บทที่ 749 มีเป้าหมายอยู่แล้ว
“พูดว่าขอบคุณอะไรมันคงดูห่างเหินเกินไปแล้ว”หานชิงยื่นมือไปลูบหัวของเธอ ขยี้เบาๆ พูดอย่างจนปัญญาว่า“เธอเป็นน้องสาวที่พี่ตามหามาอย่างยากลำบาก แน่นอนว่าพี่บุกน้ำลุยไฟเพื่อเธอได้”
ซูจิ่วที่นั่งด้านหน้า รู้สึกซาบซึ้งใจ อยากจะร้องไห้ออกมา
เธอเองก็อยากมีพี่ชายที่แสนดีกับเธอแบบนี้สักคน แต่น่าเสียดาย……ที่เธอไม่มีพี่ชายที่ดีขนาดนั้น มีแต่น้องชายที่ชอบเบี้ยวหนี้เท่านั้น
เฮ้อ เทียบกันแล้ว…..ช่างน่าโมโหจริงๆ
ซูจิ่วแปลกใจเล็กน้อย“คุณหนูมู่จื่อ เมื่อครู่ได้ยินคุณพูดว่า คุณคิดหาวิธีได้แล้ว”
นอนหลับไปตื่นหนึ่งแล้วก็คิดออกจริงๆหรือ
หานมู่จื่อพยักหน้า“ในเมื่อเขาอยู่ที่บริษัทนี้ ฉันก็แค่คิดหาวิธีเข้าไปในบริษัทนี้ให้ได้”
ถึงเวลานั้นในฐานะพนักงานของบริษัทไปปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาก็น่าจะไม่คิดว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าแล้ว
คิดถึงตรงนี้ มุมปากหานมู่จื่อยกขึ้น อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบของตน
“เข้าไปในบริษัทนี้เหรอ”ซูจิ่วตื่นตกใจ แต่ว่าไม่นานก็ตั้งสติได้“ใช่แล้ว คุณมีความสามารถที่จะเข้าไปในบริษัทนี้ได้แน่ ทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงคิดไม่ได้นะ ธุรกิจของตระกูลยู่ฉือแม้จะมีสากกะเบือยันเรือรบ แต่ก็ใช้การออกแบบเป็นหลัก และการออกแบบ…ก็เป็นจุดแข็งของคุณหนูมู่จื่อ”
หานมู่จื่อยิ้มพลางพยักหน้า
นี่คือสิ่งที่สวรรค์ลิขิตเอาไว้แล้วจริงๆ
“ในเมื่อคุณตัดสินใจด้วยตนเองแล้ว อย่างนั้นต่อไปคุณอาจจะมีเส้นทางที่ยาวไกลต้องเดิน คิดว่าจะเช่าห้องอยู่ที่นี่ หรืออย่างไรคะ”
หานชิงไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด ที่จะซื้อบ้านอยู่ที่นี่ แต่ว่า…..ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในประเทศหานมู่จื่อก็คิดที่จะแยกออกมาอยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้ว ดังนั้นจึงควักเงินตัวเองซื้อคฤหาสน์ ดังนั้นตอนนี้เขาก็เลยไม่กล้าที่จะด่วนตัดสินอะไร
“อืม ไม่ต้องซื้อคฤหาสน์ ฉันเช่าห้องอยู่ก็พอแล้ว เมื่อคืนฉันดูมาแล้ว วันนี้จะไปดูให้แน่ใจ”
“ดี”
หานชิงพยักหน้า
ซูจิ่วที่อยู่ข้างๆหลังจากรับปากแล้วก็ตื่นตกใจขึ้นมาอีก“ทำไมเร็วขนาดนี้ ท่านประธานหาน พวกเราไม่ต้องอยู่เพื่อนคุณหนูมู่จื่อสักสองสามวันหรือคะ”
เป็นเพื่อนเหรอ
หานชิงเหลือบมองท่าทางของหานมู่จื่อในตอนนี้ คิดว่าหากตนเองและซูจิ่วอยู่ต่อคงเป็นส่วนเกิน
เธอมีเป้าหมายแล้ว ต่อไปจะทำอย่างไร เธอรู้ดี และ……เธอยังจะต้องดูแลตนเองให้ดีมากๆด้วย
เขามีอะไรจะต้องเป็นห่วงอีก สิ่งที่ต้องเป็นห่วงจริงๆก็คือ เรื่องภายในประเทศ
