แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1189 เกี่ยวกับนามสกุล
“หานหยาหยา?”คุณท่านยู่ฉือครุ่นคิด แล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “งั้นก็เอาชื่อนี้เลย”
“เอ๋??”เสี่ยวหมี่โต้วเอียงหัวเล็กน้อย มองดูผู้ใหญ่สามคนปรึกษาเรื่องชื่อ รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
ที่เขาชื่อหานยี่ซู ใช้นามสกุลตามหม่ามี๊ เพราะตอนนั้นมีแค่หม่ามี๊ พ่อไม่ได้อยู่ด้วย เขาก็เลยได้ตั้งนามสกุลตามหม่ามี๊
ทว่าตอนนี้คุณทวด คุณพ่อและหม่ามี๊นั้น ทำไมเห็นด้วยกันกับการใช้นามสกุลตระกูลหานแล้วล่ะ?
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
ไม่รู้ว่าพวกเขาลืม หรือปรึกษากันไว้แล้ว พูดเตือนพวกเขาดีไหมนะ?
เสี่ยวหมี่โต้วจับคางของตัวเองไว้แล้วครุ่นคิด ถ้านามสกุลหาน งั้นหม่ามี๊ก็กำลังเอาเปรียบสิ สำหรับเสี่ยวหมี่โต้วแล้วการที่เขายืนอยู่ข้างผู้เป็นแม่ นามสกุลหานนั้นเหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว
“เสี่ยวหมี่โต้ว หนูคิดว่าชื่อของน้องสาวเป็นยังไง?”ตอนที่กำลังคิด สายตาของคุณท่านยู่ฉือก็หันมามองเสี่ยวหมี่โต้ว เขากลับไปคิดเป็นเวลานานมาก เพราะเสี่ยวหมี่โต้วชื่อหานยี่ซู เขาก็เลยตั้งชื่อหยาให้กับเสี่ยวโต้วหยา ตอนแรกเขาอยากจะให้เรียกเป็นหานยาตรงๆเลย ทว่าเขารู้สึกว่ามันแปลกๆ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นคำว่าหยาแทน
เสี่ยวหมี่โต้วสบตากับคุณท่านยู่ฉือ แล้วกะพริบตาเบาๆ
“ดีมากเลยครับ แต่ว่า……….”
เขามองคุณท่านยู่ฉือ แล้วหันไปมองเย่โม่เซินกับหานมู่จื่อ “ทุกคนจะให้น้องสาวใช้นามสกุลหานจริงๆเหรอครับ?”
เอาล่ะ เขาตัดสินใจพูดออกไปดีกว่า เพื่อไม่ให้คุณทวดประมวลผลได้ก่อนแล้ว มาหาว่าหม่ามี๊ของเขาเอาเปรียบคุณพ่อ
เมื่อถามออกไปแบบนี้ คุณท่านยู่ฉือก็อึ้งแล้วยืนนิ่งอยู่กับที่ ใช้เวลาสักพักถึงจะได้สติกลับมา
“จริงสิ ทำไมฉันถึงลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้? หนูกับเสี่ยวโต้วหยาล้วนเป็นลูกของอาเซินนี่นา ต้องใช้นามสกุลเย่ถึงจะถูก”
พูดจบ สีหน้าของคุณท่านยู่ฉือก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ไม่คิดว่า เขาจะลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ จึงผลักเหลนทั้งสองคนออกไป
“คุณทวดครับ ในเมื่อคุณทวดไม่ได้นามสกุลเย่ เพราะฉะนั้นจะใช้นามสกุลอะไรก็ได้นิครับ”เสี่ยวหมี่โต้วได้พูดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อถูกเสี่ยวหมี่โต้วพูดใส่แบบนี้ คุณท่านยู่ฉือจึงได้สติกลับมาอีกครั้ง
ที่เขาไม่ให้ความสำคัญกับนามสกุล เพราะตัวเขาเองไม่ได้นามสกุลเย่ และยังเป็นทวดของเด็กๆอีก เพราะเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกคล่องปากในตอนที่เรียกหานหยาหยา
หานมู่จื่อที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วพูดเตือนก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ที่เธอประมวลผลได้จึงรีบหันไปมองเย่โม่เซิน
กฎที่ว่าเด็กเกิดมาแล้วให้ใช้นามสกุลของพ่อเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ ตอนนี้เธอก็เลยไม่รู้ว่าเย่โม่เซินนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อสักครู่เขายอมรับชื่อหานหยาหยานี้ เขาจะรู้สึกว่าเธอเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า?
