บทที่ 1229 ไปนัดบอดอย่างเชื่อฟัง
คุณแม่เจียงได้ยินดังนั้นก็ขึ้นเสียง: “ทำไมจะไม่ได้เหรอ??มันไม่ได้อยู่แล้วไงล่ะ!!!”
เสียงแหลมนั้นเสียดหูยิ่งนัก เจียงเสี่ยวไป๋เลยเอามือปิดหู
“คุณนายตู้ ระวังภาพลักษณ์หน่อย!”
คุณแม่เจียงเลยสงบสติอารมณ์ ก่อนจะยื่นมือมาจับหน้าของตัวเอง พลางพูดออกมาว่า: “เป็นเพราะลูกทั้งนั้นเลย ทำให้ภาพลักษณ์ของฉันพังหมด”
“โถ่ ถ้าแม่ไม่โกรธก็ไม่เสียภาพลักษณ์หรอก อีกอย่างฉันพูดถูกนะ เพราะปกติฉันก็แต่งตัวแบบนี้ จะไปนัดบอดก็ต้องเป็นตัวของตัวเองหน่อย ถ้าเกิดว่าแต่งหน้าแต่งตามากเกินไป สุดท้ายแต่งงานแล้วสภาพดูไม่ได้ เขาจะไม่ตกใจจนอยากจะหย่าเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ คุณแม่เจียงโกรธมากจนอยากจะกลอกตามองบน แต่ก็อดทนเอาไว้ เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อย และเป็นผู้หญิงที่ใส่ใจภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก
แต่เมื่อได้เจอลูกสาวของตัวเอง คุณแม่เจียงก็พังภาพลักษณ์ที่น่าภาคภูมิออกทั้งหมด
“แม่ ฉันพูดถูกมากเลยใช่ไหมล่ะ?คุณดูสิ ถ้าเกิดว่าฉันไปด้วยสภาพแบบนี้ อีกฝ่ายชอบฉันจริงๆ ก็ถือว่าเขาชอบในตัวฉันจริงๆ แต่ถ้าเกิดว่าฉันแต่งหน้าแต่งตาไป แล้วเขาชอบฉันแบบที่ไม่ใช่ตัวฉันจริงๆ แม่ คุณหวังว่าจะหาคนที่ชอบลูกสาวของคุณแบบจริงใจหรือว่าชอบรูปลักษณ์ภายนอกของฉัน?”
“……” คุณแม่เจียงมองเจียงเสี่ยวไป๋ ก่อนจะขำเย้ยหยันเบาๆ พลางพูดว่า: “พูดเหมือนจะมีเหตุผล อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณมีแผนอะไร คุณคงอยากจะทำให้ผู้ชายเขาตกใจจนหนีไปใช่ไหม?โดยปกติแต่งตัวหน่อยก็ไม่ได้ทำให้เขาคุ้นตาสักเท่าไหร่ แกเป็นลูกสาวของฉันนะ เลยต้องดูมีความมั่นใจหน่อย”
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจด้วยความปวดใจ “ผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ต่างชอบผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความสวยความงามกันทั้งนั้น เป็นลูกก็ได้รับเลือดมาเต็มๆ แต่เนื้อหนังมันไม่จีรังยั่งยืน แม่ ในตอนแรกที่คุณแต่งงานกับพ่อของฉัน ไม่ใช่เพราะว่าเขาคือคนเดียวที่ไม่ได้ชอบแม่เพราะความสวยงามหรอกเหรอ?”
คุณแม่เจียง: “……”
เมื่อพูดถึงพ่อของเสี่ยวไป๋ ตู้เซียวหยู่ที่กำลังโกรธเมื่อคิดถึงตอนสาวๆ ว่าเธอนั้นดีงามขนาดไหน มีผู้ชายมากหน้าหลายตาต่อคิวมาจีบเธอ สุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ?พ่อของเสี่ยวไป๋นั้นเป็นเหมือนหนอนหนังสือ ตอนที่เพื่อนถามเขาว่าเธอสวยไหม เขากลับจับหัวของตัวเองพลางพูดว่าพอใช้ได้
พอใช้ได้งั้นเหรอ?
