ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง – ตอนที่ 156-2 ซ่งซีเยวี่ย
เว่ยเซิ่งเซียนกล่าวอย่างตื่นตระหนก “คงไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง? แต่ไรมามีเพียงพี่ชายที่เป็นคนตัดสินเรื่องแต่งงานให้น้องสาว เหตุใดเรื่องแต่งงานของคุณชายเติ้งกลับเป็นคุณหนูเติ้งเป็นคนตัดสินใจเล่า?”
“ฉะนั้นจึงต้องไปทูลต่อพระสนมเอก เพื่อขอให้พระสนมเอกเป็นผู้ตัดสินใจอย่างไรเล่าเจ้าคะ” เว่ยฉางอิ๋งกล่าว “ท่านอาหญิงใหญ่และน้องหญิงทั้งสอง จำในวันออกเรือนของลูกผู้พี่รองบ้านซูได้หรือไม่เจ้าคะ มิใช่พระสนมเอกให้แม่นมเหยามาถวายพระพรหรือเจ้าคะ?”
เว่ยเซิ่งเซียนพลันสะท้านใจ มองดูบุตรสาวคนโตหนหนึ่ง แล้วว่า “มิน่าเล่าครั้งนั้นก็เพื่อ…?” จากนั้นก็เอ่ยปฏิเสธในทันใดว่า “คงไม่ถึงกับมาเพื่อนาง น่าจะเป็นเพราะให้เกียรติแม่เฒ่าเติ้งต่างหาก”
“ท่านอาหญิงใหญ่ท่านไม่ทราบ” เว่ยฉางอิ๋งคิดในใจว่าดีที่วันนั้นฮูหยินซูเข้าใจผิดและพาพวกสะใภ้และบุตรสาวทั้งหมดไปตรงหน้าแม่เฒ่าเติ้ง เพื่อยืมสถานที่สั่งสอนบุตรสาว หากมิใช่เพราะคำพูดในตอนนั้นของแม่เฒ่าเติ้ง เกรงว่าตนเองก็คงนึกขึ้นมาไม่ได้ …สิ่งที่นางคาดเดาในเวลานี้มีแปดส่วนที่น่าจะเป็นจริง “ครั้งลูกผู้พี่หญิงใหญ่บ้านซูออกเรือนไปก่อนหน้านี้ พระสนมเอกก็เพียงให้นางกำนัลเล็กๆ มามอบของกำนัลเท่านั้น แม่นมเหยาก็ไม่ได้มาที่งานสักหน่อย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะอยู่ร่วมดื่มเหล้ามงคลด้วยเลย! ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เฉียนจึงได้อกได้ใจเป็นนักหนาและท่านอาหญิงรองก็ยังเสียใจด้วยเรื่องนี้เลยเจ้าค่ะ!”
สมมติว่า พระสนมเอกส่งแม่นมคนสนิทมาอวยพรให้แก่ซูอวี่หลีในวันออกเรือน ก็เพื่อให้เกียรติแม่เฒ่าเติ้ง เช่นนั้นแล้วในวันออกเรือนของซูอวี๋ลี่ก็ยิ่งควรจะมาเพราะซูอวี๋ลี่เป็นคุณหนูใหญ่จากภรรยาเอกในรุ่นนี้ หากพระสนมเอกสั่งให้แม่นมเหยาเถามาแสดงความยินดีในวันที่ซูอวี๋ลี่ออกเรือน แล้วไม่ได้ให้มาในวันที่ซูอวี๋หลีออกเรือน ก็กลับพอเข้าใจได้ …แต่เมื่อเหตุการณ์กลับกันก็ต้องเพราะมีสาเหตุแล้ว
นางเฉียนคิดไปเองว่าพระสนมเอกให้ความสำคัญเพราะตนเองเป็นบ้านใหญ่ ทว่าเมื่อเว่ยฉางอิ๋งประมวลเหตุการณ์เข้ากับวันอภิเษกขององค์รัชทายาทเมื่อวานนี้แล้ว การที่พระสนมเอกให้ความสนใจในตัวซ่งซีเยวี่ย ก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างมากที่เติ้งวานวานจะหมายตาให้ซ่งซีเยวี่ยไปเป็นพี่สะใภ้ของตนตั้งแต่ได้พบกันที่จวนรุ่นอ๋อง …และสองวันนั้นก็มิใช่ว่าเติ้งวานวานกำลังไปอยู่เป็นเพื่อนสนมเอกเติ้งในวังหรอกหรือ?
จากนั้น หลังกลับจากจวนรุ่นอ๋องและกลับเข้าวังในวันเดียวกัน พระสนมเอกได้ยินหลานสาวเอ่ยถึงตัวเลือกของหลานสะใภ้ วันต่อมาจึงให้เหยาเถาอาศัยข้ออ้างมาแสดงความยินดีที่จวนซู อาศัยโอกาสวันออกเรือนของซูอวี๋หลี ซึ่งบ้านซูก็เชิญซ่งซีเยวี่ยแม่ลูกมาร่วมงานด้วย และให้เหยาเถาไปดูสักหน่อย เห็นได้ว่าครานี้เหยาเถาเองก็ถูกตาต้องใจแล้ว …ฉะนั้นในวันอภิเษกขององค์รัชทายาทและซ่งซีเยวี่ยตามมารดาเข้าวังไปถวายพระพร พระสนมเอกจึงได้เรียกนางมาสอบถามตรงหน้าด้วยตนเอง
อย่างไรเสีย แม้พระสนมเอกและแม่เฒ่าเติ้งจะเป็นบุตรีร่วมตระกูลเดียวกัน ทว่าญาติๆ ในตระกูลเติ้งก็มีตั้งมากมาย …ครั้งไทเฮาเติ้งยังอยู่เมื่อก่อนนี้ ตระกูลเติ้งก็รุ่งโรจน์อยู่พักหนึ่ง บุตรีในตระกูลจำนวนมากได้แต่งงานกับตระกูลในอันดับที่สูงกว่า ใช่ว่าพระสนมเอกจะไปสนอกสนใจญาติโกโหติกาทั้งหมดได้ ประสาอะไรที่เวลานี้บ้านใหญ่และบ้านสามของตระกูลซูก็เป็นปรปักษ์ต่อกัน มีความขัดแย้งที่สลับซับซ้อน แต่โดยสรุปก็คือบ้านสามดูท่าว่าจะเหนือกว่าเสียด้วย!
หากพระสนมเอกต้องการจะดึงผู้ใดมาเป็นพวก ก็ควรจะดึงตัวบ้านสาม หรือไม่ก็คบค้ากับทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันจึงจะถูก
เมื่อได้ยินเว่ยฉางอิ๋งวิเคราะห์ถึงที่มาที่ไปทั้งหมดแล้ว …ไม่ว่าผู้ใดย่อมรู้ดีอยู่ในใจว่าต่อไปจะพูดเรื่องใดอีก ซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนพากันหน้าแดง บอกว่าอยากจะออกไปเดินเล่น เว่ยเซิ่งเซียนจึงบอกว่า “พวกเจ้าออกไปเถิด เพียงแต่อย่าเดินไปไกลนัก อยู่แต่ในจวนของลูกผู้พี่ของพวกเจ้าเป็นดี”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยยิ้มๆ ว่า “อยากออกไปข้างนอกก็มิเป็นไรหรอก ให้ท่านอาที่อยู่ข้างนอกส่งคนไปด้วยเป็นพอแล้ว”
“พวกเราจะไปดูปลาในบ่อข้างนอกนี่ล่ะเจ้าค่ะ” ซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนเป็นคุณหนูมีตระกูลที่เรียบร้อยอ่อนโยนจริงๆ ไม่เหมือนกับเสิ่นจั้งหนิงที่ชอบเล่นสนุกซุกซน กอปรกับเวลานี้ลูกผู้พี่และมารดากำลังหารือกันเรื่องแต่งงานของซ่งซีเยวี่ย แม้จะหลบเลี่ยงออกมาด้วยความเขินอาย แต่ในใจกลับยังอดจะคาดเดาไปต่างๆ นานาไม่ได้ ที่ใดจะมีแก่ใจไปเดินชมจวนเสิ่น? ฉะนั้นจึงพากันบอกว่า “พวกเราจะอยู่ในลานบ้านในชั้นนี้ ไม่ไปที่อื่นหรอกเจ้าค่ะ”
“ในห้องหนังสือเล็กทางนั้นมีหนังสือ หากน้องหญิงทั้งสองเหนื่อยแล้วก็สามารถไปดูได้” เว่ยฉางอิ๋งกำชับไปอีกคำ สองพี่น้องรับคำแล้วออกไป
รอจนพวกบุตรสาวลับประตูไปแล้ว เว่ยเซิ่งเซียนจึงพูดตรงๆ ว่า “วานนี้ข้าก็คิดเช่นกันว่า อยู่ดีๆ พระสนมเอกจะมาไถ่ว่าซีเยวี่ยหมั้นหมายแล้วหรือไม่ทำสิ่งใด? คงมิใช่ว่าอยากจะหมั้นหมายนางหรอกนะ? จึงถามซีเยวี่ยว่าพระสนมเอกมีท่าทีเช่นใดกับนาง นางว่าพระสนมเอกเอ่ยคำอย่างอ่อนโยนนัก เจิ้งอินนางบอกว่านางเองก็ไม่คุ้นเคยกับพระสนมเอก พระสนมเอกก็ไม่เคยสนใจซูอวี๋ลี่เป็นพิเศษมาก่อน ดังนั้นจึงให้ข้าลองมาสอบถามเจ้า ครั้งพระสนมเอกเรียกเจ้าไปพบก่อนหน้านี้ มีท่าทีเป็นเช่นใด? หากทั้งสองคราไม่ต่างกันเท่าใด บางที…. ฉะนั้นวันนี้ข้าจึงมารบกวนเจ้า”
