บทที่ 880 ผมไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธอ
เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ เป็นสิ่งที่ยู่ฉือจินคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย
ว่าตวนมู่เสว่จะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายเช่นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง
ยู่ฉือจินหลับตาลง และย่อยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นนี้ลงไป ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาใหม่และถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง “ เรื่องนี้พูดออกไปข้างนอกไม่ได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็กวาดสายตามองไปที่ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ นัยน์ตามีการตักเตือนอยู่
หลังจากเฉียวจื้อได้ยินนั้นเขาก็เข้าใจได้ ถึงอย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องของครอบครัวใหญ่ เศรษฐีร่ำรวยบริษัทใหญ่คนหนึ่งคิดไม่ถึงว่าจะทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้จริง ๆ พูดออกไปจะไม่อายคนเขาเหรอ?
แต่ว่าต่อมา คำพูดของนายท่านยู่ฉือทำให้เฉียวจื้อตกใจ
คุณปู่ยู่ฉือมองไปทางเย่โม่เซิน เพราะรู้เรื่องนี้แล้ว เขาดูเหมือนว่าจะผิดหวังกับตวนมู่เสว่ ดวงตาคนวัยชราคู่หนึ่งปรากฏความเหนื่อยล้า และพูดว่า “แม้ว่าเรื่องที่เธอวางยานายจะเป็นเรื่องจริง แต่ว่านายทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ การเสียโฉมก็ยังเป็นข้อเท็จจริงสินะ?”
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบาง สายตาเยือกเย็น ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้น ไม่มีการเคลื่อนไหว
กลิ่นอายทั่วร่างกายของเขาล้วนแต่มีความมืดมน และเม้มริมฝีปากบางแน่นราวกับเป็นเส้นตรง ดูเหมือนเขาจะเดาได้ว่า ยู่ฉือจิน จะพูดอะไรต่อไป
ยู่ฉือจินครุ่นคิดสักพัก ก็ยังคงพูดว่า “ดังนั้นเรื่องนี้ นับว่าเสมอกัน โอเคไหม?”
เฉียวจื้อที่อยู่ข้างๆประหลาดใจจนเบิกตากว้าง ก็ขนาดพ่อบ้าน หยูโป ก็ยังประหลาดใจเล็กน้อยด้วยเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นแล้วนั้น คุณท่านจะ … เข้าข้างไปทางตวนมู่เสว่
เป็นไปตามทิศทางนี้เรื่อยๆ เกรงว่าจะไม่ดีนะ
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากที่เย่โม่เซิน ได้ยินแล้วนั้น ฝีปากบางของเขาก็ยกยิ้มขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของความไม่พอใจ ราวกับว่าไม่แปลกใจเลยสักนิด แล้วก็เลิกคิ้วอย่างเย็นชา
“ แล้วไงต่อล่ะ? หลังจากเสมอกันแล้ว คุณตาคงจะไม่ให้ผมหมั้นกับเธอต่อหรอกสินะ?”
สีหน้าของ ยู่ฉือจิน ก็ไม่สู้ดีเช่นกัน
แต่ว่าเย่โม่เซินกับพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ เขารู้สึกว่าหลังจากที่เสมอกันแล้ว แล้วค่อยให้เด็กทั้งสองหมั้นกันต่อ
ถึงอย่างไรก็ตามบาดแผลที่หน้าผากของตวนมู่เสว่นั้นลึกขนาดนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ ยู่ฉือจิน ไม่อยากให้เขาคบกับผู้หญิงคนนั้น
เฉียวจื้อทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว จึงก้าวไปข้างหน้าพูดโน้มน้าวใจ“ คุณปู่ยู่ฉือ ท่านทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ ตวนมู่เสว่ทำเรื่องแบบนี้ลงได้แสดงให้เห็นว่า ความประพฤติของเธอธรรมดามากจริงๆ ถ้าให้เธอหมั้นกับ เย่โม่เซินอีก งั้นก็ไม่ใช่ว่า … ”
เขาพูดได้แค่ครึ่ง ยู่ฉือจินก็มองเขาอย่างไม่พอใจ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เฉียวจื้อ เมื่อสักครู่ฉันได้พูดไปแล้วว่า นี่เป็นเรื่องครอบครัวของ ตระกูลยู่ฉือ ของเรา ไม่จำเป็นต้องมีคนนอกเข้ามาแทรกแซง”
เฉียวจื้อ “… ”
ที่พูดดูเหมือนว่าจะไม่ผิด นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของตระกูลยู่ฉือจริงๆ เขานามสกุลเฉียวเป็นคนนอกคนหนึ่งก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปแทรกแซงได้จริงๆ
เขาแบะปากและกล่าวว่า “คุณปู่ยู่ฉือท่านพูดถูก ผมไม่ค่อยเหมาะที่จะเข้าไปแทรกแซงจริงๆ”
“ แล้วนายยังไม่ถอยไปอีกเหรอ?”
