เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1463อวยกันไปมา
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่เพิ่งจะเจอพ่อแม่ของเซียวซู่เป็นครั้งแรก เพราะปกติคุยวีแชทกับแม่ของเขาอยู่เป็นประจำ แม่ของเขาดีกับตัวเองมาก ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด
ดังนั้นสำหรับเรื่องที่ครั้งนี้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายเจอกัน เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด
เพราะสำหรับเธอแล้ว คนพวกนี้ล้วนเป็นคนกันเอง
แต่เซียวซู่ก็ไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับพ่อแม่ตัวเองทุกวันเหมือนเจียงเสี่ยวไป๋ กับคนในครอบครัวของเจียงเสี่ยวไป๋ก็เคยเจอกันแค่ครั้งสองครั้ง ครั้งนี้เจอกันอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ภายนอกเขาดูไม่ออก แต่แท้จริงแล้วรู้สึกตื่นเต้นและอึดอัดนิดหน่อย
ห้องVIPในโรงแรม
พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันอย่างคึกคักเร่าร้อน
นิสัยของตู้เซียวหยู่กับเหลียงหย่าเหอคล้ายคลึงกันมาก ต่างก็มีนิสัยชอบพูดคุย อีกอย่างผู้หญิงทั้งสองคนยังรักสวยรักงามมาก และเป็นคนยอมทุ่มมาก แค่เจอหน้ากันก็ซื้อของขวัญให้ฝ่ายตรงข้ามแล้ว
ตู้เซียวหยู่เอากำไลหยกที่ตัวเองซ่อนไว้หลายปีออกมา เหลียงหย่าเหอก็เอาหยกแขวนชิ้นสุดท้ายที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษออกมา ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคนเข้าใจเรื่องหยก พอเห็นของที่ฝ่ายตรงข้ามเอาออกมา ก็รู้ความจริงใจของฝ่ายตรงข้ามทันที ดังนั้นก็เลยเข้ากันได้ดีมาก
ไม่นานทั้งสองก็นั่งพูดคุยอยู่ด้วยกัน ชายวัยกลางคนที่เหลือทั้งสองต่างก็มองหน้ากันไปมา
พ่อของเซียวซู่เซียวหมิงจื้อจับเคราใต้คางของตัวเอง จากนั้นได้เงยหน้ามองเจียงเหย็นเคอที่อยู่ข้างๆ“มาๆๆ ดื่มเหล้าครับ ดื่มเหล้า”
พ่อของเขาเป็นขี้เหล้า ชอบดื่มเหล้า อีกอย่างเขาในฐานะพ่อของฝ่ายชายต้องพูดคุยก่อนแน่นอน แต่เซียวหมิงจื้อเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง ไม่รู้จะพูดอะไร ดังนั้นได้แต่พูดกับฝ่ายตรงข้ามโดยการดื่มเหล้า
ที่จริงปกติเจียงเหย็นเคอไม่ค่อยชอบแตะเหล้า เพราะภรรยาของเขาไม่ค่อยชอบให้เขาดื่ม แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธ ไม่นานทั้งสองก็ได้ชนแก้วกัน
ผู้ชายน้อ พอดื่มเหล้าก็ถือว่ารู้จักกันแล้ว ดังนั้นต่อมาทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันอย่างคึกคักเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ส่วนแม่ทั้งสองของฝั่งนี้กลับพูดคุยกันถึงเรื่องแต่งงานแล้ว
“เซียวซู่เด็กคนนี้ ปกติเป็นคนแข็งทื่ออย่างกับท่อนไม้ เมื่อก่อนไม่เคยมีแฟนเลย ก็เอาใจผู้หญิงไม่ค่อยเป็น คุณตู้เซียวหยู่ต้องให้อภัยเขานะคะ ต่อไปฉันจะสั่งสอนเขาให้มากๆเองค่ะ!”
