แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 1282 ถ้าไม่สุดโต่งขนาดนั้น ก็คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอก
ตู้เซียวหยู่รู้ว่าลูกสาวของตัวเองเหมือนกับตัวเอง เป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมเสียเปรียบ
แต่ว่าเธอก็รู้ด้วยเช่นกันว่า เสี่ยวไป๋รู้จักกาลเทศะต่อหน้าผู้อาวุโส ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ทำมากเกินไปเธอก็มักจะไม่มีการตอบโต้ เฉยเมยใส่มาโดยตลอด
ใช่ ไม่ผิด คุณพูดถูกหมด
แล้วทำไมวันนี้ถึงตอกกลับคนอย่างกะทันหันล่ะ?
แต่ว่าไม่นานตู้เซียวหยู่ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามลูกสาวของเธอทำเรื่องอะไรเธอก็สนับสนุนหมด ตอกกลับคนก็ยิ่งดี เพื่อลดการที่สองแม่ลูกไม่รู้ว่าความไร้ยางอายคืออะไร ไม่มีเรื่องอะไรทำก็มาทำให้พวกเธอไม่สบายใจ
หลังจากคุณป้ารองมีปฏิกิริยาตอบกลับมา ก็รีบมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างไม่พอใจโดยทันที และพูดว่า “เสี่ยวไป๋ เธอพูดว่าอย่างไรนะ”
เจียงเหมยก็กลับมามีสติด้วยเช่นกัน สีหน้าใบหน้าของเธอรับไม่ได้เล็กน้อย “ใช่เสี่ยวไป๋ เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?”
เจียงเสี่ยวไป๋อมยิ้มเล็กน้อย และดึงแขนของตัวเองที่ถูกหล่อนคล้องไว้ในแขนนั้นออก “หมายความว่าตอบกลับตามมารยาท เจียงเหมย ฉันกำลังชมว่าเธอมีฝีปากที่เก่ง นี่เธอยังฟังไม่ออกอีกเหรอ?”
“เจียงเสี่ยวไป๋ เธอชมว่าฉันมีฝีปากดีตรงไหน เธอกำลังพูดว่าฉันอย่างชัดเจน ทำไมเธอถึงทำแบบนี้?”
เมื่อเทียบกับความกระหืดกระหอบของเจียงเหมย เจียงเสี่ยวไป๋กลับสงบและผ่อนคลาย
“ ว่าเธอแล้วทำไมเหรอ?ก็เธอพูดคำพวกนั้น ฉันไม่ได้ด่าเธอก็ถือว่าเบาแล้ว”
“แก!”
คุณป้ารองมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างไม่อยากจะไม่เชื่อ “เสี่ยวไป๋ ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ?เมื่อก่อนเธอยังมีมารยาทอยู่นิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติผู้ดีสักนิดเลยจริงๆ ทำงานหาเงินไม่ได้ก็มากเกินไปแล้ว เธอตอนนี้ยังไม่มีเหตุผลอีก เซียวหยู่ เธอกับเหย็นเคอเป็นอะไรกันไปหมด พวกเธอสอนลูกแบบนี้กันเหรอ?”
ตู้เซียวหยู่ถูกพูดถึง ก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันว่านะพี่สะใภ้รอง ถ้าคุณมีเวลาว่างเพื่อมาพูดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกของฉันเนี่ย ยังไม่ดีเท่ากับการที่ไปดูเจียงเหมยให้มากซะอีก? ตั้งแต่ที่พบกันจนถึงตอนนี้ ขนาดเรียกฉันว่าน้าสะใภ้สามสักคำก็ไม่มี อย่างไรก็ตามเสี่ยวไป๋ของพวกเราก็เรียกคุณว่าคุณป้ารอง ถ้าพูดถึงไม่ได้การสั่งสอน ก็กลัวว่าเมื่อคุณเทียบกับฉันถ้าไม่สุดโต่งขนาดนั้น ก็คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอก?”
