บทที่787 ฉันผิดหวังในตัวคุณมากจริงๆ
เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้น สายตาเขาค่อยๆจ้องมองเฉียวจื้อจากนั้นเขาก็กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม ไม่แยแสพร้อมด้วยสายตาที่เย็นชาจนทำให้เฉียวจื้อเกือบลืมไปเลยว่าชายคนนี้นั้นไม่ใช่คนที่วิ่งไปที่ร้านเหล้าในคืนนั้นเพื่อช่วยเหลือหานมู่จื่อ
นี่คือคนเดียวกันใช่ไหม?
ทำไมถึงแตกต่างกันมากมายขนาดนี้??
เฉียวจื้อหรี่สายตาและขยับเข้าใกล้เขา มองซ้ายมองขวาจากนั้นถามเขา “คุณใช่ยู่ฉือเซินหรือเปล่า? คุณคงไม่ได้ถูกสลับตัวหรอกนะ?”
แสงสว่างอันตรายปรากฏขึ้นในดวงตาที่เฉียบแหลมของเย่โม่เซิน
จากนั้นเฉียวจื้อก็พูดอีกครั้ง “หากว่าไม่ได้โดนสลับตัว ทำไมถึงได้แตกต่างไปขนาดนี้?”
“ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องอะไรก็ไสหัวไป” เย่โม่เซินเริ่มขับไล่เขาอีกครั้งจากนั้นก็หมุนตัวและเดินลงไปชั้นล่าง
เฉียวจื้อรีบเดินตามลงไปและพึมพำอยู่ด้านหลังเขา “ฉันจะบอกให้นะยู่ฉือเซิน แค่บอกฉันสักคำ คุณคิดยังไงกับผู้หญิงคนนั้น? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่คุณหรือไงที่รีบไปร้านเหล้านั่นเพื่อช่วยเธอ? ทำไมวันนี้ฉันส่งรูปให้แล้วคุณถึงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลย?”
ก้าวเดินของคนตรงหน้าหยุดลงกะทันหันและเฉียวจื้อก็หยุดเช่นกัน “คุณรีบพูดมา”
เย่โม่เซินหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “คุณนี่ไม่สอดไม่ได้เลย”
“เฮ้เฮ้ อะไรที่ทำให้เพื่อนตัวดีของฉันผิดปกติได้ขนาดนี้ ฉันสอดแล้วจะยังไง? ไอยา คุณรู้หรือเปล่า วันนี้เธอน่ะร่างกายไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่? ใบหน้าเล็กๆนั่นซีดเซียว..ฉันเห็นแล้วรู้สึกกังวล”
เฉียวจื้อนึกถึงการปรากฏตัวของหานมู่จื่อที่กลับมาจากห้องน้ำ ใบหน้าของเธอซีดจนเหมือนกับกระดาษ ริมฝีปากเธอนั้นราวกับไม่มีเลือด จนกระทั่งกินข้าวเสร็จอาการของเธอจึงค่อยๆดีขึ้น เฉียวจื้อไม่กล้าที่จะยื้อเวลาอีกต่อไป เขารีบส่งเธอกลับอย่างรวดเร็วจากนั้นก็พุ่งตรงมาหาเย่โม่เซิน
เมื่อได้ยินว่าเธอไม่สบาย มีบางอย่างแวบผ่านดวงตาสีดำของเย่โม่เซิน แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรบางอย่างเสียงของผู้หญิงที่นุ่มนวลก็ดังมาจากชั้นล่าง
“พี่เซิน ฉันปอกผลไม้ไว้เรียบร้อยแล้ว เฮ้ เฉียวจื้อ คุณมาแล้ว?”
เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคย เฉียวจื้อก็อดไม่ได้ที่จะมองลงไป
ทั้งสองคนยืนอยู่บนบันได ในขณะนั้นเฉียวจื้อเห็น ตวนมู่เสว่ยืนอยู่ชั้นล่าง เธอถือจานผลไม้อยู่ หน้าตาของเธอก็ดูลำบากใจ
วันนี้ตวนมู่เสว่สวมชุดเซ็กซี่ ผมยาวหยิกพาดไหล่ของเธออย่างมีเสน่ห์และการแต่งหน้าของเธอก็หนามาก ในขณะนี้เธอกำลังมองทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้คุณก็อยู่ที่นี่”
เมื่อพูดเช่นนั้น เฉียวจื้อรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่งบางอย่างและรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
ตวนมู่เสว่พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มหวาน
“อื้ม ในเมื่อคุณมาแล้ว งั้นก็ลงมาทานผลไม้กับพี่เซินเถอะ”
หลังจากพูดเสร็จ ตวนมู่เสว่ก็หันหลังเดินไปที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับชามผลไม้
เฉียวจื้อรู้สึกว่าคอของเขาแห้งและเหมือนเป็นใบ้ เขาจ้องมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหล่าของเย่โม่เซิน ดวงตาสีดำนั่นไม่รู้กำลังจ้องมองไปยังที่ใดเมื่อมองแล้วคาดเดาไม่ได้เลย
“เหตุผลที่คุณ … ไม่มา เพราะแบบนี้??”
เย่โม่เซินขมวดคิ้วในทันที เขาย้อนความคิดกลับไปยังก่อนหน้านี้
เฉียวจื้อส่งรูปถ่ายให้เขาในเวลานั้น เขามองมันอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ร่างกายและสมองของเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองโดยไม่รู้ตัวว่าต้องการจะออกไปข้างนอก แต่เมื่อลงไปชั้นล่างก็พบกับตวนมู่เสว่ที่กำลังเข้ามา
และไม่ใช่แค่ตวนมู่เสว่ และยังมีปู่ของตวนมู่เสว่ ตวนมู่อ้าวเทียน
หลังจากที่ทั้งคู่ได้พบกับผู้อาวุโส ตวนมู่อ้าวเทียนก็ได้พูดคุยปรึกษากับยู่ฉือจินก่อนที่จะเข้าห้องหนังสือ ยู่ฉือจินขอให้เขาดูแลตวนมู่เสว่แทนเขา และตวนมู่อ้าวเทียนที่อยู่ข้างๆนั่นยิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
เย่โม่เซินจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อ
เฉียวจื้อเห็นเขาไม่ตอบจึงแสดงสีหน้าที่ผิดหวัง
“ยู่ฉือเซิน ฉันผิดหวังในตัวคุณมากจริงๆ”
เย่โม่เซินไม่สนใจเขาและก้าวเท้าอีกครั้ง
“ให้ตาย คุณอย่าทำเหมือนอยู่ที่นี่เพื่อเธอจริงๆเถอะ? ยู่ฉือเซิน คุณควรที่จะชัดเจน ตวนมู่เสว่มีแนวโน้มที่จะเป็นภรรยาในอนาคตของคุณใช่มั้ย? ฉันสามารถเดาได้โดยดูจากมิตรภาพระหว่างครอบครัวของคุณทั้งสอง ไม่ว่าคุณจะยินยอมหรือไม่ คุณปู่ยู่ฉือจะบังคับให้เธอเป็นคู่หมั้นของคุณ มันเหมือนกับคนในครอบครัวของฉันทุกอย่าง ถ้าในตอนนี้คุณไม่ขัดขืน คุณอยากอยู่อยากคบกับเธอจริงๆหรือ? ถ้าหากว่าคุณอยากจะคบกับเธอ ทำไมวันนั้นคุณถึงช่วยผู้ช่วยของคุณ?”
ก้าวของเย่โม่เซิยหยุดลงอย่างกะทันหัน ดวงตาของเขาก็สบกับใบหน้าที่ดูเศร้าหมองของเขาจากนั้นกล่าวว่า “ใครบอกว่าฉันจะอยู่จะคบกับเธอ?”
“ … คุณไม่ได้อยู่กับเธอแล้วทำไมคุณ … ”
“เฉียวจื้อ พี่เซิน พวกคุณกำลังคุยอะไรกัน? มาเร็วสิ”
ตวนมู่เสว่ส่งเสียงดังขึ้นมาจากด้านล่าง
หมดหนทาง ถ้าอยู่ต่อหน้าตวนมู่เสว่ เฉียวจื้อก็คงไม่กล้าที่จะพูดมั่วซั่วหรอก จึงทำได้เพียงแค่หุบปากและเดินตามเย่โม่เซินลงไปชั้นล่าง
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ตวนมู่เสว่มองเขาอย่างสงสัย
“เฉียวจื้อเมื่อกี้พวกคุณคุยอะไรกัน? ฉันคิดว่าคุณดูเป็นกังวล งานของคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ตวนมู่เสว่แสดงความกังวลและถามเขาด้วยท่าทางที่ดี
เฉียวจื้อเม้มริมฝีปากของเขา โดยปกติแล้วเขาจะไม่บอกเธอว่าเขาคุยอะไรกับเย่โมเซิน เขาพูดได้แค่ว่า “ได้ยังไงล่ะ? ฉันเป็นคนแบบไหนเธอไม่รู้เหรอ? ฉันจะคุยเรื่องงานกับเขาอย่างประหม่าได้อย่างไร?”
ทุกคนต่างรู้ เฉียวจื้อนั้นเป็นคนไม่เอาการเอางาน เขาไม่เคยให้ความใส่ใจสนใจแก่บริษัทตระกูลเฉียว ใช้เวลาเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกทุกวัน ไม่ได้เรื่องอะไร กินๆนอนๆ ดังนั้นในสายตาของทุกคนเขาจึงเป็นคนที่ไร้ประสิทธิภาพ
เฉียวจื้อเองก็รู้ว่าตวนมู่เสว่มองเขาและคิดกับเขาแบบนี้ ในสายตานั้นดูถูกตัวเขาเป็นอย่างมากและแอบบอกว่าเขาเป็นขยะ
เหอะ ตอนนี้อยู่ต่อหน้ายู่ฉือเซิน เธอยังคงแสร้งทำเป็นห่วงเขา
ช่างเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์
เมื่อเทียบกันแล้ว เขายังคงชอบนิสัยใจคอของพี่สะใภ้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่พนักงานตัวเล็กๆแต่กลับกล้าที่จะแสดงอารมณ์ออกมาอย่างตรงๆ ทั้งหมดคงเป็นเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนของยู่ฉือเซินหรอกนะถึงได้เอาใจเขา
“ก็จริง” ตวนมู่เสว่เม้มริมฝีปากของเธอและยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางเหยียดหยามและรังเกียจในสายตาของเฉียวจื้อ จากนั้นเธอก็มองไปยังยู่ฉือเซิน สายตาของเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา
“พี่เซิน ฉันปอกผลไม้ไว้ในจานให้คุณแล้ว มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีมากด้วย คุณกินเยอะๆนะ”
เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามและวางไว้ตรงหน้าเขา
เฉียวจื้อนั่งลงข้างๆเขาและกล่าวอย่างเหน็บแนม
“เอ่อคือว่าคุณหนูตวนมู่ คุณลำเอียงเกินไปหรือเปล่า? ทำไมของฉันถึงไม่มีผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงแบบเขาล่ะ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น มู่เสว่มองเขาด้วยรอยยิ้มและอธิบายเบาๆ “เฉียวจื้อคุณไม่เหมือนกัน พี่เซินเขาเพิ่งหายจากอาการป่วยและร่างกายต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ”
“เอ่อ” เฉียวจื้อส่ายหน้า “เขาป่วยมานานมากแล้วและไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอะไรเลย นั่นคือคุณเองหรือเปล่าที่เป็นห่วงเขามากเกินไป?”