ตู้เซียวหยู่ผายมือ ใบหน้าประดับด้วยสีหน้าที่รังเกียจกว่าเหลียงหย่าเหอ:“นี่ดีออกไม่ใช่เหรอคะ? ไม่เคยมีแฟนเลยแสดงว่าให้ความสำคัญกับเรื่องงาน กลับเป็นเสี่ยวไป๋ลูกฉันน่ะสิคะ ข้อด้อยเพียบเลย วันๆเอาแต่อยู่หน้าจอคอม ก็ไม่รู้จักออกไปเดินเล่นรู้จักคนให้มากๆ แถมยังขี้เกียจจะแย่ ก็ไม่รู้เธอหาแฟนได้ยังไง”
“หนูเสี่ยวไป๋ดีมากเลยค่ะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก แถมยังเป็นเด็กดีเชื่อฟังมาก เซียวซู่ได้แต่งงานกับเสี่ยวไป๋ เป็นบุญกุศลที่บรรพบุรุษของเราได้สั่งสมมาเลยค่ะ”
ตู้เซียวหยู่สำรวจคำพูดและน้ำเสียงที่เหลียงหย่าเหอพูด ดูออกว่าเธอชอบเสี่ยวไป๋จากใจจริง ดูท่าพวกเธอคงสนิทสนมกันมากแล้ว
“คุณตู้เซียวหยู่ คุณมีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าคะ?”
“หืม?”
“คุณดูสิคะคุณดูแลตัวเองได้ดีขนาดนี้ ใบหน้าไม่มีริ้วรอยเลยสักนิด แต่ไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็นแม่ของเสี่ยวไป๋แล้ว ถ้าคุณบอกว่าเป็นพี่น้องกับเสี่ยวไป๋ ฉันก็จะไม่สงสัยสักนิดเลยค่ะ!”
“ที่ไหนกันคะ”ตู้เซียวหยู่ดีใจหัวเราะจนริ้วรอยตรงหางตาออกมาแล้ว“คุณดูสาวกว่าเยอะเลยค่ะ สาวๆอายุสิบกว่าก็ขาวใสสู้ผิวของคุณไม่ได้เลยค่ะ”
เหลียงหย่าเหอฟังแล้วก็ยิ้มแก้มปริตลอด
ผู้ชายวัยกลางคนทั้งสองที่อยู่ข้างๆได้ยินคำพูดนี้แล้ว หันหน้าพร้อมๆกันอย่างควบคุมไม่ได้ มองดูผู้หญิงสองคนที่หัวเราะจนมีริ้วรอยตรงหางตาอวยกันไปมา
จะทำยังไงได้ล่ะ?
ใครใช้ให้เป็นภรรยาของตัวเองล่ะ?
ระหว่างหัวเราะ เหลียงหย่าเหอก็พูดว่า:“คุณตู้เซียวหยู่คะ วันนี้เราเจอกัน ฉันก็ถามโดยตรงเลยนะคะ คุณว่างานแต่งของเสี่ยวไป๋กับเซียวซู่จะจัดเมื่อไหร่ดีคะ?”
ตอนแรกตู้เซียวหยู่นึกว่าเธอเรียกตัวเองคุณแม่ลูกสะใภ้คืออยากดึงความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกัน คิดไม่ถึงว่าเธอจะจริงจัง ตอนนี้ถามถึงเรื่องของงานแต่ง ตู้เซียวหยู่ค่อนข้างแปลกใจ“จัดงานแต่ง? คนหนุ่มสาวสมัยนี้ต่างก็ส่งเสริมการแต่งงานสาย จัดงานแต่งเร็วขนาดนี้ เด็กสองคนจะไม่เห็นด้วยหรือเปล่าคะ? มันเร็วเกินไปมั้ยคะ?”
เหลียงหย่าเหอยิ้มอย่างเมตตาและสุภาพอ่อนโยนมาก“ไม่เร็วค่ะไม่เร็ว ตอนนี้ปรึกษาเรื่องงานแต่ง แล้วหาฤกษ์รีบแต่งงาน ไม่งั้นถึงเวลาดูออกว่าเสี่ยวไป๋ท้องจะทำยังไงคะ?”
ตู้เซียวหยู่ได้ยินแล้วค่อนข้างตะลึงงัน“ดู ดูออกว่าท้อง?”
เธอไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมอยู่ดีๆก็ดูออกว่าท้อง?
หรือว่าเด็กสองคนนี้มีอะไรอย่างว่ากันแล้ว?
คิดถึงตรงนี้ ตู้เซียวหยู่สีหน้าเปลี่ยนทันที และลุกขึ้นมากะทันหัน
ท่าทางของเธอทำเอาคนอื่นๆที่อยู่ข้างกายตกใจหมด สายตาต่างก็หล่นอยู่ที่บนตัวเธอ เหลียงหย่าเหอยิ่งแล้วใหญ่สีหน้าแปลกใจ:“คุณตู้เซียวหยู่คะ เป็นอะไรไปคะ?”