ไม่รอให้หานชิงเอ่ยปาก หานมู่จื่อก็พูดออกมาเองว่า“อืม พวกคุณซื้อตั๋วเครื่องบินเถอะ จะได้รีบกลับไป”
“ก็ได้ อย่างนั้นพวกเราซื้อตั๋วตอนนี้เลย คุณหนูมู่จื่อ คุณคนเดียว……ไหวมั้ยคะ ต้อง หาคนมาช่วยทางนี้ หรือว่าเรียกเสี่ยวเหยียนมา”
หานมู่จื่อส่ายหน้าปฏิเสธ“ไม่ต้องแล้ว ฉันอยู่คนเดียวได้”
เธอไม่ใช่เด็กแล้ว จะอยู่ไม่ได้ได้อย่างไร จะว่าไปแล้ว ภาษาอังกฤษของเธอก็ใช้ได้ อยู่คนเดียวลำพังในต่างประเทศ ไม่มีปัญหาแน่
“บริษัทและเสี่ยวหมี่โต้ว ก็คงต้องรบกวนพวกคุณแล้วล่ะ”
ตอนบ่าย ซูจิ่วและหานชิงไปที่สนามบิน หานมู่จื่อส่งพวกเขาแค่ที่หน้าประตูโรงแรม หลังจากมองพวกเขาขึ้นรถแล้ว ตนเองก็ขึ้นรถ ไปดูห้องที่นัดดูผ่านทางอินเทอร์เน็ต
คือห้องที่เธอทำนัดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เที่ยงคืนวันก่อน อยู่ใกล้กับอาคารบริษัทยู่ฉือพอดี ตอนที่เธอมาก็ไม่นำข้าวของอะไรมาเยอะ หลังจากทำสัญญากับเจ้าของห้องแล้ว ก็นำกระเป๋าเดินทางเข้ามาพักอยู่เลยทันที
ของใช้ในห้องมีครบครัน แต่มีของใช้ประจำวันบางอย่างที่เธอต้องเตรียมเอง
ดังนั้นหลังจากที่หานมู่จื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของใช้ หลังจากซื้อเสร็จแล้วก็กลับบ้านมาจัดเก็บ
จัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย หานมู่จื่อเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว ดังนั้นจึงนั่งพักที่โต๊ะครู่หนึ่ง
ตอนนี้ เธอท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว แม้ว่าจะเห็นท้องไม่ชัดเจนนัก แต่เมื่อถอดเสื้อผ้าออกแล้ว ก็มองเห็นท้องป่องขึ้นมาเล็กน้อย
ได้พักผ่อนสักครู่ หานมู่จื่อจึงนึกอะไรขึ้นได้ ค้นหาข้อมูลบริษัทของตระกูลยู่ฉือที่อยู่ในเมืองนี้ทางอินเทอร์เน็ต
ตามปกติแล้วบริษัทใหญ่ๆมักจะมีการเปิดรับพนักงานใหม่ปีละครั้ง หานมู่จื่อคิดจะเข้าไปไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
ผลปรากฏว่า หลังจากที่ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต หานมู่จื่อก็พบช่องทางที่จะส่งประวัติเข้าไปสมัครงาน
นานแล้วที่ไม่ได้กรอกประวัติส่วนตัว หานมู่จื่อรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่ว่า…..ก็ยังถือว่ามีประสบการณ์มาแล้ว ดังนั้นเธอก็ยังถือว่าคล่องแคล่วรวดเร็วอยู่ หลังจากกรอกประวัติเรียบร้อย ก็ปิดหน้าเว็บไซต์
ตอนนี้เขาจำเธอไม่ได้ไม่เป็นไร รอให้เธอเข้าไปที่บริษัทก่อน ถึงตอนนั้นต้องมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาแน่
แต่ว่า……
ทันใดนั้นหานมู่จื่อก็นึกถึงปัญหายุ่งยากข้อหนึ่งขึ้นมาได้
