เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… – ตอนที่ 757

ตอนที่ 757

บทที่757 ยินดีที่ได้งานนะ

หานมู่จื่อใช้เวลาอยู่หลายวัน ถึงจัดห้องของตัวเองเสร็จเรียบร้อย

ถึงแม้ตอนแรกจะถือกระเป๋าเข้ามาพักเลย แต่การตกแต่งภายในห้องมีหลายจุดที่เธอไม่ค่อยพอใจ ดังนั้นหานมู่จื่อจึงใช้เวลาหลายวันในการเปลี่ยนแปลงห้องให้เป็นสไตล์ที่เธอชอบ

ถึงแม้ห้องจะไม่กว้างขวางเหมือนในประเทศ แต่แสงสว่างภายในห้องดีมาก ในแต่ละวันจะมีแสงสว่างส่องเข้ามาทางหน้าต่างเสมอ อีกทั้งยังไม่มีความวุ่นวาย เดินออกมาไม่ไกลก็ถึงร้านค้าที่ขายของใช้ในชีวิตประจำวัน

เธอกำลังรอข่าวจากบริษัทตระกูลยู่ฉืออยู่

หลังจากที่เธอสัมภาษณ์งานกลับมา มันก็ผ่านไปสองวันแล้ว เธอยังไม่ได้รับการยืนยันให้เธอเข้าทำงานเลย

หานมู่จื่อรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย แต่จะให้กังวลใจอยู่เฉยๆมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เธอกำลังคิด… ถ้าหากเธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้ช่วยเลขา หรือว่า.. เธอจะต้องถอยกลับออกมา แล้วเลือกทำงานเป็นพนักงานธรรมดาไปก่อนดี

ถือซะว่าเธอเริ่มต้นงานใหม่ ตั้งแต่การเริ่มเป็นพนักงานทั่วไป

พนักงานธรรมดา เธอน่าจะมีคุณสมบัติพอนะ

ส่วนเรื่องอื่น รอให้ได้เข้าไปในบริษัทตระกูลยู่ฉือแล้วค่อยว่ากัน

เธอคงต้องทำแบบนี้ไปก่อน

วันที่สาม หานมู่จื่อได้รับโทรศัพท์จากบริษัทตระกูลยู่ฉือ ที่โทรมาแจ้งข่าวว่าเธอผ่านการสัมภาษณ์งานแล้ว พรุ่งนี้ตอนแปดโมงตรงให้เข้าไปรายงานตัว

ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ หานมู่จื่อรู้สึกดีใจจนใจเต้นแรง เธอนิ่งอึ้งอยู่สักพักถึงจะได้สติกลับมา

“ฮัลโหล ได้ยินที่ดิฉันพูดไหมคะ”

อีกฝ่ายได้ยินเสียงตอบกลับ จึงถามออกมาอีกครั้ง

หานมู่จื่อได้สติกลับมา ก่อนจะรีบพยักหน้ารับ

“ได้ยินค่ะ ขอบคุณมากนะคะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปรายงานตัวค่ะ”

“ค่ะ ยินดีด้วยนะคะ คุณเป็นคนแรกที่ผ่านการสัมภาษณ์งานในหลายวันมานี้”

หานมู่จื่อยิ้มละไม ก่อนจะพูดขอบคุณอย่างจริงจัง

หลังจากวางสายไป หานมู่จื่อก็ดีใจจนแทบจะกรีดร้องออกมา

แต่ไม่นาน เธอก็สงบสติอารมณ์ตัวเองได้ ทั้งๆที่วันนั้นเขาเห็นเธอแล้ว และรู้ว่าเธอจะไปสมัครงานเป็นผู้ช่วยเลขาของเขา…

แต่ว่า เขากลับไม่ได้เข้ามาขัดขวางกลางคัน เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองจะพลาดโอกาสนี้ไปซะแล้ว เธอคิดไว้แล้ว ถ้าวันนี้ไม่ได้คำตอบ เธอจะไปสมัครงานเป็นพนักงานธรรมดาแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้

ดูท่าทาง เขาจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดแล้วสินะ

ไม่ว่าจะยังไง แค่ได้เข้าไปทำงานในบริษัทก็ดีแล้ว

วันต่อมา หานมู่จื่อก็เข้าไปรายงานตัวที่บริษัท ตอนที่พูดกับพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์ พนักงานคนนั้นยังประหลาดใจ แล้วมองมาทางเธอด้วยสายตาอิจฉา