ตอนแรกตู้เซียวหยู่เป็นดาวโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ ในสายตาของพ่อเสี่ยวไป๋นั้นกลับแต่พอใช้ได้งั้นเหรอ?แต่ว่าตัวเธอเอง ก็ชอบคนที่ทึ่มๆ แบบนี้อยู่แล้ว เพราะคนทึ่มๆ คนนี้นี่แหละที่ฝ่าฝนมาหาเธอตอนเที่ยงคืน เพียงเพื่อเอาร่มมาให้เธอ พอเอาร่มมาให้เสร็จก็ฝ่าฝนกลับไป
เป็นครั้งแรกเลย ที่ตู้เซียวหยู่รู้สึกซึ่งใจ จากนั้นทั้งสองคนเลยคบกัน
หลังจากนั้นตู้เซียวหยู่ก็ถามนายทึ่มที่เป็นพ่อของเจียงเสี่ยวไป๋ ว่าตอนแรกทำไมถึงได้เอาร่มมาให้ตัวเอง เป็นเพราะชอบหรือเปล่า?
แต่พ่อของเจียงเสี่ยวไป๋กลับบอกว่าไม่ใช่ แต่เป็นเพราะคิดว่าเธอผู้หญิงตัวคนเดียวแถมไม่มีร่มอีก มันดูน่าสงสาร ดังนั้นเลย……
ตู้เซียวหยู่โกรธมาก จนตอนแรกเกือบจะเลิกอยู่แล้ว เพราะเธอพบว่าตัวเองนั้นคิดไปเอง มีคนจีบเธอตั้งมากมายเท่าไหร่กัน?ทำไมถึงมาคบกับคนที่ไม่ได้ชอบเธอด้วย?
ยังดีที่สุดท้ายนายทึ่มนั่น ยอมง้อเธอเพื่อให้กลับมาคืนดี บอกว่ามันเป็นความรักแบบเทิดทูนต่างหากล่ะ
เรื่องนี้เจียงเสี่ยวไป๋พูดได้อย่างเต็มปาก สุดท้ายเลยเอามาเขียนเป็นเรื่องสั้นได้เลย สุดท้ายยอดขายก็เป็นไปได้ดี
“ถ้าได้เจอผู้ชายที่รักและทะนุถนอมอย่างพ่อของฉัน ผู้ชายที่ตากฝนเอาร่มไปให้โดยไม่มีเจตนาอื่นๆ คงจะหาจากโลกใบนี้ไม่ได้อีกแล้วล่ะ”
“……”
คุณแม่เจียงโกรธสุดขีด เพราะเธอคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดถูก เธอเลยไม่มีทางจะโต้แย้งอะไรได้
ถึงอย่างไรก็แต่งงานมานานขนาดนี้แล้ว คุณแม่เจียงนั้นได้รับความรักเป็นอย่างมาก ไม่ต้องทำงานอะไรเลยสักอย่าง แค่แต่งสวยไปวันๆ ก็ได้แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋รู้ว่าจูงใจคุณแม่เจียงได้แล้ว เลยยิ้มหยีตาพลางคล้องแขนเธอ: “แม่ ฉันอยากหาผู้ชายที่เหมือนกับพ่อให้ได้ คนที่ชอบจริงๆ คนที่ไม่สนใจรูปร่างหน้าตาคุณ ดังนั้นฉันเลยแต่งตัวปกติมาก มันก็ไม่ผิดอะไร ใช่ไหมล่ะ?”
“หึๆ ” คุณแม่เจียงหัวเราะเย้ย: “อย่าคิดว่าพูดถึงพ่อแล้วฉันจะยอมนะ คุณกลับเข้าไปแต่งหน้าแต่งตาในห้องเลย ถ้าวันนี้ไม่แต่งหน้าแต่งตัว ก็ไม่ต้องคิดจะกลับไปอีกเลยเป็นเวลาเดือนครึ่ง”
เจียงเสี่ยวไป๋: “……”
หลังจากนั้นสักพัก เจียงเสี่ยวไป๋ถูกดันเข้าไปในห้อง
ห้องนั้นคุณแม่เจียงเป็นคนเตรียมให้เธอ มีของมากมายที่เจียงเสี่ยวไป๋คุ้นเคย ทั้งกระโปรงสีสันสดใส รองเท้าส้นสูงที่เหมือนจะโปร่งใส แถมยังมีลิปสติกหลายสีอีกด้วย
ดูๆ ไปแล้วคุณแม่เจียงเตรียมเอาไว้ให้อย่างดี
เพื่อให้เธอไปนัดบอด ถือว่าพยายามเป็นอย่างมาก
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้รีบร้อนอะไร เลยนอนลงพลางเอาโทรศัพท์มาส่งข้อความหาเพื่อสนิทของตัวเองชื่อฟางถังถัง
หลังจากที่ฟางถังถังรู้ว่าเธอถูกบอกให้กลับบ้านเพื่อไปนัดบอด ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างหนัก
“เจียงเสี่ยวไป๋ คุณเองก็มีวันนี้เหรอเนี่ย ฮ่าๆ กลับไปนัดบอดอย่างนั้นเหรอ?คุณไม่ยอมหาแฟนสักที ตอนนี้เป็นไงล่ะ?ถูกจับไปนัดบอดแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ทำหน้าขมขื่น: “คุณยังยิ้มอีกเหรอ?เชื่อไหมล่ะ ถ้าครั้งหน้าคุณไปหาผู้ชายหล่อๆ ฉันจะไม่ไปด้วยแล้ว?”
