หลินซินเหยียนหันหน้ามามองจงจิ่งห้าวแล้วย้อนถาม “ที่ฉันทำมันชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ที่คุณทำนั้นคลุมเครือมาก เป็นผมที่เข้าใจคุณดีตางหาก” จงจิ่งห้าวมองเธอด้วยรอยยิ้ม “พวกเราใจสื่อถึงกันได้ใช่รึเปล่า?”
หลินซินเหยียน “…”
เธอสีหน้าซื่อตรงไม่ได้ขัดเขา “ฉันเห็นว่าซูจ้านยังคงมีความรู้สึกต่อฉินยาอยู่”
“เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เพียงแค่เมื่อก่อนทำผิดไป” จงจิ่งห้าวยังคงพูดเพื่อพี่น้องอีกประโยคหนึ่ง “คุณโน้มน้าวฉินยาหน่อยสิ”
“ฉันไม่รู้ความคิดของเธอนี่นา” หลินซินเหยียนพูดตรงๆ เธอเองก็อยากให้มีคนมาดูแลฉินยาเหมือนกัน แทนที่จะหาคนอื่นเธอยังคงอยู่ข้างซูจ้าน ถึงแม้เมื่อก่อนจะทำผิดไป แต่ว่าเขาก็ได้รับบทเรียนแล้ว
เพียงแต่ฉินยานั้นเย็นชากับซูจ้านเหลือเกิน ไม่คิดจะเปิดใจให้โอกาสซูจ้านสักนิด
เธอบอกว่าจะฉลองให้เสิ่นเผยซวนนั้นมาจากใจจริง ถึงอย่างไรความสามารถและคุณสมบัติของเสิ่นเผยซวนก็เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ แล้วก็อยากจะยืมงานฉลองให้แก่เสิ่นเผยซวนนี้เชิญซูจ้านมาที่วิลล่าเพื่อสร้างโอกาสให้ได้ใกล้ชิดกับฉินยา
“ทุกคนต่างมีชะตาเป็นของตัวเอง คุณอย่ากังวลเกินไปนักเลย” จงจิ่งห้าวไม่อยากให้เธอใส่ใจเรื่องคนอื่นมากไป
หลินซินเหยียนเข้าใจความหมายของเขา “ฉันไม่เข้าไปก้าวก่ายหรอก ก็แค่ช่วยสร้างโอกาสให้ซูจ้านเท่าที่อยู่ในขอบเขตที่จะทำได้ หากว่ามีพรหมลิขิตต่อกันอีกครั้งก็ยิ่งดี ไม่ได้อยู่ด้วยกันพูดได้แค่ว่าไม่มีพรหมลิขิตนี้ สำหรับฉินยาฉันจะไม่ไปโน้มน้าวเธอหรอก หากว่าเธอยังมีความรู้สึกต่อซูจ้านอยู่ จะต้องเห็นความดีของซูจ้านแน่ หากว่าไม่มีความรู้สึกแล้ว ใครโน้มน้าวยังไงก็ไม่มีประโยชน์”
“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว” ตรงจุดนี้จงจิ่งห้าวเห็นด้วย
เขาไม่ชอบไปยุ่งเรื่องของความรู้สึกของคนอื่น หวังว่าหลินซินเหยียนก็จะไม่ไปก้าวก่ายจนเกินไป ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ช่วยเหลือได้ ยัดเยียดความคิดของตัวเองให้คนอื่นนั้นไม่ได้
พวกเขาพูดคุยกันขณะนั้นเองรถก็ขับเข้ามาที่ลานจอดรถบริษัท จงจิ่งห้าวจอดรถและผลักเปิดประตูรถลงมา กำลังจะเดินไปเปิดประตูรถให้หลินซินเหยียน เธอก็เปิดประตูรถและเดินลงมาเอง จงจิ่งห้าวจับมือเธอไว้
หลินซินเหยียนค้านออกมา “แบบนี้จะไม่ดีหรือเปล่า?”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ก็มีข่าวกระจายบนอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด ซ้ำยังมีคนคาดเดาสถานะของเธออีก ข่าวลือว่าเธอเป็นดาราตกอับอะไรประมาณนั้น
แม้ว่าเธอจะไม่แคร์ แต่ว่าก็ไม่อยากถูกใครวิพากษ์วิจารณ์ บางคำพูดที่หยาบคายเห็นแล้วก็หงุดหงิด
จงจิ่งห้าวมองเธอครู่หนึ่ง “มีอะไรที่ไม่ดีงั้นหรอ?”
พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นสามีภรรยากัน หลินซินเหยียนไม่ใช่แอบคบแบบลับๆ เขาก็ไม่ใช่คนรักของใคร พวกเขาบริสุทธิ์จริงใจ ยิ่งปกปิดยิ่งกลัวคนรู้คนอื่นก็ยิ่งคิดไปเอง
หลินซินเหยียนเปลี่ยนใจเขาไม่ได้ ได้แต่ให้เขาจูงมือตัวเองเดินขึ้นลิฟต์ไป
บนอินเทอร์เน็ตแพร่กระจายโด่งดังมาก ภายในบริษัทก็กระจายไปเหมือนกัน เห็นพวกเขามาปรากฏตัวที่บริษัทด้วยกัน การทักทายก็อบอุ่นและมีมารยาทมากขึ้นกว่าปกติ
ติ๊ง เสียงลิฟต์หยุดลง ประตูลิฟต์ทั้งสองข้างเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนคนหนึ่งอยู่หน้าอีกคนอยู่หลังเดินออกมา เดินผ่านเคาน์เตอร์เลขา จงจิ่งห้าวก็ถามว่า “หิวน้ำมั้ย?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ฉันหิวนิดหน่อย”
ตอนเช้าเธอไม่ได้กินอะไร ตอนนี้รู้สึกว่าท้องหิวมาก
“อยากกินอะไร? ผมให้เลขาไปซื้อ”
“ฟักทองชุบแป้งทอดไข่เค็ม เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม พุดดิ้งคาราเมล ขนมปังไส้ถั่วแดง” หลินซินเหยียนพูดของหวานออกมาเป็นชุด ตอนนี้คิดถึงของกินพวกนี้เธอก็หิวจนน้ำลายจะไหลแล้ว
จงจิ่งห้าวหันหน้าไปมองเธอครู่หนึ่ง ทั้งหมดนั่นเป็นของหวาน แต่ว่าเธอชอบงั้นก็ซื้อละกัน เขาฝากให้เลขาไปซื้อมาให้ “แล้วก็ซื้อน้ำผลไม้สดมาด้วย” พูดจบก็เพิ่มอีกหนึ่งประโยค “น้ำส้มสด”
เขากังวลว่ากินของหวานพวกนั้นแล้วจะเลี่ยน น้ำส้มสดมีรสเปรี้ยวนิดหน่อยช่วยคลายรสหวานเลี่ยนได้
เลขารับทราบ “ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ตอนเวลางานหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เข้ามาหาท่านค่ะ บอกว่าถ้าท่านมาให้ดิฉันโทรบอกเธอ ให้เธอเข้ามาตอนนี้มั้ยคะ?”
จงจิ่งห้าวตอบอืมนิ่งๆ “ให้เธอเข้ามา”
พูดจบเขาจูงมือหลินซินเหยียนเดินเข้าไปในห้องทำงาน เลขาเห็นเจ้านายเอาใจใส่หลินซินเหยียนขนาดนี้ ก็นึกถึงพวกนักเลงคีย์บอร์ดบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะพวกนั้นที่ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย แล้วยังชอบสอดรู้สอดเห็นและคาดเดามั่วๆอีก
หลังจากเข้ามาในห้องทำงานหลินซินเหยียนก็พูดขึ้น “คุณจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ฉันจะรอคุณตรงโซนพักผ่อน”
จงจิ่งห้าวก็งานยุ่งจริงๆนั่นแหละ เลยให้เธอรอตนเองอยู่ที่โซนพักผ่อน “คุณอยากนอนก็นอนพักบนโซฟาสักหน่อยนะ”
หลินซินเหยียนเอ่ยปากตอบรับ ในใจกลับคัดค้าน สถานที่ทำงานของเขาตัวเองมานอนที่นี่มันไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่
เธอนั่งบนโซฟาแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องทำงานก็มีเสียงเคาะดังขึ้น จงจิ่งห้าวที่กำลังอ่านเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้น พูดว่า “เข้ามา”
ไม่นานหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็เปิดประตูเข้ามา เห็นหลินซินเหยียนนั่งอยู่บนโซฟาโดยบังเอิญ เธอยิ้มทักทาย “สวัสดีค่ะคุณนายท่านประธาน”
หลินซินเหยียนไม่คุ้นชินกับการเรียกแบบนี้เลย ยิ้มออกมาอย่างแข็งทื่อ พยักหน้าให้เธอนิดหนึ่งอย่างมีมารยาทเพื่อเป็นการตอบรับ
“มีธุระอะไร?” จงจิ่งห้าววางเอกสารในมือลง เอนตัวไปข้างหลังพิงบนเก้าอี้
“ท่านเห็นข่าวเกี่ยวกับท่านแล้วหรือยังคะ?” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ถามเข้าประเด็นตรงๆ
จงจิ่งห้าวตอบอืมเบาๆ
“ทางการของเรากำลังจะล่มจมแล้วค่ะ ฉันคิดว่าท่านควรจะต้องอธิบายสักหน่อย” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์กล่าว
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว ทางการกับตัวเขาเกี่ยวข้องอะไรกัน?
ทางการคือธุรกิจอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่บัญชีส่วนตัวของเขา
“เกิดเรื่องอะไร?”
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์อธิบาย “เป็นอย่างนี้ค่ะ ท่านไม่เห็นหรือว่าทางการของเรามีผู้ติดตามถึง70ล้านคนแล้ว?
จงจิ่งห้าวเอนตัวอย่างขี้เกียจ “นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกคุณฝ่ายประชาสัมพันธ์รึไง?”
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ยิ้ม “ใช่ค่ะ นี่เป็นเรื่องของแผนกเรา เพียงแต่ธุรกิจอย่างหนึ่งมันไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายขนาดนี้ได้ค่ะ”
“แล้วไงล่ะ?”
“ดังนั้นปกติเลยมักจะลงรูปบางส่วนของเจ้าของธุรกิจ” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดอย่างซื่อตรง “คนติดตามมากมายขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะติดตามธุรกิจแต่หลักๆคือติดตามคนค่ะ ธุรกิจก็แค่ผลพลอยได้”
จงจิ่งห้าวมองเธอแวบนึง เชื่อมั่นในความสามารถของเธอมาโดยตลอด ประชาสัมพันธ์พวกนี้เขาไม่เคยสนใจเท่าไหร่จริงๆ ดูเนื้อหาทางการของWeiboเป็นครั้งคราวไม่ได้สนใจมากว่าโพสต์อะไรบ้าง พอฟังเธอพูดจบ เขาเลยเปิดดูโพสต์ที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการของWeibo
ไม่ดูก็ไม่รู้ พอดูก็ตะลึงไปพักหนึ่ง ทั้งหมดเป็นรูปส่วนตัวเขา
“ตัวท่านมันดึงดูดคนมากกว่าธุรกิจอีกค่ะ ถือเสียว่าท่านทำโฆษณาเพื่อบริษัทละกันนะคะ” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์พูด
จงจิ่งห้าวปวดหัวใช้แรงนวดระหว่างคิ้ว “เพราะงั้นเรื่องวุ่นวายของผมล้วนเป็นฝีมือคุณสินะ?”
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์อธิบายอย่างใจเย็น “จะกล้าสร้างปัญหาให้ท่านได้อย่างไรคะ ฉันแค่คิดว่าท่านก็ถือโอกาสนี้ป่าวประกาศสถานะของคุณนายไปเลย แล้วก็ให้พวกเราที่เป็นพนักงาน ดื่มเหล้ามงคลของท่านสักแก้ว”
จงจิ่งห้าวเหลือบตามองทั้งๆที่ริมฝีปากเยาะเย้ย ใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม “ฟังคุณพูดแบบนี้ ผมควรจะขอบคุณสินะ?”
“หากท่านรู้สึกว่าช่วยท่านได้มาก ตอนงานแต่ง แจกอั่งเปาหนักๆให้พวกเราเหล่าพนักงานละกันนะคะ” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ช่างสังเกตอย่างมาก รู้ว่าจงจิ่งห้าวไม่ได้โกรธอะไรถึงกล้าพูดแบบนี้ “ก่อนหน้านี้ท่านโสดมาโดยตลอด ตอนนี้พาคุณนายมาปรากฏต่อหน้าสายตาผู้คนอย่างกะทันหัน ก็ต้องเป็นจุดสนใจเป็นธรรมดา เพราะว่าไม่ได้จัดงานแต่งงานทุกคนเลยไม่รู้ว่าท่านแต่งงานแล้ว คนวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานะของคุณนายต่างๆนาๆ ดีบ้างเสื่อมเสียบ้าง แน่นอนว่าที่ดีมันก็น่าฟัง ที่เสื่อมเสียก็ไม่น่าฟังพอสมควร ฉันคิดว่าท่านควรให้สถานะแก่คุณนายได้แล้วนะคะ”
ประโยคสุดท้ายเธอพูดจากมุมของผู้หญิง ถึงแม้เธอจะมองออกว่าจงจิ่งห้าวดีกับหลินซินเหยียนไม่น้อย แต่ว่าก็ไม่มีสถานะที่ชัดเจน มักจะถูกคนอื่นคาดเดา
จงจิ่งห้าวทำไมจะไม่คิด? เขาคิดไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่เกิดเรื่องขึ้นมากมายทำให้ถ่วงเวลา ตอนนี้เธอก็กำลังท้องอยู่อีก
“เรื่องนี้ผมรู้แล้ว คุณไปทำงานเถอะ” จงจิ่งห้าวรับฟังคำพูดนี้ไว้แล้ว
โปรดอ่านสักนิด
หากเรื่อง กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยของผม มีผู้แชร์ไปยังเฟสบุ๊คเป็นจำนวนมาก จะพิจารณาเพิ่มตอนในแต่ละวัน
และยังมี นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novelza.com