ตอนที่ 139-2 เติ้งวานวาน
Xiaobei
ความจริงแล้วคราก่อนที่ซูอวี๋ลี่ออกเรือน ก็ได้ส่งเทียบไปเชิญเว่ยเซิ่งเซียนด้วย แต่จนใจที่ครั้งนั้นบังเอิญนักที่บิดาของซ่งซีเยวี่ยสองพี่น้องป่วยมีอาการไอ เว่ยเซิ่งเซียนจึงพาบรรดาบุตรสาวไปที่จวนแถบชานเมือง เพื่อไปดูแลเขาสองวันจึงพลาดงานไปพอดี
ครานี้ได้มาพบกันในจวนท่านอ๋องรุ่น ทั้งสองฝ่ายล้วนคาดไม่ถึงที่ได้มาพบกัน
ซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนกลับรู้สึกทั้งยินดีและคาดไม่ถึง จึงรีบขอตัวจากสตรีชั้นสูงที่กำลังสนทนาด้วยอยู่แล้วเข้ามาต้อนรับนาง
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มแย้มทักทายพวกนาง หลังจากสอบถามถึงท่านอาหญิงใหญ่และอาเขยใหญ่แล้ว เมื่อไปปรายตาไปก็เห็นว่าคนที่เพิ่งจะคุยกับพวกนางก่อนหน้านี้ค่อยๆ เดินเข้ามาหา ยิ้มแล้วร้องเรียกนางคำหนึ่งว่า “พี่เว่ยสาม”
“น้องหญิงตระกูลเติ้ง!” เดิมทีเว่ยฉางอิ๋งรู้สึกสงสัยอยู่นิดๆ ว่าเหตุใดซ่งซีเยวี่ยพี่น้องจึงไปรู้จักกับเติ้งวานวาน? แล้วคราวนี้เติ้งวานวานก็เข้ามาสนทนาด้วย คงเพราะเห็นสีหน้าประหลาดใจบนหน้านาง จึงเอ่ยยิ้มๆ ไปว่า “เมื่อครู่ตอนข้าเข้ามา เห็นพี่ซีเยวี่ยและน้องหรูเซวียนไม่คุ้นหน้าคุ้นตานัก รู้สึกสงสัยจึงเข้ามาสนทนาด้วยเจ้าค่ะ ที่แท้ก็เป็นลูกผู้น้องของพี่เว่ยสาม ท่านนั่นเอง”
เว่ยฉางอิ๋งอมยิ้ม กล่าวว่า “ใช่แล้ว ท่านอาเขยใหญ่และท่านอาหญิงใหญ่ของข้าเพิ่งจะย้ายกลับมาจากเจ๋อเจียงได้ไม่นาน น้องสาวทั้งสองของข้านี้ล้วนไม่คุ้นเคยกับสตรีชั้นสูงในเมืองหลวง แต่ข้าก็กลับมาช้าไปก้าวหนึ่ง ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนพวกนาง ดีที่มีน้องมาสนทนาด้วย หาไม่พวกนางทั้งสองคนอยู่ลำพังคงจะเหงาน่าดู?”
เติ้งวานวานหัวเราะฮิๆ กล่าวว่า “ความจริงแล้วพอข้าเข้ามาก็พบว่าพี่ซีเยวี่ยมีเค้าหน้าคล้ายพี่เว่ยสามนัก เดิมทีข้ายังคิดว่าอาจเป็นลูกผู้น้องแท้ๆ ของพี่เว่ยสามท่านที่เพิ่งจะมาเมืองหลวงในระยะนี้ แต่ปรากฏว่าพอสอบถามชื่อแซ่กลับมีแซ่ซ่ง ข้ายังคิดอยู่ว่าบังเอิญนัก เมื่อครู่จึงเพิ่งทราบว่าเพราะพวกนางเป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งท่านอาหญิงนั่นเองเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางรื่นหูสดใส ท่าทียิ้มแย้มเบิกบานไม่เสแสร้งใดๆ เวลายิ้มแย้มดวงตาก็โค้งขึ้นเหมือนชื่อนางว่า ‘วานวาน’ ดูน่ารักนัก
เพิ่งได้พบคนไร้เหตุผลเช่นองค์หญิงชิงซินมา จึงทำให้ยามนี้เว่ยฉางอิ๋งมองใครก็ล้วนไม่สบอารมณ์ไปเสียหมด ก็มิน่าเล่าที่ลูกผู้พี่หญิงซ่งของนางจึงบอกว่าคุณหนูเติ้งผู้นี้ดีนักหนา ที่แท้ก็เป็นเด็กสาวที่ทำให้คนรู้สึกชื่นชอบนี่เอง
“ซีเยวี่ยกลับงดงามกว่าข้า” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ “พวกนางพี่น้องล้วนฉลาดคล่องแคล่วกว่าข้า”
ซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนเอ็ดนางขึ้นมาพร้อมกันว่า “ลูกผู้พี่พูดเช่นนี้ทำเอาพวกเราล้วนอายจะอยู่ที่นี่แล้วเจ้าค่ะ”
พวกนางสองสามคนสนทนากันไปสักไม่กี่คำ เว่ยฉางอิ๋งหันมองไปรอบทิศกลับไม่เห็นนางหลิว แต่องค์หญิงหลินชวนและองค์หญิงอันจี๋สองพระองค์ล้วนมาอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อมีองค์หญิงอยู่ ย่อมมีคนกลุ่มใหญ่รายล้อมกันเข้ามา เห็นชัดว่าคนที่อยู่ข้างกายองค์หญิงหลินชวนนั้นมีมากมายนัก บรรดาคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนแทบทุกคนล้วนห้อมล้อมกันเข้ามาหานาง ส่วนข้างกายองค์หญิงอันจี๋กลับว่างเปล่านัก แต่นางก็ไม่ได้สนใจอันใด และทานของว่างไปอย่างสบายอุรา พลางยื่นนิ้วไปยอกเย้ากับนกแก้วบนคอนที่ยกมาไว้ตรงหน้านาง
องค์หญิงหลินชวนอยู่ หมิ่นอีนั่วย่อมต้องอยู่ด้วย …เว่ยฉางอิ๋งกวาดตาไปมองหนหนึ่งจึงเห็นเว่ยฉางเจวียนอยู่ข้างๆ หมิ่นอีนั่ว คิ้วนางพลันขมวดเข้าทันใด แต่พอคิดสักพักก็ยังบอกกับซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนว่า “นั่นเป็นบุตรสาวของท่านอารองของพวกเจ้า น้องเจ็ดฉางเจวียน พวกเจ้าจะเข้าไปทักทายนางหรือไม่?”
ซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนพากันส่ายหน้า กล่าวว่า “เดิมที ก่อนหน้านี้พวกเราจะไปคารวะท่านอารองและท่านอาสะใภ้รองเจ้าค่ะ แต่ไปมาสองสามหนก็มีเรื่องให้ต้องคลาดกันเสมอ ท่านอารองเองก็มีงานยุ่ง ท่านแม่กลัวว่าหากมีเพียงท่านอาสะใภ้อยู่คนเดียวก็จะต้อนรับพวกเราลำบากเกินไป ฉะนั้น…”
ฮูหยินตวนมู่ก็ไม่ใช่เพิ่งมาเป็นฮูหยิน แล้วเมื่อต้องต้อนรับพี่สาวของสามีและหลานอาทั้งสอง เหตุใดต้องลำบาก? เว่ยฉางอิ๋งฟังออกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเว่ยเซิ่งเซียนและท่านอาสะใภ้รองของตนคงไม่ดีเท่าใดนัก ดังนั้นเมื่อเว่ยเซิ่งอี๋ไม่อยู่ เว่ยเซิ่งเซียนจึงไม่ไปหา แต่เว่ยเซิ่งอี๋ก็ต้องไปทำงาน ย่อมมีเวลาว่างไม่มาก และในเวลาว่างที่ไม่มากนี้ เว่ยเซิ่งเซียนแม่ลูกก็ไม่แน่ว่าจะว่าง …บิดาของซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนก็มิใช่ว่าเป็นขุนนางอยู่ในแถบชานเมืองหรอกหรือ? จึงไม่แน่ว่าทั้งครอบครัวจะต้องไปอยู่พร้อมหน้ากันในวันหยุด ย่อมไม่มีเวลาไปคารวะที่จวนเว่ยแล้ว
ดังนั้นพอเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆ จนบัดนี้ทั้งสองบ้านจึงยังไม่ได้พบหน้ากันอย่างเป็นทางการเสียที
เว่ยฉางอิ๋งแสร้งทำเป็นฟังไม่ออก กล่าวว่า “เช่นนั้นก็พอดีว่า วันนี้พวกเราพี่น้องมารู้จักกันสักหน่อยเสียก่อน”