“แต่ว่า… ” เฉียวจื้อลูบไปที่ศีรษะของตัวเอง และพูดอย่างพัวพันว่า “ยู่ฉือเซินเป็นเพื่อนของผม ผมไม่สามารถมองดูเพื่อนของตัวเองถูกผลักลงไปในหลุมไฟอยู่เฉยๆได้”
“แก!”
ยู่ฉือจิน ถูกคำพูดนี้ทำให้โมโหจนหายใจติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถคายหรือกลืนลงไปได้
“ เฉียวจื้อ ”
ในตอนนี้ เย่โม่เซินมองไปที่เขา และเฉียวจื้อก็เปล่งเสียงตอบรับตามจิตใต้สำนึกออกมาหนึ่งครั้งเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าเย่โม่เซินมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป จากนั้นเขาก็พูดว่า “นายกลับไปก่อนเถอะ”
เรื่องราวได้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เขามีส่วนเกี่ยวข้องอีกต่อไป
เฉียวจื้อตกตะลึง ยืนอยู่เฉยๆสักครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างจริงใจ
แม้ว่าคำพูดของคุณปู่ยู่ฉือ จะทำให้เขาเจ็บปวด แต่สายตาของยู่ฉือเซินในตอนนี้ สำหรับเขาก็เพียงพอแล้ว
เขารู้สึกว่า การที่ตัวเองวิ่งมาที่นี่เพื่อเพื่อนในครั้งนี้ไม่เสียแรงเปล่าเลย
หลังจากที่เฉียวจื้อออกไปแล้วนั้น ยู่ฉือจิน มองไปที่เงาด้านหลังของเขาด้วยความไม่พอใจ จนกระทั่งหลังจากที่เขาหายไปแล้ว ถึงจะเอ่ยกับเย่โม่เซินว่า “เฉียวจื้อคนนี้มักจะไม่ทำการทำงาน ชื่อเสียงในแวดวงก็ไม่ค่อยจะดี ต่อไปนายไม่ต้องไปคบค้าสมาคมกับเขาบ่อยนัก ”
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบาง มองเขาด้วยดวงตาสีดำลึก และไม่ได้ตอบรับคำพูดของเขา
ยู่ฉือจินมักจะรู้สึกว่าหน้าวัยชราใบนี้จะแบกไว้ไม่ไหว เลยพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “สิ่งที่ตาบอกนายนายได้ยินหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยิน เย่โม่เซินก็กระตุกริมฝีปาก “ จัดการเรื่องแต่งงานของผมแล้ว ตอนนี้ยังจะจัดการเรื่องการคบเพื่อนของผมอีกเหรอ?”