ปากของสองแม่ลูกล้วนแต่เก่งทั้งคู่ เพียงแค่อยากอยู่เงียบขี้เกียจที่จะตอกกลับคนเท่านั้นเอง แต่ว่าคำพูดที่ตอกกลับคนนั้น จะไม่เหลือทางหนีทีไล่และการให้เกียรติและไมตรีจิตต่อฝ่ายตรงข้ามอีก
เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ คุณป้ารองและเจียงเหมยถูกตู้เซียวหยู่ตอกกลับจนพูดไม่ออก สีหน้าของทั้งสองโกรธจนเป็นสีเขียวและขาวซีด ความโมโหเพิ่มมากขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลดปล่อยในหัวใจอย่างเงียบๆ
ฮ่าฮ่า ใครใช้ให้ปากพวกหล่อนดีกันละ ชอบพูดข้อดีข้อเสียคนมากขนาดนั้น และชอบทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ก็เลยให้พวกเรารู้ว่าการไม่สบายใจมีรสชาติเป็นอย่างไร
กลิ่นดินปืน(บรรยากาศการปะทะกัน)เต็มที่นี่ไปหมด ทางนั้นก็มีคนอีกกลุ่มเดินเข้ามา เป็นคุณป้าใหญ่ที่พาลูกชายหลายๆคนของเธอมาอย่างรีบร้อน คราวนี้พอลงจากรถก็จะเห็นว่าอีกสองห้องอยู่ติดกัน อดไม่ได้ที่จะยิ้มบนใบหน้าออกมา
“น้องสะใภ้รอง น้องสะใภ้สาม ทำไมพวกเธอถึงยืนกันอยู่ตรงนี้ละ ทำไมไม่เข้าไปละ?”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเล็กน้อย เรียกคุณป้าใหญ่ก่อน เพราะว่าเมื่อสักครู่เจียงเหมยเพิ่งถูกสั่งสอนไป ตอนนี้เลยเรียกไปหนึ่งคำว่าคุณป้าใหญ่ตามอย่างไม่เต็มใจ
คุณป้าใหญ่ตอบรับหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า “ไปกันเถอะ พวกเราทุกคนเข้าไปด้วยกันเถอะ วันนี้ทุกคนมากันหมด คุณแม่จะต้องดีใจมากแน่ๆ”
มือซ้ายของคุณป้าใหญ่จับมือคุณป้ารอง และมือขวาจับมือของตู้เซียวหยู่ เจียงเสี่ยวไป๋ทำได้เพียงเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างชะลอความเร็วฝีเท้าของตัวเอง
ส่วนลูกชายทั้งสามคนที่เกิดจากคุณป้าใหญ่ ลูกชายทั้งสาวคนมีนิสัยที่แตกต่างกัน คนเล็กเอ้อระเหยลอยชาย เขาและเจียงเสี่ยวไป๋ชะลอความเร็วของฝีเท้าลง จากนั้นก็เดินไปกับเธอ
“เสี่ยวไป๋ ได้ยินมาว่าตอนนี้เธอทำงานฟรีแลนซ์ ไม่ต้องทำงานตามเวลาทุกๆวัน ชิลล์มากใช่ไหม?”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาหนึ่งครั้ง และยิ้ม “ก็พอได้ ไม่ได้ชิลล์อะไรหรอก นายอยากจะลองสักหน่อยก็ได้นะ”
“งั้นก็ช่างมันไปเถอะ ฉันแค่มองเห็นตัวหนังสือก็ปวดหัวแล้ว เฮ้อ ตอนนี้พวกเราโตกันหมดแล้วยัยเด็กคนนี้อย่างเธอเมื่อก่อนสูงแค่ครึ่งหนึ่งตรงนี้ของฉัน คิดไม่ถึงว่าหลายปีมานี้ เธอก็เป็นสาวใหญ่แล้ว มีแฟนหรือยังล่ะ? เตรียมตัวจะแต่งงานเมื่อไหร่?”
คำถามที่คุ้นเคยเหล่านี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกปวดศีรษะอย่างกะทันหัน ในตอนที่เขากำลังจะถามประโยคถัดไปนั้นก็รีบแย่งพูดไปว่า “หยุดก่อน ฉันว่านะพี่โย่ว พี่ก็อายุมากกว่าฉันเพียงไม่กี่ปีเอง ไม่ต้องถามคำถามอะไรที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ไหม? พี่ไม่รู้ว่าตอนที่ฉันได้ยินคำถามพวกนี้ของพี่ จะรู้สึกอย่างไร? ฉันคิดว่าพี่น่าจะเข้าใจดีถึงจะถูก ”
พี่โย่วในปากที่เธอเรียกก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “น้องเสี่ยวไป๋ ก็เพราะว่ารู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร ถึงได้ถามไปไง”
เจียงเสี่ยวไป๋ “… ”
“ถามจริงจัง มีแฟนแล้วหรือยัง?”
เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึง เซียวซู่ และคิดถึงว่าเขาเป็นเพียงแค่แฟนปลอมๆของตัวเองเท่านั้น เม้มริมฝีปากและพูดว่า “ไม่มีใครเอา”
“ เป็นไปได้อย่างไร?น้องเสี่ยวไป๋ของพวกเราสวยและโดดเด่นขนาดนี้ ผู้ชายพวกนั้นตาบอดไปแล้วเหรอ?ให้พี่แนะนำคนให้เธอรู้จักบ้างเอาไหม?”