“คุณโชคดีจริงๆเลย ตอนที่คุณจะมาก่อนหน้านี้ ฉันนึกว่าคุณจะเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่มีโอกาสเข้ามาทำงานในบริษัทซะอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…คุณจะสัมภาษณ์งานสำเร็จ บอกหน่อยได้ไหมคะ ว่าคุณผ่านการสัมภาษณ์งานได้ยังไงกัน”

พนักงานต้อนรับถามหานมู่จื่ออย่างอยากรู้ หานมู่จื่อหัวเราะกับท่าทางของเธอ ก่อนจะพูด “คนอื่นๆสัมภาษณ์งานยังไงฉันก็สัมภาษณ์งานอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ส่วนเรื่องที่ฉันผ่านการสัมภาษณ์ได้ยังไง… คงจะเป็นเพราะว่าฉันโชคดีมั้งคะ”

พนักงานต้อนรับ “…คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะถ่อมตัวถึงขนาดนี้ ฉันนึกว่าคุณจะเย่อหยิ่งเพราะเป็นคนเดียวที่ผ่านการสัมภาษณ์งานซะอีกนะคะ”

ในเวลานั้น พนักงานต้อนรับเข้าใจทันทีว่าทำไมหานมู่จื่อถึงได้ผ่านการสัมภาษณ์งาน

เธอแตกต่างจากพวกที่มาสัมภาษณ์งานคนอื่นๆ

บรรยากาศรอบตัวเธอสะอาดมาก ในแววตาของเธอก็ไม่มีอะไรแฝงเร้น กลิ่นกายเธอไม่มีกลิ่นน้ำหอม ใบหน้าของเธอแต่งแต้มเครื่องสำอางบางๆ ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดทำงานปกติทั่วไป

ถึงแม้จะมีคนบอกว่า ผู้หญิงชอบความสวยความงามเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ต้องแบ่งไปตามสถานการณ์ และสถานที่

คนพวกนั้นคิดแต่จะใช้เสน่ห์ความสวยของตัวเองทำให้ยู่ฉือเซินสนใจ โดยลืมจุดประสงค์หลักไป ว่าที่พวกเธอมาสมัครงาน กรรมการในการสัมภาษณ์งานไม่ใช่ยู่ฉือเซิน

“มีอะไรต้องได้ใจล่ะคะ แค่โชคดีเท่านั้นเอง ฉันขึ้นไปก่อนนะคะ”

หลังจากหานมู่จื่อเดินจากไป พนักงานต้อนรับอีกคนก็พูดขึ้นมาอย่างอิจฉาตาร้อน น้ำเสียงที่ใช้พูดจึงเต็มไปด้วยความอิจฉา

“ทำไมเธอถึงได้โชคดีขนาดนี้ มีตั้งหลายคนที่มาสัมภาษณ์งานแต่ก็ไม่ผ่าน แต่เธอกลับสัมภาษณ์งานผ่านตั้งแต่ครั้งแรก อีกอย่าง… หน้าตาของเธอก็ธรรมดามาก เบื้องบนคิดยังไงถึงได้เลือกเธอนะ”

พอได้ยินแบบนี้ เธอจึงตอบออกไป “คนอื่นเขามาเพื่อทำงาน ไม่ได้มาประกวดนางงาม จะเลือกคนที่หน้าตาสวยมาทำไม เลือกนางงามระดับโลกหรือไง อีกอย่างนะ ฉันคิดว่า… เธอหน้าตาดีมาก แค่ไม่ใช่ประเภทสวยเริด แต่มองแล้วสบายตามาก”

เพราะได้รับการสั่งสอนเมื่อหลายวันก่อน ทำให้หานมู่จื่อไม่กล้าใช้ลิฟต์ส่วนตัวของประธานบริษัทอีก เธอยืนรอลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่นๆตรงลิฟต์ของพนักงาน

เพราะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ทำให้พนักงานมีจำนวนมาก ตอนที่หานมู่จื่อมาถึงหน้าลิฟต์ แล้วเห็นว่ามีคนยืนรอลิฟต์อยู่เยอะมาก แต่ละคนดูท่าทางงานยุ่งมาก มีบางคนถึงขั้นกลัดกระดุมเสื้อไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย มีบางคนมือถือกล่องอาหารไปด้วย มีบางคนยังถือแป้งพับแต่งหน้าไปด้วย