ยู่ฉือจิน “… ”
เขาโมโหจนอยากจะตะโกนด่าเขา แต่คิดไม่ถึงว่าภายในห้องโถงนี้ยังมีคนอื่นอยู่ จึงโบกมือ ให้พวกเขาพาคนรับใช้ออกไป
เพราะว่าคนรับใช้ได้สารภาพเรื่องราวทุกอย่างแล้ว ดังนั้นเย่โม่เซินจึงไม่ได้ห้าม
ในไม่ช้า ภายในห้องโถงก็เหลือเพียงแค่สามคน
หยูโปยืนเงียบ ๆอยู่ข้างๆ มองไปที่ภาพฉากนี้ตรงหน้าอย่างจนปัญญาเล็กน้อย เรื่องพัฒนามาไกลจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน
เดิมทีเขาคิดไม่ถึงว่าตวนมู่เสว่จะวางยาคุณชายเซินครอบครัวของพวกเขา และคิดไม่ถึงว่าคุณชายเซินจะจับคนออกมาได้โดยตรง ตบหน้าคุณท่านทันที
คุณตาคนนี้แข่งขันกับคุณตาของตัวเอง ดุเดือดมากจริงๆ
“ตอนนี้ทุกคนออกไปหมดแล้ว มีบางอย่างที่ฉันต้องให้นายเข้าใจอย่างชัดเจน ตระกูลยู่ฉือกับตระกูลตวนมู่เป็นครอบครัวที่รู้จักกันมานาน แม้ว่า เสี่ยวเสว่ จะทำเรื่องแบบนั้นออกมา นั่นก็เป็นเพราะนายปฏิเสธที่จะหมั้นอยู่ตลอด เธอโมโหจนเลอะเลือนถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ เพียงแค่นายหมั้นกับเธออย่างเชื่อฟัง เธอจะเดินทางลัดอีกได้อย่างไรกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็ถอนหายใจอย่างหนัก และนั่งลง พูดเบา ๆ ว่า “ตารู้ว่านายไม่ชอบเธอ แต่ความรู้สึกสามารถปลูกฝังได้ นายลองหมั้นกับเธอและคบหาดูใจกับเธอก่อน อยู่ด้วยกันนานๆความรู้สึกจะพัฒนาขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลตวนมู่และตระกูลยู่ฉือจะร่วมมือกัน กำลังนี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากเชียวนะ ”
เย่โม่เซินเงยหน้า แววตาตกไปอยู่บนใบหน้าของเขา ริมฝีปากบางเม้มอยู่ตลอด ทว่าไม่ได้ตอบกลับ เขาไม่ได้พูดจา แต่ยู่ฉือจินไม่ได้คิดว่าเขาจะยอมรับอย่างเงียบๆแล้ว ดูท่าทางของเขาเช่นนี้กลับรู้สึกว่าเขาขี้เกียจที่จะคุยกับตัวเองแล้ว
ยู่ฉือจินเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็ทำได้แค่ถามว่า “เมื่อคืนนี้ นายไปไหนมาล่ะ?”
ไม่ถามก็ดีหน่อย เพียงแค่ถามเย่โม่เซินก็ยกยิ้มริมฝีปากขึ้น “คุณตาคิดว่าไงล่ะ?”
ยู่ฉือจิน “… ”
“แต่ว่าที่คุณตาพูดก็ถูกนะครับ เธอวางยาผม และก็ได้รับบาดเจ็บเพราะผม ถือว่าเสมอกันก็ได้ แต่ว่า… ” เขาหยุดกะทันหัน สายเย้ยหยันเล็กน้อย “ผมไม่ใช่คุณหมอ หน้าผากมีรอยแผลเป็นเรื่องนี้มาหาผมก็ไม่มีประโยชน์ แล้วผมก็คงจะไม่สนใจคนที่วางยาผมคนหนึ่งหรอก ส่วนเรื่องหมั้น?ทั้งชีวิตนี้ก็เป็นไปไม่ได้ ”
“แก!” ยู่ฉือจินโมโหจนกัดฟัน “โง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว!”
“เหอะ”
เย่โม่เซินหัวเราะเยาะหยัน“ โง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ใช่คุณตาหรอกเหรอ?”
“แกว่าเรื่องอะไรนะ?แกกล้าพูดว่าตาของแกโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเหรอ?ปีกกล้าขาแข็งแล้วสิ?แก!”
ในขณะที่เขาพูดก็ลุกขึ้นยืนขึ้นมา ยกไม้เท้าขึ้นอยากที่จะทักทายเย่โม่เซินอีกครั้ง คราวนี้เย่โม่เซิน กลับไม่โดนฟาด ถอยหลังไปหนึ่งก้าวและกล่าวอย่างเย็นชาโดยตรง
“ ครั้งที่แล้วในเมื่อสักครู่นี้ผมรับมันแล้ว เพื่อที่จะบอกคุณตาว่า นอกจากมู่จื่อ ทั้งชีวิตนี้ผมก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว”
ยู่ฉือจินโกรธจนก้าวเข้าไปข้างหน้าต่อ อยากที่จะฟาดเขาอีก หยูโปที่อยู่ข้างๆทำได้เพียงรีบลุกขึ้นมาห้าม “คุณท่านอย่าโมโหไปเลย ใจเย็น ๆครับใจเย็นๆ เมื่อสักครู่ที่ฟาดคุณชายเซินไปจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆ ถ้าหากว่ายังฟาดต่อไปอีก ฟาดจนไร้ประโยชน์แล้วจะทำอย่างไร ?”
“ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการในบริษัท ผมขอตัวก่อน”
หลังจากที่เย่โม่เซินพูดจบ เขาก็หันออกไปโดยทันที
“แกไอ้สารเลว กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้ !!!”