“อย่า อย่า อย่า” เจียงเสี่ยวไป๋รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “แนะนำก็ไม่จำเป็นแล้ว”
“เธอยัยเด็กคนนี้นี่ ยังกล้ามาบอกว่าตัวเองไม่มีใครเอา พี่ว่าเธอเองต่างหากที่ไม่หาใช่ไหม?”
ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะ เดินตามเข้าไปอยู่ตลอดทาง
แต่เจียงเหมยโกรธมาตลอดทาง เธอมองกลับไปที่เจียงเสี่ยวไป๋เป็นครั้งคราว จากนั้นก็หันหน้ากลับไปด้วยความโมโห
เธอโกรธมากจริงๆ ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนปากแหลมคมขนาดนี้ พูดจาไม่น่าฟังขนาดนั้นแล้ว?
แต่ว่าเธอก็ภาคภูมิใจได้แค่ตอนนี้ อีกสักพักหนึ่งไปเจอคุณย่า ดูสิว่าเธอจะยังเป็นแบบนี้ได้หรือเปล่า ถ้าหากเธอกล้าที่ต่อปากต่อคำ กับตัวเธอเองต่อหน้าคุณย่า เจียงเหมยก็จะฟ้องเธออย่างรุนแรงสักครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ความคิดในตอนนี้ของเจียงเหมยเลยสักนิด หลังจากเข้าไปในงานวันเกิดแล้วนั้น พวกผู้ใหญ่ก็ไปช่วยงานแล้ว และรุ่นหลานอย่างพวกเธอทำได้เพียงหาที่ให้ตัวเองอยู่เท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าที่นี่ค่อนข้างร้อนเล็กน้อยจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงหันตัวเดินออกไปหายใจ รอให้ค่ำอีกสักหน่อยแล้วค่อยกลับเข้าไปอีกครั้งก็ได้แล้ว
เมื่อเธอออกไปข้างนอกก็ทำได้เพียงแค่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพราะรู้สึกเบื่อ เมื่อเธอกำลังจะส่งข้อความไปหาฟางถังถังนั้น สุดท้ายเธอก็มองเห็นชื่อของเซียวซู่
แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ เฮ้อ ถ้าหากเขาเต็มใจที่จะมาสถานที่แบบนี้กับเธอก็คงจะดีน่าเสียดาย……
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะ และโทรศัพท์หา ฟางถังถัง โดยตรง
จากนั้นเธอก็พิงหน้าต่างคุยกับฟางถังถังอยู่ที่นั่น
ตอนที่พูดถึงชุดกระโปรงตัวนี้บนร่างกายของเธอ ฟางถังถังก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“เฮ้ย สายตาของหล่อนมีไว้ประดับตกแต่งเหรอ?คิดไม่ถึงว่าจะบอกว่าเธอเสื้อชุดตัวนี้มาจากAppเป่าอะไรสักอย่าง สมมุติมองไม่ออกว่าเสื้อผ้าออกแบบมาจากอะไร ก็ควรที่จะมองเสื้อผ้าแล้วมีความรู้บ้างเล็กน้อยสิ วัสดุดีๆแบบนี้ยังมองไม่ออก ตาบอดแล้ว ตาบอดแล้ว เสี่ยวไป๋ รีบช่วยบอกญาติคนนั้นของเธอให้ฉันที ถ้าไม่ใช้ดวงตาก็สามารถบริจาคให้กับคนที่ต้องการได้ ”
เมื่อได้ยิน เจียงเสี่ยวไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเสียง “เดาว่าเธอคงไม่เต็มใจที่จะบริจาคหรอกถึงอย่างไรก็ตามยังมีดวงตาไว้เพื่อมองฉันอยู่ เพื่อที่จะได้วิ่งตามฉันทันไง”
“เสี่ยวไป๋ของพวกเราเก่งขนาดนี้ ยังต้องกลัวว่าหล่อนจะวิ่งตามเธออีกเหรอ?ใช่สิ เธอไม่ได้พา เซียวซู่ไปด้วยเหรอ?”
เมื่อพูดถึงเซียวซู่ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เงียบไปสักพัก
“จะพาเขามาทำไม สถานที่แบบนี้ดูผืนๆเหมือนจะสงบสุข แต่จริงๆแล้วมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งเต็มไปหมด ใครจะอยากมาสถานที่แบบนี้กันละ?
นอกจากนี้ เขาและฉันไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆตั้งแต่แรก ให้เขามารับการเบียดเบียนเป็นเพื่อนฉันน่ะเหรอ แบบนี้ก็ไม่ค่อยดีหรอกนะ ”
ฟางถังถัง “พูดแบบนี้มันก็จริงนะ …