….”
“ความดันน้ำมันเยอะขนาดนั้น ถ้าเขาฝืนอดทนไม่ไหวจะทำยังไง? ในค่ำคืนอันแสนยาวนานนี้ ถ้าความหวังที่เขาจะมีชีวิตอยู่มันเกิดขึ้นคืนนี้แล้วเราจะทำยังไง? ”
ซูจิ่ว:“คุณมู่จื่อ……”
“ซูจิ่ว ฉันไม่อยากพักอยู่นี่แล้ว ฉันอยากไป”
“คุณมู่จื่อ ตอนนี้ด้านนอกฝนยังตกอยู่เลย ไม่แนะนำให้คุณออกไปจริงๆ นะคะ ได้โปรดฟังฉันด้วย แช่น้ำให้สบายแล้วก็พักผ่อนเถอะค่ะ”
หานมู่จื่อเกลียดมาก
เธอเกลียดมากจริงๆ ที่ตัวเธอนั้นมันไร้ประโยชน์
เกลียดที่ตัวเธอไม่ยอมไปกับเขาตั้งแต่ทีแรก อย่างน้อยถ้าเป็นแบบนั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเย่โม่เซิน เธอก็จะได้อยู่ข้างๆ
เราทั้งสองสามารถที่จะตายไปพร้อมกันได้
แล้วก็จะได้ไม่มาเป็นแบบตอนนี้ ที่เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดียังไง
ถ้าหากไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น หานมู่จื่อก็คงไม่รู้ว่าตัวเธอเองรักเขาจนแทบอยากที่จะตายไปพร้อมกับเขาได้เลย
ก่อนหน้านี้ห่างกันก็แค่ห่างกัน อย่างน้อยก็รู้ว่าชีวิตของเขาก็ปกติสุขดี เขายังมีชีวิตอยู่ แล้วก็ใช้ชีวิตได้ดีขึ้นทุกวัน ดังนั้นเธอสามารถที่จะลอบมองดูเขาได้
แต่ตอนนี้….
เธอพบว่าเธอไม่มีเขาอยู่แล้ว มันทำให้เธอแทบจะเป็นบ้าตาย
“เลขาซู”เสียงของหานมู่จื่อเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง ใบหน้าขาวซีดมองไปที่ซูจิ่ว ริมฝีปากที่ซีดเหมือนไม่มีเลือดพูดออกมาช้าๆ “เธอเข้าใจไหม? ”
ซูจิ่ว:“……”
เธอพูดว่าเข้าใจ แต่กลับไม่ได้รู้สึกเหมือนกับที่รู้สึก
แล้วทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น? เลขาซูเดิมคิดว่าเธอจะทะเลาะโวยวาย แต่ใครจะรู้หล่ะว่าจู่ๆ หานมู่จื่อก็หันหลังแล้วกลับเข้าไปในห้องน้ำอย่างเงียบๆ
เธอไม่ได้แช่น้ำ แต่อาบน้ำจากนั้นก็สวมเสื้อสะอาดสะอ้านใหม่ หานมู่จื่อรู้ว่าถ้าตัวเธอเป็นแบบนี้ต่อไปซูจิ่วไม่มีทา
ให้เธอออกไปแน่
ดูท่าคืนนี้จะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนคืนหนึ่ง
ความมืดค่อยๆ ครอบงำมาแล้ว
มืดแล้ว ถึงแม้จากที่ไกลๆ ก็ยังพอมีแสง แต่ก็ไม่อาจจะส่องสว่างมาถึงตรงนี้ คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์ดับ มันทำให้มืดจนแทบมองไม่เห็นมือของตัวเอง
ครืน——
ฟ้าที่มืดมัวจู่ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าร้องขึ้นตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่า ฝนโปรยปรายก่อนหน้านี้ได้ร่างเรียงมาเป็นเวลากว่าหลายชั่วโมง ผนวกกันขึ้นมา
จนกระทั่งพายุฝนได้เกิดขึ้น
พายุฝนได้ชะล้างความมืดมิดไปเสียสิ้น ในค่ำคืนนี้สำหรับหลายๆ คน มันกลับกลายเป็นค่ำคืนแห่งความสิ้นหวังและมืดมน
ครอบครัวของผู้รอดชีวิตค่อยๆ ทยอยมาถึง
บางคนได้รับการติดต่อ ก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นร่างที่มีชีวิตอยู่ไกลๆ ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
แต่ก็มีบางคนที่ไม่เห็นแม้แต่เงา
ในค่ำคืนนี้…. ทะเลที่โหมกระหน่ำเองก็ถูกชะล้างไปด้วยพายุฝน