ถึงตอนนั้นที่เย่โม่เซินได้พบกับตน หากเขาคิดว่าตนเองจงใจเข้าไปเพื่อจับเขาจะทำอย่างไร ในเมื่อวันนั้นเธอลากแขนของเขาราวกับผู้หญิงที่บ้าคลั่ง ให้เขากลับไปกับตน
คิดไปคิดมา……หากมีคนแปลกหน้ามาทำแบบนี้กับตน เธอก็ย่อมต้องเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
ในตอนนี้เอง หานมู่จื่อรู้สึกเสียใจที่ตนทำอะไรวู่วามแบบนั้นไป
หากตอนนั้นตนเองควบคุมสติอารมณ์ได้บ้าง ทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดให้ดีก่อน ก็น่าจะไม่ต้องมากระอักกระอ่วนอยู่แบบนี้
ถึงตอนนั้น หากเย่โม่เซินคิดว่าเธอจะมาเกาะแกะเขาจะอธิบายว่าอย่างไร
หานมู่จื่อยื่นมือมากุมหน้าผาก ถอนหายใจหนึ่งครั้ง
ช่างเถอะ ถึงเวลาก็รู้เองว่าต้องทำอย่างไร ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน
ไม่นานหานชิงและซูจิ่วก็กลับไปถึง เมื่อเสี่ยวเหยียนรู้ข่าวว่าเธออยู่ที่โน่น ก็รีบโทรมาหาเธอทันที
“มู่จื่อ เรื่องของเธอทั้งหมดเลขาซูเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว เธอจะอยู่ที่นั่นตัวคนเดียวจริงๆเหรอ ไม่อย่างนั้น……ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย ตอนนี้เธอท้องอยู่นะ อยู่คนเดียวลำบากแย่เลย”
คำพูดของเสี่ยวเหยียนทำให้หายมู่จื่อรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอส่ายหน้า“ไม่ต้อง ฉันโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ แล้วก็ ตอนนี้ฉันก็ยังท้องอ่อนอยู่ แทบไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย”
“แต่ว่า ฉันก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ดี เมื่อก่อนฉันก็อยู่เป็นเพื่อนเธอมาตลอด ตอนนี้จู่ๆไปอยู่คนเดียว จะให้ฉันวางใจได้ยังไง ไม่ได้ ฉัน……”
“เสี่ยวเหยียน”หานมู่จื่อถอนหายใจ เรียกชื่อของหล่อน“เธอเคยคิดมั้ย ว่าตอนนี้บริษัทยังต้องอาศัยเธอ ถ้าเธอมาที่ แล้วใครจะดูแลบริษัท”
เสี่ยวเหยียน“แต่ว่าฉัน……”
“ถ้าฉันอยู่คนเดียวไม่ได้ ถึงตอนนั้นฉันจะโทรหาเธอ ดีมั้ย”
เสี่ยวเหยียนก็ยังคงไม่พอใจนัก หานมู่จื่อได้แต่ปลอบเธอไม่กี่ประโยค เสี่ยวเหยียนจึงได้ยอมรับคำขอร้องของเธออย่างไม่เต็มใจนัก
“อย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อเธอยืนยันหนักแน่นแบบนั้น ฉันก็จะไม่ไป แต่ เธอต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ไม่รู้ว่าอากาศทางนั้นเป็นอย่างไร ถ้าอากาศหนาวต้องใส่เสื้อหนาๆนะ ตอนนี้ที่ในประเทศก็หนาวขนาดนี้แล้ว และยังอีกไม่นานก็จะปีใหม่แล้ว”
ปีใหม่เหรอ
เดิมหานมู่จื่อคิดว่าปีใหม่ปีนี้จะอยู่ฉลองพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวสามคน
คิดไม่ถึงว่า ไม่เพียงสามคนจะไม่ได้อยู่พร้อมหน้า
แต่ยังแยกย้ายกันไปคนละทาง