ฟางถังถังพูดอย่างจริงจัง: “เสี่ยวไป๋คุณน่าสงสารจังเลย ทำไมป้าทำแบบนี้ล่ะ?แฟนน่ะ จะมีหรือไม่มีก็ได้ไม่ใช่เหรอ คุณไม่อยากหาแฟนก็ไม่ควรบังคับกันถึงจะถูก”
เจียงเสี่ยวไป๋: “……”
“ตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?เธอให้ฉันแต่งหน้า ไม่งั้นก็ไม่ให้ฉันกลับบ้าน จะขังฉันอยู่บ้านกับแม่ไปอีกครึ่งเดือน”
“ครึ่งเดือนก็ครึ่งเดือนสิ อยู่บ้างก็มีคนทำกับข้าวให้คุณกิน คุณก็แค่กินๆ นอนๆ มีปัญหาอะไรล่ะ?”
“มีปัญหาอะไรเหรอ?คุณคิดว่าฉันเป็นพวกไม่เที่ยวเหรอ?ไม่ต้องเขียนบทเหรอ?” เจียงเสี่ยวไป๋ตะโกนอย่างหมดความอดทน
“ก็จริง……ถ้าอย่างนั้น……คุณก็ไปนัดบอดสิ?”
“อะไรนะ?”
“หึๆ นอกจากไปนัดบอดแล้วคุณยังมีตัวเลือกอื่นอีกนะ คือการหาแฟนตัวปลอมมาอย่างไรล่ะ พาไปเจอแม่หน่อย จากนี้จะได้ไม่บังคับให้คุณไปนัดบอดแล้วไงล่ะ?”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา
“นี่มันความคิดอะไรกันแน่เนี่ย?คุณเชื่อไหมว่าถ้าฉันพาแฟนไปเจอเธอได้ เธอก็จะต้องบังคับให้ฉันแต่งงาน?”
ฟางถังถัง: “คุณป้าน่ากลัวจังเลย”
“ฉันเองก็ว่าเธอน่ากลัวไปหน่อย เห็นอยู่ว่าเธอเองนั้นรักอิสระมากแค่ไหน แต่มาที่นี่สักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?หรือว่าเพราะฉันแก่แล้ว?ฉันยังเป็นสาวน้อยอู่เลยด้วยซ้ำ!”
“ชิ——อย่าพูดเข้าข้างตัวเองอีกได้มั๊ย ?คุณยังเป็นสาวน้อยอยู่เหรอ?เกือบจะอายุสามสิบแล้วนะ!”
“……อย่ามาพูดความจริงนะ รีบมาช่วยฉันเถอะ ฉันไม่อยากโดนขังอยู่ในบ้านครึ่งเดือน”
“จะให้ช่วยอย่างไร?ตอนนี้คุณมีแค่สองทางเลือกนะ ถ้าไม่ไปนัดบอดอย่างเชื่อฟัง ก็บอกแม่ไปว่ามีแฟนแล้ว”
“ฟางถังถังกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?ทำไมฉันจะต้องไปนัดบอดอย่างเชื่อฟังด้วยล่ะ?แล้วความคิดอีกอย่างนี่มันอะไรกันเนี่ย?บอกแม่ฉันว่ามีแฟนแล้วงั้นเหรอ?ฉันไม่ได้มีแฟนสักคนเลยด้วยซ้ำ?