บทที่ 1220 ลองดูสิว่าคุณพอใจมั้ย
ในเมื่อเธอเป็นแบบนี้ อย่างนั้นเสี่ยวเหยียนก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นเกรงใจเธอแล้ว ชักสีหน้าตอบว่า:“เมื่อกี้ฉันอยู่ในห้องน้ำเลยไม่ได้ยินเสียง พี่หลินเกรี้ยวกราดขนาดนี้ คือกำลังโทษฉันอยู่ใช่มั้ย”
หลินชิ่นเอ๋ออึ้ง คิดไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวเหยียนยังยิ้มแย้มอยู่เลย พอมาตอนนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนกับสาวน้อยที่โกรธเคืองไม่เป็นมิตร
คือเธอประมาทเหรอ ผู้หญิงคนนี้มีมุมแบบนี้ด้วยเหรอ
ถูกเสี่ยวเหยียนชักสีหน้าแบบนี้ ต่อให้ในใจหลินชิ่นเอ๋อจะมีความโกรธมากแค่ไหนก็ไม่กล้าระบายออกมา ที่ปลดปล่อยออกมาแล้ว เธอก็ทำได้แค่รีบกลับคำปฏิเสธ
“ไม่ได้มีเรื่องอะไร น้องเสี่ยวเหยียนไม่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่โทษเธอหรอก เมื่อกี้พี่หลินคิดว่าเธอแกล้งทำเป็นไม่สนใจฉัน ก็เลยร้อนใจนิดหน่อย เธอคงไม่ได้โกรธพี่หลินนะ”
ได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวเหยียนเอียงปากจ้องมองมาที่เธอ
“พี่หลินคิดว่าฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจคุณเหรอ ทำไมถึงคิดแบบนั้น ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องไม่สนใจคุณนี่ หรือว่าพี่หลินทำอะไรผิด รู้สึกผิด ก็เลยคิดว่าฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจ”
ประโยคนี้ทำเอาหลินชิ่นเอ๋อตื่นตกใจ คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าพูดขนาดนี้ และในคำพูดยังมีการหยั่งเชิงถามอีกด้วย
นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน ยังเป็นเวลาเช้าอยู่เลยนะ ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละแบบนี้
ไม่ใช่ นี่มันแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น หรือว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้มีอะไรเกิดขึ้น
หรือหานชิงบอกเธอ
ไม่มีทาง ผู้ชายอย่างหานชิงจะมาพูดเรื่องของผู้หญิงอย่างพวกเธอเหล่านี้ทำไม
หรือว่าเธอเดามั่วไปเอง
คิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของหลินชิ่นเอ๋อเลื่อนไปมาบนใบหน้าเสี่ยวเหยียน ราวกับเพื่อให้แน่ใจอะไรบางอย่าง
ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเหยียนกลับเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนสดใสอีก พูดกับหลินชิ่นเอ๋อด้วยเสียงอ่อนโยนว่า:“โอ้ย พี่หลินนี่คุณถูกฉันทำจนตกใจแล้วเหรอ ดูท่าตอนที่ฉันดุนี่ดูน่ากลัวมากสินะ”
“ห๊ะ หมายความว่าไง”
“เมื่อกี้แค่ล้อเล่นกับพี่หลินเท่านั้นเอง คิดไม่ถึงว่าจะทำให้พี่หลินตื่นตกใจ พี่หลินพี่อย่าโกรธเลยนะ ฉันต้องขอโทษพี่ด้วย”