แล้วพาพวกนางและยังมีเติ้งวานวานเดินเข้าไปด้วยกัน และเข้าไปตบไหล่เว่ยฉางเจวียนจากข้างหลัง คาดว่าเว่ยฉางเจวียนไม่เห็นว่านางเดินเข้ามาหา จึงหันหน้ากลับไปพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นเป็นเว่ยฉางอิ๋ง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันใด คิดอยากจะผลักนางออกโดยไม่ทันรู้ตัว… ทว่าพอเอื้อมมือไประหว่างทางก็กลับรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วฝืนยิ้มกล่าวว่า “พี่สาม ท่านก็มาด้วยหรือ? เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเรื่องขององค์หญิงชิงซิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดขนานใหญ่โดยแท้ ข้าจึงเป็นห่วงท่านเสียเหลือเกิน…”
ซ่งซีเยวี่ยทั้งสามคนฟังคำนี้แล้วก็หันไปมองเว่ยฉางอิ๋งด้วยความสงสัย เว่ยฉางอิ๋งแย้มยิ้มและเอ่ยขัดนางขึ้นมาว่า “เรื่องเล็กน้อยนั้นสักพักค่อยพูดกันเถิด องค์หญิงชิงซินบอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า เจ้ามาพบกับลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนนี้ก่อน ล้วนเป็นบุตรสาวของท่านหญิงใหญ่ของเจ้า”
เว่ยฉางเจวียนจึงทำได้แต่เพียงไปทักทายปราศรัยกับซ่งซีเยวี่ยทั้งสองคน เมื่อเห็นเติ้งวานวานก็ทักทายไปคำหนึ่ง “วานวาน เจ้าก็มาด้วยหรือ?”
“เดิมที ก่อนพี่ชายจะไปซีเหลียงก็สั่งความให้ข้ามามอบของกำนัลชิ้นหนึ่งให้ทางคุณชายกู้แทนเขา” เติ้งวานวานพูดไปพลางพยักหน้า “แต่สองวันนี้ข้าต้องอยู่ในวังเป็นเพื่อนท่านอา แม่นมเถาที่ดูแลรับใช้อยู่ต่อหน้าท่านอาให้ข้ามากับนางที่นี้ด้วย ข้าจึงมา”
“ทางบ้านกู้นั้นมีแขกที่เป็นผู้หญิงไปน้อยนัก นอกจากพี่โหรวจางแล้ว ทางนั้นก็ไม่มีอีกสักกี่คนให้อยู่ด้วย” เว่ยฉางเจวียนเอ่ยไปลอยๆ “โดยเฉพาะองค์หญิงสองสามพระองค์ วันนี้ล้วนอยู่ที่นี่ คนทางนั้นก็ยิ่งน้อย”
เติ้งวานวานยิ้มอ่อนๆ กล่าวว่า “ใช่แล้ว! หากไม่มาที่นี่ วันนี้ข้าก็คงไม่รู้จักซีเยวี่ยและน้องหรูเซียนน่ะสิ! คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเมื่อมาที่นี่แล้วนอกจากพี่น้องทั้งสองท่านและพี่เว่ยสามแล้วก็ยังมีพี่ฉางเจวียนที่ล้วนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
เมื่อถูกนางเตือนสติดังนี้ เว่ยฉางเจวียนจึงหันมาทักทายซ่งซีเยวี่ยและ ซ่งหรูเซวียนว่า “พี่สามแนะนำพวกเจ้าแล้วหรือไม่? คราก่อนที่ลูกผู้พี่ใหญ่ซูออกเรือนพวกเจ้าไม่ได้มา หลังจากกลับไปท่านแม่ยังถามถึงพวกเจ้าและท่านป้าใหญ่ด้วย”
แม้ซ่งซีเยวี่ยและซ่งหรูเซวียนจะเป็นคนอ่อนโยนแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักดูสีหน้าคน เว่ยฉางเจวียนหันไปคุยกับเติ้งวานวานก่อน รอจนเติ้งวานวานเอ่ยเตือนแล้วจึงค่อยไปคุยกับพวกนางพี่น้อง เห็นชัดว่าวางพวกนางพี่น้องไว้หลังเติ้งวานวาน ค่อนข้างไม่อยากจะทักทายปราศรัยกับพวกนางนัก ซ่งซีเยวี่ยยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่บนใบหน้า แต่น้ำเสียงกลับห่างเหินนัก “เมื่อครู่นี้พี่ฉางอิ๋งยังไม่มา พวกเราจึงไปคุยอยู่กับน้องวานวานก่อน ท่านอาสะใภ้รองสบายดีหรือไม่? ท่านแม่เองก็คิดถึงท่านอาสะใภ้รองยิ่งนัก”
________________________________