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติมาก สำหรับคนที่ทำงานในเมืองหลวง ตอนเช้าต้องรีบเดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือว่ารถประจำทาง คนที่พักอยู่ใกล้บริษัทก็ดีไปอย่าง แต่ถ้าพักอยู่ไกลจากบริษัท ก็ต้องรีบตื่นตั้งแต่ไก่โห่เพื่อนั่งรถไฟฟ้าหรือรถประจำทางมาทำงาน เพื่อไม่มาทำงานสายและได้นอนอีกสักพัก คนส่วนใหญ่จึงต้องกินข้าวระหว่างการเดินทาง เป็นกิจวัตรประจำวันของคนวัยทำงาน

หานมู่จื่อยกยิ้ม เธอไม่ได้เจอสถานการณ์แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ

โชคดีที่ห้องพักของเธอใกล้กับบริษัทมาก ไม่ว่าจะเดินหรือนั่งรถไฟฟ้า ก็ได้ทั้งนั้น

“มู่จื่อ”

มีคนเรียกชื่อเธอจากด้านหลังอย่างดีใจ

หานมู่จื่อหันกลับไปมอง จึงเห็นว่าเป็นหลัวลี่

หืม

เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน

หลัวลี่รีบเดินเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจ “เธอจริงๆด้วย ฉันนึกว่าตัวเองจะตาฝาดไปซะอีก คิดไม่ถึงว่าเธอจะผ่านการสัมภาษณ์งานจริงๆ ยินดีด้วยนะ”

หานมู่จื่อแปลกใจมาก ตัวเองผ่านการสัมภาษณ์งาน แล้วเธอล่ะ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่า… เธอจะผ่านการสัมภาษณ์งานมาเหมือนกัน ผู้ช่วยเลขาต้องการสองคนอย่างนั้นเหรอ

หลัวลี่เข้ามายืนใกล้ๆเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เธอแปลกใจที่ฉันมาอยู่ที่นี่ใช่ไหมล่ะ”

หานมู่จื่อพยักหน้ารับ

“ที่จริงแล้ววันนั้นพอฉันเห็นเธอเข้าไปในห้องสัมภาษณ์สิบกว่านาที ฉันก็รู้แล้วว่าตัวเองหมดหวังแล้ว แต่ฉันร้อนใจอยากได้งานมาก ก็เลยไปสมัครงานเป็นพนักงานทั่วไปน่ะ” หลัวลี่อธิบาย

ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง หานมู่จื่อเข้าใจในทันที เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลัวลี่จะคิดเหมือนกับเธอเลย

ถ้าไม่ได้เป็นผู้ช่วยเลขา เป็นพนักงานทั่วไปก็ยังดี อย่างน้อยก็ยังได้อยู่ในบริษัทนี้

เพราะเธอมีจุดประสงค์อื่นแฝงอยู่ หรือว่าหลัวลี่เองก็มีจุดประสงค์อื่นเหมือนกัน

รอยยิ้มของหลัวลี่ดูเอียงอายเล็กน้อย “ไม่ว่าจะยังไง พนักงานทั่วไปของบริษัทตระกูลยู่ฉือ เงินเดือนก็สูงกว่าบริษัทอื่นอยู่แล้ว ตอนนี้ฉัน… ต้องใช้เงินเยอะมาก ดังนั้น… จึงทำได้แค่นี้ แต่ไม่เป็นไร ทำงานตั้งแต่ชั้นล่างสุดก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้เรียนรู้งานมากขึ้น”

คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวคนนี้ จะมองโลกในแง่ดีขนาดนี้ หานมู่จื่อมองพิจารณาเธออย่างจริงจัง ก่อนจะยื่นมือออกมา แล้วส่งยิ้มให้เธอ “งั้นฉันก็ขอแสดงความยินดีด้วย ยินดีที่ได้งานนะ”

หลัวลี่เห็นมือที่ยื่นมาทางเธอ ก็ดีใจจนทำตัวไม่ถูก “นี่เธอ…”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…

Status: Ongoing

ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอํานาจ ใหญ่ “ฉันเปโม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมที่คิดว่า งานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไป ด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเปโม่เซิน ด้วยฝ่ามือเล็กๆ “พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร ?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท