บทที่ 872 ฉันเป็นห่วงคุณ
เมื่อเห็นเย่โม่เซินเช่นนี้ ถ้าจะบอกว่าหานมู่จื่อไม่ปวดใจนั่นเป็นเรื่องปลอม สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปมาก เดินพุ่งเข้าไป และก็รีบเข้ายกมือปิดน้ำโดยทันที
หานมู่จื่อก้มตัวลง ทว่ากลับไปโดนไหล่ของเย่โม่เซิน กลับพบว่าทั้งตัวของเขาเย็นเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว ภายใต้การรดน้ำเย็นเป็นเวลานานขนาดนี้ และประกอบกับการออกฤทธิ์ของยา ตอนนี้เขาจะต้องเจ็บปวดเป็นอย่างมากแน่นอน
เสื้อผ้าน้ำหนักเยอะที่อยู่บนร่างกายของเขา หานมู่จื่อทำได้เพียงแค่เอื้อมมือไปอย่างเชื่องช้าเพื่อปลดกระดุมให้เขา และถอดเสื้อคลุมที่อมน้ำไว้อย่างหนักพวกนั้นออก
ถ้าหากให้เขาใช้น้ำเย็นละก็ นั่นก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เดาว่าเย่โม่เซินคงจะต้องแช่จนถึงตอนเช้า
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ถ้าปล่อยให้เขาแช่ในน้ำเย็นจนถึงตอนเช้า เขาจะต้องแข็งจนตัวสั่นแน่ๆ
“คุณขยับตัวหน่อยสิ ถอดเสื้อคลุมพวกนี้ออกซะ” เสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยน้ำนั้นมีน้ำหนักเยอะมากจริงๆ หานมู่จื่อผลักไหล่ของเย่โม่เซิน อย่างแรง
เย่โม่เซินที่นั่งพิงกำแพงโดยไม่มีสีหน้าในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา สายตาตกไปอยู่บนใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา “ ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าเข้ามา?”
เสียงของเขาฟังดูเหมือนว่าจะไม่มีแรงมากนัก และยังมีเสียงสั่นเล็กน้อย
หานมู่จื่อไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นไปก็รู้ว่าดวงตาของเขาลึกล้ำราวกับหมาป่าที่จำศีลในตอนกลางคืน เธอไม่ได้มองเข้าไปในดวงตาของเขา และพูดประโยคเมื่อสักครู่ซ้ำ
แต่ว่าเย่โม่เซินก็ยังคงไม่ขยับตัว เพียงแค่ค่อยๆยกมือขึ้นมา กดข้อมือของเธอไว้ เอ่ยเสียงแหบ “คุณรู้ไหมว่า ผมอดทนอย่างทุกข์ทรมานแค่ไหน?”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ “รู้ ฉันรู้ … ”
แน่นอนว่าเธอรู้
เมื่อก่อนเธอก็เคยถูกคนอื่นวางยา มาก่อน ก็รู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องอดทนเป็นธรรมชาติ แต่ว่าในเมื่อเธอรู้ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานเพียงลำพัง
“รู้เหรอ?” เย่โม่เซินหรี่ตาลง ในดวงตามีแสงอันตรายปรากฏออกมา มือข้างหนึ่งออกแรง หานมู่จื่อมาอยู่บนหน้าอกของเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “ในเมื่อคุณรู้แล้ว คุณยังกล้าเข้ามาอีก?”
หานมู่จื่อกะพริบตาสองสามครั้งอย่างประหม่า ขนตาของเธอกระพือเหมือนใบพัดเล็กสองตัวที่ขยับไปมา เธอกัดริมฝีปากล่าง แล้วพูดว่า “ฉันเป็นห่วงคุณ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ลดสายตาลง และเม้มริมฝีปากบางราวกับว่าเธอกำลังตัดสินใจครั้งสำคัญอะไรอยู่ เป็นเวลานานเธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งได้ ดวงตาของเธอก็ประสบเข้ากับดวงตาของเขา “ฉันอยากจะช่วยคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่โม่เซินก็หายใจเข้าลึก ๆหลายครั้ง ขับกัดฟันและมองไปที่เธอ “คุณพูดว่าอะไรนะ?พูดอีกครั้งสิ!”
ท่าทางของเขาดูน่ากลัวมาก สายตาดุร้ายจนดูเหมือนว่าจะเอาชีวิตของเธอไปให้ได้ หานมู่จื่อกดคอลงตามจิตใต้สำนึก แต่เมื่อเห็นริมฝีปากบางอันซีดขาวและสีหน้าของเขาก็ทำได้เพียงระงับความขี้อายพวกนี้ออกไป และเข้าใกล้โดยทันที
“ ฉันรู้ว่าคุณทุกข์ทรมาน แล้วนี่เป็นช่วงฤดูหนาว ถ้าคุณแช่น้ำเย็นทั้งคืนคุณจะต้องป่วยแน่ๆ”
เมื่อเห็นเธอใกล้ชิดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีหานมู่จื่อสวมเพียงแค่ชุดนอนเท่านั้น ต่อมาหลังจากฟังคำพูดของเย่โม่เซินเธอก็ไปสวมเสื้อโค้ตให้ตัวเอง แต่เมื่อตอนที่ถูกเย่โม่เซินกอดและจูบนั้น โดยเสื้อผ้าที่อยู่ข้างในตัวของเย่โม่เซิน ได้เปียกไปตั้งนานแล้ว และตอนนี้แนบไปกับร่างกายของเธอ ทำให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าของร่างกาย
เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เพียงแค่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเขานั้น ก็ทำให้เย่โม่เซินไม่สามารถยับยั้งใจตัวเองได้
ตอนนี้ เธอพูดกับตัวเขาเองในท่านี้ว่า เธออยากจะช่วยเขา
เขาจะต้องอดทนมากแค่ไหนถึงจะปฏิเสธเธอลงได้? ดวงตาของเย่โม่เซินทั้งดำและมืด ราวกับถูกย้อมด้วยน้ำหมึกระดับอายุพันปี เขายกมือขึ้นจับด้านหลังศีรษะของเธอ และพูดด้วยเสียงแหบว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”
หานมู่จื่อ พยักหน้าโดยไม่ลังเล และก็ตามมาด้วยจูบของเย่โม่เซิน
เป็นน้ำแข็ง หนาวมาก และก็ตกลงบนริมฝีปากของเธออย่างหนัก
เพียงแค่ไม่นานเย่โม่เซินก็ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาจับจ้องที่เธออย่างดื้อๆ “ถ้าหากตอนนี้คุณบอกว่าไม่ต้องการ ยังมีโอกาสอยู่นะ”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากแดง เอื้อมมือไปปลดกระดุมให้เขาด้วยตัวเอง
พฤติกรรมเช่นนี้ได้บ่งบอกทุกอย่างหมดแล้ว
ลำคอลึกของเย่โม่เซินกลิ้งขึ้นไปมา ก้มศีรษะลงและมองลงไปที่การเคลื่อนไหวของเธอ ดวงตาของเขาเหลือเพียงแค่สีดำ
ดูท่า คืนนี้เขาคงจะหนีไม่พ้นแล้ว
ตอนที่เย่โม่เซินอุ้มหานมู่จื่อขึ้นมานั้น หานมู่จื่อโอบคอของเขา ปลายหูของเขาแดงเหมือนเปื้อนไปเลือด และก็ก้มลงพูดเบาๆที่ข้างหูเขาว่า “คุณเบาๆหน่อย”
เย่โม่เซินจูบไปที่ติ่งหูของเธอเบา ๆ และตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า “โอเค”
ในห้องน้ำไม่มีคนอยู่แล้ว แต่ว่าเสื้อผ้าที่เปียกของทั้งสองคนยังคงร่วงอยู่บนพื้น แทนที่ด้วยเงาอีกสองเงาที่มีแสงสลัวภายในห้อง บนผ้านวมเตียงนุ่มถูกเพิ่มไปด้วยเงาของทั้งสองคน
บนหัวเตียงมีแสงไฟสีเหลืองอ่อนส่องสว่างไปทั่วห้อง
ดวงจันทร์หลบซ่อนเข้าไปในก้อนเมฆ และผ่านไปไม่นานก้อนเมฆก็ค่อยๆสลายตัวไป
หลังจากผ่านคืนนี้ไป ทุกอย่าง… ล้วนแต่เปลี่ยนไปหมดแล้ว
**
หานมู่จื่อตื่นเช้า
เมื่อตอนที่ลืมตาขึ้น เธอก็มองเห็นสีเทาทึบๆหนึ่งชั้นอยู่ด้านนอกหน้าต่าง มองเวลานี้ในตอนนี้ ตอนนี้น่าจะเพิ่งหกโมงกว่า
เมื่อคืนเคี่ยวกรำไปตั้งครึ่งคืน ตอนนี้ทั้งร่างกายของเธอเจ็บระบมไปหมด หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่าง จากนั้นก็ค่อยๆขยับมือใหญ่ที่โอบรอบเอวของเธอออก ลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้า
จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองกลับเย่โม่เซินหนึ่งครั้ง
อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของยา จึงทำให้เขาหลับลึกมาก หานมู่จื่อกะพริบตา และลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ
นำเสื้อผ้าเปียกทั้งหมดที่หล่นในห้องน้ำของเมื่อคืนโยนลงเครื่องซักผ้า หานมู่จื่อรู้สึกว่าร่างกายมีสิ่งบางอย่างผิดปกติไป
เธอทำได้เพียงปิดประตูและตรวจสอบเท่านั้น กลับพบเลือดสดที่หว่างขาของตัวเอง
แม้ว่าปริมาณเลือดจะไม่มากนัก แต่ฉากนี้ก็ทำให้น่าตกใจพอสมควรแล้ว
สีหน้าของหานมู่จื่อซีดลงอย่างกะทันหัน เธอแปะผ้าอนามัยให้ตัวเองลงไปหนึ่งแผ่น จากนั้นเธอก็เปิดประตูและเดินออกไป
เดิมทีเธอตั้งครรภ์ก็ไม่เกินสามเดือน แม้ว่าเมื่อคืนนี้เธอจะให้เย่โม่เซินทำเบาๆแล้ว และเย่โม่เซินก็ฟังคำพูดของเธอด้วย แต่เมื่ออารมณ์หนักหน่วงขึ้นเขาก็ยังคงไม่ยับยั้งตัวเองไม่ได้
ทำอย่างไรดี?
สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อลูกหรือไม่? ในใจของหานมู่จื่อรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถพูดกับเย่โม่เซินได้
ออกจากห้องน้ำไปเอาเสื้อคลุม ก็เห็นว่าส้งอาน
โทรศัพท์มาหาเธอพอดี
ส้งอาน…
คุณน้า
หานมู่จื่อเหมือนจะคว้าต้นหญ้าช่วยชีวิตไว้กำหนึ่งได้ เธอรีบหยิบโทรศัพท์และวิ่งไปรับสายที่ระเบียง
“ น้าส้ง ”
ส้งอานได้ยินความวิตกกังวลในน้ำเสียงของเธอจากปลายทาง จึงไม่ได้บอกเจตนาของตัวเอง แต่ถามกลับไปว่า “เป็นอะไรไปเหรอ? น้ำเสียงรีบร้อนขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น?”
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่าง อยากจะพูดในสิ่งที่ต้องการจะพูดแต่ก็ยากที่จะขยับปาก แต่พอลองคิดๆดูเรื่องราวได้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะมีอะไรที่พูดไม่ได้อีก?
สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงดันทุรังเอ่ยไปว่า “คุณน้า เมื่อโม่เซินถูกวางยา”
เมื่อได้ยิน ส้งอานก็ใจสั่นไปสักครู่ “เธอว่าอะไรนะ?”
หล่อนโกรธมากจนใช่ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะโดยทันที “ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่าง และพูดเสียงต่ำว่า “ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ น้าส้งคุณไม่ต้องเป็นกังวลไป”
เมื่อได้ยินว่าเขาไม่เป็นอะไร น้าส้งถึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอกได้
“งั้น……”
“แม้ว่าเขาจะไม่เป็นอะไร แต่ว่าฉัน … ” หานมู่จื่อลังเลที่จะพูดสถานการณ์ของตัวเองออกมา
น้าส้ง “… แล้วเธอจะยืนอย่างโง่ ๆไปทำไม รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อย”
ส้งอานเคยเป็นหมอมาก่อน เธอพูดมาขนาดนี้แล้ว หานมู่จื่อไม่กล้าที่จะลังเลอีกต่อไปแล้ว หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วนั้น ก็รีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า