“ท่านอาหญิงใหญ่พูดเช่นนี้ก็เห็นข้าเป็นคนอื่นคนไกลแล้ว” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ย “เมื่อครู่นี้ข้ายังกำลังเอ่ยถึงท่านอาหญิงใหญ่กับคนข้างกายอยู่ทีเดียว! กำลังคิดว่าเวลานี้นอกจากดูแลครรภ์แล้วก็ไม่มีเรื่องอื่นที่ทำได้อีก หากสามารถเชิญน้องหญิงทั้งสองมาหาบ่อยๆ ได้คงจะดี แต่ก็คิดได้ว่าเวลานี้ก็ใกล้สิ้นปีแล้ว ทุกบ้านล้วนกำลังวุ่นวาย น้องหญิงทั้งสองต้องอยู่ช่วยงานท่านอาหญิงใหญ่แน่ๆ”
“พวกนางก็ว่างอยู่” เว่ยเซิ่งเซียนรีบตอบ “เรื่องในบ้านพวกนั้นมีข้าคนเดียวเป็นพอแล้ว พวกนางก็ช่วยสิ่งใดไม่ได้ เจ้ารู้สึกเบื่อ คราหน้าก็ขอให้คนไปบอกสักคำ ข้าจะให้พวกนางมาหา” แล้วว่า “ก็พอดีให้พวกนางมาเรียนรู้จากเจ้าสักหน่อย”
เว่ยฉางอิ๋งแอบรู้สึกละอายใจ และกลับมาพูดธุระอีกครั้ง “ท่าทีของพระสนมเอกเมื่อครั้งเรียกข้าไปพบก่อนหน้านี้เรียบเฉยนัก เมื่อองค์ฮองเฮาเอ่ยถึงข้าแล้วนางจึงเรียกข้าไปอยู่ข้างๆ ภายหลังก็เรียบๆ เฉยๆ ตลอดเวลา จะว่าอย่างไรดีนะ? พระสนมเอกก็มิได้ทำให้ข้าลำบากใจอันใด แต่หากจะบอกว่ากระตือรือร้นก็นับไม่ได้เลยจริงๆ เจ้าค่ะ ส่วนเอ่ยคำอย่างอ่อนโยนนั้น…อาจพอจะฝืนพูดได้กระมังเจ้าคะ? ยิ่งไปกว่านั้นก็มิได้เอ่ยถามเรื่องต่างๆ เช่นที่ถามน้องเยวี่ย โดยรวมแล้วกลับไม่ได้สนใจข้าเท่าใดเจ้าค่ะ”
เว่ยเซิ่งเซียนสะดุ้ง เอ่ยว่า “ในเมื่อพระสนมเอกเป็นคนเช่นนี้ ดังนั้น…” ตามที่ เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยมา มีแปดเก้าในสิบส่วนที่เป็นไปได้ว่าพระสนมเอกหมายตาซ่งซีเยวี่ยแล้วจริงๆ? หาไม่ เมื่อว่ากันเรื่องชาติกำเนิดและฐานะในยามนี้แล้ว เว่ยฉางอิ๋งล้วนสูงว่าซ่งซีเยวี่ย พระสนมเอกกลับไม่ได้ทำดีกับเว่ยฉางอิ๋งสักเท่าใด หากนางไม่ได้คำนึงถึงเรื่องแต่งงาน แล้วเหตุใดจึงทำดีต่อซ่งซีเยวี่ยมากกว่าเว่ยฉางอิ๋ง และฟังดูแล้วก็ไม่ได้ดีกว่าเพียงแค่น้อยนิดอีกด้วย?
“ความจริงแล้ว ครั้งท่านอาหญิงใหญ่ไหว้วานข้าก่อนหน้านี้ ข้าเองก็นึกถึงคุณชายเติ้งเป็นคนแรก” เดิมทีเว่ยฉางอิ๋งก็มีความประทับใจที่ไม่เลวเลยกับเติ้งจงฉีและเติ้งวานวานสองพี่น้อง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เสิ่นจั้งเฟิงเคยเอ่ยเตือนไว้ว่า ด้วยฐานะในราชสำนักของเติ้งจงฉีจึงไม่เหมาะจะแต่งงานด้วย จึงตัดสินใจว่าอย่างไรก็ควรต้องเตือนอาของตนสักหน่อย “ทว่าเมื่อไปเอ่ยกับท่านพี่ในภายหลัง ท่านพี่กลับมีความคิดประการหนึ่ง ข้าจะเล่าให้ท่านอาหญิงใหญ่ฟัง ต้องขอให้ท่านอาหญิงใหญ่โปรดพิจารณาดูเจ้าค่ะ…”
_____________________