บทที่1014ผมกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
ยืนอยู่ที่นอกห้อง หานมู่จื่อมองผ่านกระจกใสเห็นคนที่นอนอยู่ข้างใน
ต่างกับเมิ่งเส่โยวที่เห็นในก่อนหน้านี้
เธอได้เปลี่ยนมาใส่ชุดของโรงพยาบาลจิตเวชแล้ว เนื้อตัวก็ถูกเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เผยผิวที่เดิมทีก็ขาวเนียนอยู่แล้วออกมา
แต่บนผิวที่ขาวเนียนนั้น มีรอยแผลอยู่มากมาย
แผลที่เกิดจากรอยข่วน แผลน้ำร้อนลวกและยังมีแผลต่างๆ………
ถึงแม้แผลจะตกสะเก็ดหมดแล้ว แต่แผลพวกนี้สลับซับซ้อน อยู่ทั่วลำคอและข้อมือ แม้กระทั่งที่หน้าก็มี เห็นแล้วน่าสยดสยองมาก
หานมู่จื่อรู้สึกหายใจไม่ติดขัด เวลานี้ มืออ่อนโยนได้ปิดตาของเธอไว้
“ในเมื่อดูแล้วกลัว ก็อย่าดูเลย”
เป็นเสียงของเย่โม่เซิน เขายืนอยู่ด้านหลังเธอ แล้วเปิดปากพูดขึ้นเบาๆ
หานมู่จื่อเงียบไปครู่นึง จากนั้นก็ดึงมือของเย่โม่เซินลง และส่ายหัวเบาๆ
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ ทำไมเธอถึงได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้”
เย่โม่เซินพอรู้เบาะแสบางอย่างจากคำพูดของเธอ ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย: “ความสัมพันธ์ของคุณกับเธอไม่ดีหรอ?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ไม่ตอบอะไร ก็แค่ยิ้มขึ้นเบาๆ สายตามองเมิ่งเส่โยวที่นอนอยู่ข้างใน
นาทีนี้เธอที่นอนสลบอยู่ตรงนั้น ดูแล้วเงียบสงบ ทำให้เธอนึกถึงสมัยเมื่อนานมากแล้ว ตอนที่ทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนรักกัน นอนด้วยกันอยู่เป็นประจำ ทุกครั้งเธอจะตื่นเช้ากว่าเมิ่งเส่โยว
ส่วนเมิ่งเส่โยวเป็นคนเอาแต่ใจ เวลาหลับชอบถีบผ้าห่มอยู่เรื่อยเลย
ดังนั้นทุกเช้าตอนที่หานมู่จื่อตื่นขึ้นมา จะห่มผ้าให้เธอตลอด
หน้าตาตอนหลับในตอนนั้น เหมือนตอนนี้เป๊ะๆเลย
เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
เรื่องของอดีตล้วนแต่แฝงสีสันที่หนักหน่วงและเข้มข้น จู่โจมมาหาหานมู่จื่ออย่างมืดฟ้ามัวดิน ระหว่างคิด เธอรู้สึกเจ็บแน่นที่หน้าอก เบ้าตาก็เปียกชื้นเล็กน้อย
“เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของเราดีมาก ฉันเคยช่วยเธอ เธอก็เลยพึ่งพาฉันมาก พูดอยู่ตลอดเวลาว่าฉันมีบุญคุณกับเธอ ชาตินี้จะดีกับฉันมากๆ ตอนที่ฉันลำบากเธอก็ยื่นมือมาช่วยเหลือฉันเยอะมาก ฉันนึกว่า………….
เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดชีวิต ตอนนั้นถึงขั้นยังเคยพูดคุยสนทนากัน ถ้าใครแต่งงานก่อน อีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนเจ้าสาวก่อน คิดไม่ถึงต่อมา…………”
ที่แท้นั่นก็เป็นแค่ละครเฉยๆ
เธอไม่รู้เลย ตอนนั้นเมิ่งเส่โยวดีกับเธอ เป็นเพราะซาบซึ้งในน้ำใจของเธอ ดังนั้นถึงได้เห็นเธอเป็นเพื่อนรัก หรือเพราะรู้ความลับของเธอ อยากหลอกใช้เธอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่มากกว่าจึงเข้าใกล้เธอ
แต่ไม่ว่าทั้งหมดนี้เกิดจากสาเหตุไหน ทุกสิ่งทุกอย่างตอนที่ได้อยู่ด้วยกัน กลับเหมือนไฟเผาไหม้อยู่ในทรวงอกของเธอ
“คุณจำเธอไม่ได้แล้วหรอคะ?”จู่ๆหานมู่จื่อหันมามองเย่โม่เซินทีนึง “คุณก็รู้จัก บางทีคุณสามารถดูใบหน้าเธอดีๆ อาจจะมีส่วนช่วยให้คุณฟื้นคืนความทรงจำได้นะคะ”
เดิมทีเย่โม่เซินไม่ได้ไปสังเกตเลยว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงหน้าตายังไง หลังจากฟังคำพูดของหานมู่จื่อแล้ว เขาถึงมองไปที่ใบหน้าของเมิ่งเส่โยว
ตอนแรก เขารู้สึกใบหน้านี้ไม่มีอะไรที่แปลกประหลาด
เขาก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยเลย
แต่พอดูไปสักพัก ในหัวกลับมีภาพโผล่ขึ้นมาหลายภาพ
อีกอย่างภาพเหล่านี้ยังมีหานมู่จื่อด้วย แต่ว่า…….มันไม่ใช่ภาพที่สวยงามเลย
ผู้หญิงที่อยู่ในภาพใส่ต่างหูสีชมพูไว้คู่นึง ส่วนเขาก็ได้เอาต่างหูคู่ที่ใกล้เคียงกันออกมาคู่นึง หลังจากหานมู่จื่อเห็นก็ถูกสะกิด ทุบต่างหูที่เขามอบให้จนแหลก
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ภาพชัดเจนขนาดนี้
แต่กลับเป็นเรื่องที่เขาทำร้ายหานมู่จื่อ เย่โม่เซินรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ แต่แล้วเขายังไม่ทันได้สัมผัสความเจ็บปวดนี้ สมองก็ได้ปวดขึ้นมาอย่างรุนแรงอีก
“คุณพอจำอะไรขึ้นมาได้หน่อยนึงแล้วใช่มั้ยคะ?”
หานมู่จื่อถาม
เย่โม่เซินดึงสายตากลับ สายตาหล่นอยู่ที่ใบหน้าของหานมู่จื่ออีกครั้ง เธอที่อยู่ตรงหน้า สายตาที่มองตัวเองช่างเป็นห่วงและกังวลมาก จากนั้นก็ได้ค่อยๆทับซ้อนกับใบหน้าที่เจ็บปวดทรมานในความทรงจำของเมื่อกี้นี้
เห็นเขาไม่ตอบ แค่ใช้สายตาที่คมเข้มจ้องมองตัวเองไว้ หานมู่จื่อค่อนข้างตกใจ เมื่อกี๊เธอก็ไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น แค่ให้เย่โม่เซินดูเมิ่งเส่โยวหน่อยเอง
เพราะไหนๆก็มาแล้ว อีกอย่างเมื่อก่อนเมิ่งเส่โยวก็ทิ้งความทรงจำไว้ในชีวิตของทั้งคู่ไม่น้อย ไม่แน่ให้เขาดูทีนึงอาจจะมีส่วนช่วยได้ล่ะ?
แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ขนาดนี้
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อจับมือเขาไว้ด้วยความตื่นเต้น: “คุณโอเคมั้ยคะ? จำอะไรได้หน่อยนึงแล้วใช่มั้ยคะ?”
เซียวซู่ที่อยู่ข้างๆก็ตระหนักได้ถึงจุดที่ผิดปกติ เดินไปข้างหน้าช่วยหานมู่จื่อพยุงเย่โม่เซินด้วยกัน
“คุณชายเย่เป็นไรมากหรือเปล่าครับ? หรือว่าเราออกไปก่อนดีมั้ยครับ?”