ใครจะไปรู้ว่าตอนที่หันไปมอง ก็ไปสบตากับเย่โม่เซินพอดี ดวงตาที่ลึกคู่นั้นมีความอบอุ่นแฝงอยู่
“เป็นอะไรไป?”
“เรื่องนามสกุล…….”หานมู่จื่อรู้สึกยากที่จะพูดออกไป
“จะใช้นามสกุลใครก็ไม่เป็นไร”เย่โม่เซินเข้าไปนั่งข้างเธอ มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย “นามสกุลหานก็ดีนิ และที่มีเด็กทั้งสองเกิดมาก็เพราะเธอนะ”
คุณท่านยู่ฉือที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย คิดไปคิดมายังไงเด็กทั้งสองก็ไม่ได้ใช้นามสกุลยู่ฉืออยู่ดี เกี่ยวอะไรกับเขา? พอลองคิดดูดอีกที คุณท่านยู่ฉือก็มีความคิดอื่นในใจ
หานมู่จื่อก็ไม่สนว่าเด็กทั้งสองจะใช้นามสกุลอะไร ใช้นามสกุลหานหรือเย่ก็ได้ ในเมื่อมันเป็นนามสกุลของเขาสองสามีภรรยาอยู่ดี
ในตอนที่เธอกำลังจะพูด คุณท่านยู่ฉือก็กระแอมเบาๆ ดึงความสนใจจากอีกสามคนที่เหลือ ราวกับรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดต่อไปนี้น่าละอายใจ สีหน้าของเขาจึงมีความรู้สึกผิดปะปนอยู่เล็กน้อย เขาลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ในเมื่อพวกเธอสองคนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้เด็กใช้นามสกุลอะไร งั้นก็ให้ใช้นามสกุลยู่ฉือสิ??”
หานมู่จื่อ:“……”
เย่โม่เซิน:“……”
เสี่ยวหมี่โต้ว:“……”
“คุณทวดครับ คุณทวดประจบเก่งจังเลยนะครับ”
เมื่อคุณท่านยู่ฉือถูกเหลนพูดแบบนี้ใส่ ก็รู้สึกประหม่าทันที ทว่าก็พูดออกไปแล้ว ยังมีเหตุผลที่ต้องคืนคำเหรอ? ไหนๆก็พูดไปแล้ว ไปให้ถึงที่สุดยังดีกว่าเสียอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ คุณท่านยู่ฉือยังคงพูดออกไปอย่างไร้ยางอายว่า “ในเมื่อพวกเธอทั้งสองก็ไม่เกี่ยงเรื่องนามสกุล คนตระกูลเย่นอกจากเย่โม่เซินแล้วก็ไม่มีใครดีเลย ถ้าจะใช้นามสกุลเย่นี้สู้ไม่ใช้เลยยังดีกว่า ใช้นามสกุลยู่ฉือตามทวดดีแค่ไหน?”
เสี่ยวหมี่โต้วขึ้นเสียงเล็กน้อย ปฏิเสธข้อเสนอของยู่ฉือจิน
“ไม่เอาหรอกครับ ยู่ฉือเป็นนามสกุลคู่ ถ้าใช้นามสกุลนี้ ถึงเวลาเขียนก็ต้องเขียนเพิ่มอีกหนึ่งตัว”
คุณท่านยู่ฉือ:“……”
ไอ้เด็กนี่ นี่มันเป็นเรื่องของการเขียนเพิ่มหรือลดตัวหนังสือเหรอ?