ทีนี้ตู้เซียวหยู่ถึงดึงสติกลับมา รู้สึกตัวเองจะเสียมารยาทแบบนี้ไม่ได้ จึงได้สงบสติอารมณ์ลงมา ใบหน้าถึงประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนๆและนั่งลงอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรค่ะ จู่ๆนึกขึ้นมาได้ว่าลืมปิดแก๊สที่บ้านค่ะ แต่พอคิดอย่างละเอียดแล้ว รู้สึกเหมือนตอนที่ฉันออกจากบ้านได้ไปดูให้แน่ใจอยู่ น่าจะปิดแล้วค่ะ”
เหลียงหย่าเหอฟังแล้วได้พูดอย่างจริงจังทันที:“เรื่องแก๊สไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะคะ คราวหน้าคุณตู้เซียวหยู่ต้องระมัดระวังนะคะ แก๊สระเบิดอันตรายมากค่ะ”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ”
ตู้เซียวหยู่ฝืนยิ้มให้กับเธอ แต่ในใจกลับคิด เสี่ยวไป๋ยัยเด็กคนนี้ ทำละครให้เป็นเรื่องจริงถึงขั้นนี้เลย? หรือว่าเพราะเรื่องนี้เธอจึงเล่นละครให้เป็นจริง?
ไม่ได้ เดี๋ยวรอให้เธอมา เธอต้องถามเสี่ยวไป๋ดูดีๆว่านี่มันยังไงกันแน่!
ถึงแม้เธอที่เป็นแม่หวังอยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานมาก แต่ก็แต่งงานอย่างสับสนปนเปอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารัก งั้นก็อย่าแต่งเลยดีกว่า!
แต่เหลียงหย่าเหอไม่รู้ความคิดของตู้เซียวหยู่ ว่าที่ลูกสะใภ้และพ่อแม่ลูกสะใภ้เธอต่างก็ชอบมาก รู้สึกเซียวซู่สามารถได้แต่งงานกับเสี่ยวไป๋เป็นบุญวาสนาที่สั่งสมมาเป็นสิบชาติจริงๆ
ไม่นาน เซียวซู่กับเสี่ยวไป๋ก็ถึงแล้ว
ตอนที่ทั้งสองเข้ามา ทันใดนั้นผู้ใหญ่สี่คนที่อยู่ในห้องต่างก็มองไปที่คนๆเดียว เจียงเสี่ยวไป๋
ส่วนเซียวซู่ได้ถูกเพิกเฉยอยู่ข้างๆ
“เสี่ยวไป๋มาแล้วเหรอ”เหลียงหย่าเหอเห็นเสี่ยวไป๋ก็ได้ลุกขึ้นมาทันที ไปดึงมือเธออย่างเป็นมิตรไมตรี:“มาๆๆ นั่งข้างๆแม่ของหนูและน้าเร็ว”
ตู้เซียวหยู่ก็ลุกขึ้น แต่ว่าก็มาเรียกเสี่ยวไป๋เหมือนกัน แต่คิดไม่ถึงว่าเหลียงหย่าเหอจะดึงเสี่ยวไป๋ไป เธอจึงได้หยุดและหันมาดูเซียวซู่แว๊บนึง
เหมือนตอนที่เจอกันที่บ้านในครั้งก่อน ก็ยังเป็นใบหน้านั้นอีกเช่นเคย ใบหน้าก็ยังมีแผลๆนั้นอยู่อีกเช่นเคย สีหน้าดุเดือดรุนแรงจะแย่ ทรงพลานุภาพมาก
“สวัสดีครับ คุณป้า”
เซียวซู่พยักหน้าถามไถ่ตู้เซียวหยู่ จากนั้นได้หันไปที่เจียงเหย็นเคอต่อ:“สวัสดีครับ คุณลุง”
พ่อถามไถ่พ่อแม่ของเสี่ยวไป๋เสร็จ เซียวซู่ถึงมองไปทางพ่อแม่ตัวเอง:“พ่อครับ แม่ครับ”
“อืม นั่งตามสบายนะ”
ท่าทีที่เหลียงหย่าเหอมีต่อเซียวซู่เย็นชามาก แต่กับเสี่ยวไป๋นี่เห็นเธอเป็นสมบัติอันล้ำค่ายังไงอย่างงั้น
“เสี่ยวไป๋หนูลองดูเมนูว่าอยากทานอะไรนะ? มีอะไรที่ไม่ทานหรือเปล่าก็บอกน้าด้วย ให้พนักงานอย่าเสิร์ฟมา”