หานมู่จื่อพยักหน้า: “โอเค ออกไปก่อน”
แต่ปรากฏเธอกำลังอยากก้าวฝีเท้า มือก็ถูกเย่โม่เซินจับไว้ “ผมไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไร?” หัวใจที่แขวนอยู่กลางอากาศของหานมู่จื่อไม่ได้วางลงมา เพราะสีหน้าของเย่โม่เซินดูแล้วไม่เหมือนคนที่ไม่เป็นอะไร เธอมองเข้าไปในแววตาของเขา: “คุณจำอะไรได้แล้วใช่หรือเปล่า?”
ไม่นึกเลยว่าการกระตุ้นของเมิ่งเส่โยวจะใหญ่ขนาดนี้?
เป็นเพราะว่าเธอเคยทำเรื่องที่เลยเถิดพวกนั้นเหรอ?
ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆหานมู่จื่อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เธอรู้อยู่แล้วว่าในใจของเย่โม่เซินมีแค่ตัวเอง แต่หลังจากเย่โม่เซินเห็นเมิ่งเส่โยว ปฏิกิริยารุนแรงขนาดนั้น ทำให้เธอก็ยังรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ
ความไม่สบายใจแบบนี้มาจากไหน เธอเองก็รู้ดีแก่ใจ
เพียงแต่ในเวลานี้ เธอไม่มีกำลังไปถือสา
“จำได้บ้าง” เย่โม่เซินเสียงเบา มือที่จับเธอไว้ใช้แรงมากขึ้น ขมวดคิ้วไว้ตลอด ดูเหมือนแววตาที่มองเธอจะทรมานมาก
มองเขาที่เป็นแบบนี้ บนหน้าผากยังมีเหงื่อไหลซิบ แต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอย่างอื่นที่หนักกว่า แม้กระทั่งยังสามารถบอกกับเธอว่าจำอะไรได้บ้างแล้ว
ดูท่า……..เขาคงจำอะไรได้บ้างแล้วจริงๆ
“คุณ……..จำความทรงจำที่ไม่ค่อยดีได้ใช่หรือเปล่าคะ?” หานมู่จื่อถาม
เย่โม่เซินนิ่งไปครู่นึง จากนั้นได้พยักหน้า
จู่ๆหานมู่จื่อพูดไม่ออก เธอหายใจลึกๆทีนึง มองดูรอบๆ พบว่าที่ไม่ไกลมีเก้าอี้ยาว จึงได้หันมาบอกว่า: “เราไปนั่งที่นั่นก่อนเถอะค่ะ”
หลังจากเย่โม่เซินครุ่นคิดไปครู่นึงถึงพยักหน้า: “โอเคครับ”
หลังจากจำเรื่องเหล่านั้นได้ อาการปวดหัวของเย่โม่เซินก็ค่อยๆหายไป เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมหานมู่จื่อด้วยกลิ่นไอที่มืดครึ้ม
หลังจากนั่งลงมา เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจิตเวชคงจะเห็นภาพนี้ จึงได้ถามด้วยความแปลกใจ: “พวกคุณโอเคมั้ยคะ? มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือมั้ยคะ?”
เซียวซู่รีบตอบกลับคำนึง: “ไม่ต้องครับ ขอบคุณมากครับ”
พอพูดจบยังได้ปาดเหงื่อ พวกเราล้วนเป็นคนปกติ ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจิตเวชที่ไหนกัน?
หลังจากนั่งลงมา หานมู่จื่อดึงกระดาษทิชชูออกมาจากกระเป๋า ช่วยเย่โม่เซินซับเหงื่อบนหน้าผากที่ไหลออกมา แล้วเช็ดซอกจมูกทั้งสองข้างของเขา มือกลับถูกเย่โม่เซินจับเอาไว้
จู่ๆเขากลับเอ่ยปากพูด: “คุณอย่าโกรธนะ”
หานมู่จื่อนิ่งไปครู่นึง “อื๋ม?”
ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินขยับไปมา สักพักถึงพูดออกมาคำนึง
“ผมกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”