เย่โม่เซินที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินก็สะเทือนใจมาก ในตระกูลเย่ไม่มีอะไรดีเลย คุณท่านนั้นพูดถูก ปู่และพ่อของเขาล้วนไม่ใช่คนดี
ถ้าเป็นไปได้ เขาเองก็ไม่อยากใช้นามสกุลนี้
น่าเสียดาย ตอนที่แม่หย่ากับพ่อไม่ได้แก้นามสกุลให้เขา นั่นหมายความว่าแม่ของเขายังมีเยื่อใยหลงเหลือให้พ่อของเขาอยู่
เมื่อคิดในแง่มุมนี้ ตัวเขาจะเลิกใช้นามสกุลเย่นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ถ้าเป็นแบบนี้ ก็……….
เย่โม่เซินหันไปมองหานมู่จื่อ
แค่ครู่เดียว หานมู่จื่อก็รู้สึกได้ว่าเย่โม่เซินนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
ทว่าก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเธอไม่คิดว่าเย่โม่เซินจะเห็นด้วย เขาไม่สนใจชื่อเสียงถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
และในตอนนั้นเอง เย่โม่เซินก็พูดขึ้น “ไม่ใช่ว่าใช้นามสกุลยู่ฉือไม่ได้ครับ ทว่าจะให้ใช้นามสกุลยู่ฉือทั้งสองคนเลยก็ไม่ได้ คนหนึ่งใช้นามสกุลหาน อีกคนหนึ่งใช้นามสกุลยู่ฉือดีกว่าครับ”
เมื่อคุณท่านยู่ฉือได้ยินคำตอบก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าเย่โม่เซินจะยินยอม ดูเหมือนว่าเขาก็คงไม่ชอบนามสกุลเย่สินะ
“งั้น จะให้ใครใช้นามสกุลยู่ฉือล่ะ?”คุณท่านยู่ฉือตื่นเต้นเล็กน้อย ถ้ามนุษย์นั้นมีหาง หางที่อยู่ด้านหลังของคุณท่านยู่ฉือก็คงกำลังกระดิกไปมาอยู่
เย่โม่เซินมองไปยังเสี่ยวหมี่โต้วด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง
“ให้ลูกเลือกเองเถอะครับ”
และคุณท่านยู่ฉือก็มองไปยังเสี่ยวหมี่โต้ว แล้วสลับไปมองเสี่ยวโต้วหยา จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวโต้วหยาเพิ่งคลอดมาได้ไม่นาน ยังไม่สามารถเลือกได้ แล้วจะตัดสินยังไง?”
หานมู่จื่อรู้ดีว่า สำหรับคุณท่านยู่ฉือแล้ว เขามีลูกสาวแค่สองคน แถมคนโตก็เสียแล้ว และส้งอานนั้นก็ดูสิ้นหวังกับความรัก ถ้าเธอไม่แต่งงานออกไป ตระกูลยู่ฉือก็อาจจะต้องสิ้นสุดลง
และก่อนหน้านี้เหมือนคุณท่านยู่ฉือจะเหลือสมบัติส่วนใหญ่ไว้ให้เสี่ยวหมี่โต้ว ในตอนนี้ให้เสี่ยวหมี่โต้วใช้นามสกุลเดียวกับเขานั้นดีที่สุดแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อจึงพูดออกไปว่า “งั้นให้เสี่ยวหมี่โต้วใช้นามสกุลเดียวกันกับคุณตาดีไหมคะ?”
คุณท่านยู่ฉือรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง “มัน มันจะเหมาะสมเหรอ?”
ที่จริงนั้นเขาไม่กล้าคิด ที่เขาคิดคือจะให้เสี่ยวโต้วหยาใช้นามสกุลเดียวกับเขา มีเหลนสาวที่น่ารักเพิ่มขึ้นแบบนี้เขารู้สึกดีใจมาก ใครจะไปคิดว่าหานมู่จื่อจะใจกว้างขนาดนี้