หลินชิ่นเอ๋อ:“……”
ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่
“ใช่แล้วพี่หลิน แปรงสีฟันกับโฟมล้างหน้าของฉันล่ะ ทำไมคุณมามือเปล่าแบบนี้ละคะ ไม่ใช่บอกว่าจะช่วยเอามาให้ฉันเหรอ”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าเสี่ยวเหยียนผิดหวังเล็กน้อย“รู้อย่างนี้แต่แรกฉันไปด้วยตัวเองแล้ว”
หลินชิ่นเอ๋อตั้งสติกลับมาได้ แม้จะไม่รู้ว่าการกระทำของเสี่ยวเหยียนนั้นอันไหนจริงอันไหนหลอก แต่ในเมื่อเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นตนเองก็ต้องแสร้งทำเป็นเล่นละครต่อไป
ต่อให้เสแสร้งไปไม่ได้แล้วเธอก็จะไม่ยอมให้ถูกจับได้ เธอต้องรักษาเอาไว้ให้ดี
“อ้อ พอคุณพูดถึงฉันก็นึกออกทันที น้องเสี่ยวเหยียนที่คุณบอกว่าแปรงสีฟันและโฟมล้างหน้าฉันหาไม่เจอเลยนะ คุณจำผิดหรือเปล่า ถ้าหาไม่เจอจริงๆ ฉันเข้าไปช่วยคุณหา อาจจะตกหล่นอยู่ในกระเป๋าเดินทาง”
พูดจบหลินชิ่นเอ๋อก้าวมาด้านหน้าอยากจะเข้าไป ใครจะไปรู้ว่าเสี่ยวเหยียนกลับมาขวางเธอเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า:“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่หลิน แปรงสีฟันความจริงถ้าหาไม่เจอ ฉันก็ใช้ของหานชิงก็ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเอาโฟมล้างหน้ามาด้วย ฉันใช้ของเขาก่อนก็ได้ค่ะ”
หลินชิ่นเอ๋อ:“ใช้ของเขาก่อนเหรอ ใช้แปรงสีฟันร่วมกัน มันไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไหร่นะ”
“อ้อ ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไหร่”เสี่ยวเหยียนลูบคางทำท่าคิดพิจารณาอย่างจริงจังจากนั้นก็พูดว่า:“แต่ว่าฉันกับเขาเป็นแฟนกัน ใช้ด้วยกันครั้งเดียวไม่น่าจะเป็นอะไรนะคะ รอตอนบ่ายค่อยออกไปซื้ออันใหม่สักอันก็ได้”
คำพูดนี้ก็พอจะหลินชิ่นเอ๋อจะพูดอะไรได้อีก
“ลำบากพี่หลินเสียเวลามาเลยนะคะ อย่างนั้นฉันไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะคะ บ๊ายบาย”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนไม่รอให้หลินชิ่นเอ๋อได้ตั้งตัว รีบปิดประตูห้องของโรงแรมทันที
หลินชิ่นเอ๋อยังคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่ประตูกลับถูกปิดเสียงดังปังแล้ว โกรธจนเธอเกือบจะร้องกรี๊ดออกมา
หลังจากเสี่ยวเหยียนปิดประตูแล้ว พิงประตูพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อครู่การแสดงออกของเธอและท่าทางเกรี้ยวกราดดุดันนั้นดูเหมือนว่ายังใช้ได้ ตอนแรกที่เห็นหลินชิ่นเอ๋อถูกทำให้ตกใจ รู้สึกสะใจจริงๆ
คงจะคิดไม่ถึงว่าเธอก็มีมุมแบบนี้อยู่ด้วย
แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้เลิกคิดว่าตัวเองอ่อนแอ!
แม้ว่าตอนนี้หลินชิ่นเอ๋ออาจจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่เห็นชัดเจน แต่เมื่อคืนการเข้าใกล้ตีสนิทอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามนั้นเสี่ยวเหยียนยังจำได้อยู่จนถึงตอนนี้
ตอนที่เห็นผู้หญิงอื่นพยายามเข้าหาหานชิง ในใจเสี่ยวเหยียนรู้สึกไม่สบายใจขนาดไหน
“ตอนนี้สบายใจแล้ว”
เสียงของหานชิงดังขึ้นมาจากด้านหลัง เสี่ยวเหยียนตกใจรีบหันมา เสียงดังปึง กระแทกเข้ากับคางของหานชิง
“อื้อ……”
หานชิงถูกชนเข้าก็ส่งเสียงร้องขึ้นแล้วถอยไปด้านหลังครึ่งก้าว ชนเข้าอย่างแรง และยังเป็นจุดที่ยากแก่การป้องกัน
เสี่ยวเหยียนเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไหร่ เธอไม่เพียงชนจนคางของหานชิงเจ็บ หน้าผากของตัวเองก็ชนจนเจ็บเช่นกัน ไม่กี่วินาทีหน้าผากขาวเนียนก็เป็นรอยจ้ำสีแดง
“เจ็บจัง”เสี่ยวเหยียนกุมหน้าผากตัวเองเอาไว้ แววตาน่าสงสารมองไปยังหานชิงอย่างตำหนิเขา
เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ หานชิงจะยังกล้าไปตำหนิเธอได้ยังไง ได้แต่เพิกเฉยความเจ็บที่คางไปก้าวไปข้างหน้าเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า:“ชนเจ็บแล้ว โทษผมเอง ขอผมดูหน่อย”
หานชิงก้าวมาข้างหน้าช่วยเธอดูรอยแดงตรงที่ถูกกระแทก เป่าเบาๆ นวดให้เธออีก ท่ามกลางการดูแลอย่างอ่อนโยนนี้ เสี่ยวเหยียนค่อยๆเงยหน้าขึ้น:“นี่……คุณรู้สึกว่าฉันทำอย่างนี้เป็นหาเรื่องอย่างไร้เหตุผลหรือเปล่า”
“หาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผลเหรอ”มือของหานชิงชะงักเล็กน้อย เขามองดวงตาของเสี่ยวเหยียน เขยิบเข้าไปใกล้เธอ ลมหายใจร้อนผ่าวรดบนใบหน้าเธอ
“อะไรที่เรียกว่าหาเรื่องอย่างไร้เหตุผล คุณอยากทำอะไรก็ทำ ในเมื่อผมเป็นแฟนคุณ ต่อให้คุณหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ผมก็ให้อภัยคุณได้”
หลังจากที่คบหากัน เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกได้ว่าความอดทนที่เขามีต่อเธอนั้นยิ่งใหญ่มาก หลายเรื่องที่แม้ว่าเธอคิดว่าตัวเองทำไม่ถูก ทุกครั้งหานชิงก็ไม่เคยใส่อารมณ์กับเธอเลย และก็ไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจเธอเลย คนอย่างเขาเมื่อได้คบหากันแล้วเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด
แต่ก็เพราะอย่างนี้ จึงทำให้เธอเกิดความไม่สบายใจอยู่ลึกๆภายในใจ
เสี่ยวเหยียนยื่นมือออกมากอดเอวของหานชิงเอาไว้แน่น ถามคำถามหนึ่งเบาๆในใจ:“อย่างนั้นคุณจะให้อภัยฉันตลอดไปได้หรือเปล่า”
แน่นอนว่า เธอกล้าแค่ถามในใจเท่านั้น
ตอนบ่าย ในที่สุดพนักงานของบริษัททัวร์ก็มา เขายิ้มอย่างเขินๆ:“คุณหาน คุณนายหาน เพราะว่าเสียเวลาในช่วงเช้าไป ดังนั้นพวกเราจึงยังเหลือเวลาช่วงบ่ายและช่วงค่ำ พวกเราจึงขอแก้ไขตารางการท่องเที่ยว พร้อมกับทำแผนการท่องเที่ยวมาให้หลายแบบ เชิญทั้งสองท่านดูว่าพอใจหรือไม่”
พูดจบ พนักงานก็ส่งตารางโปรแกรมให้กับหานชิง หลังจากที่หานชิงรับมายังไม่ทันได้ดูก็ส่งให้เสี่ยวเหยียน เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า:“ลองดูสิว่าพอใจมั้ย”
เสี่ยวเหยียนตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหานชิงยังไม่ทันดูก็ส่งให้ตัวเอง แบบนี้ให้ความรู้สึกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจ
“อ้อ ฉันลองดูก่อน…