หลินซินเหยียนปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด“ไม่ได้”
จงจิ่งห้าว”……”
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใกล้จนตัวติดกับเธอ“ผมรู้สึกว่าสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าผมรักคุณมันต้องทำบนเตียง การที่กินซุปจนหมดมันพิสูจน์ความรักที่ผมมีต่อคุณไม่ได้……”
หลินซินเหยียนดันหน้าของเขาออก“นี่คุณ ให้มันน้อยๆหน่อย ฉันอยากให้คุณใช้วิธีนี้พิสูจน์ตัวเอง”
จงจิ่งห้าว“……”
เขาปฏิเสธต่อไม่ได้อีกแล้ว
เขามองดูน้ำมันที่ลอยอยู่บนหน้าซุปอย่างหมดอาลัยตายอยาก แต่เพื่อพิสูจน์ความรักของเขา ขณะที่เขากำลังบังคับตัวเองให้ยกซุปขึ้นมาซดกินให้หมด หลินซินเหยียนก็คว้าข้อมือเขาไว้พร้อมกับยิ้มพูดขึ้น“ฉันล้อเล่น”
“แกล้งผมมันสนุกมากนักหรอ?หือ?”เขาจ้องหลินซินเหยียน“ไม่เสียดายแล้วหรอ?”
หลินซินเหยียนเหยียนเอามือจับคางพลางชี้ให้เขามองไปยังเจ้าขาวที่นั่งกระดิกหางอยู่ที่พื้น“ถึงคุณจะไม่เต็มใจแต่เจ้าขาวน่าจะเต็มใจ”
จงจิ่งห้าว……???
หลินซินเหยียนถือชามซุปขึ้นมาแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่างที่มีชามข้าวสุนัขวางอยู่ เจ้าขาวเหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังจะได้กินอาหาร มันเดินกระดิกหางตามหลังหลินซินเหยียนมาทันที
เธอเทซุปลงในชามข้าวสุนัขแล้วยื่นมืออกไปลูบหัวของเจ้าขาว เจ้าขาวเอาหัวดันฝ่ามือเธอเบาๆ ขนของมันนุ่มลื่นมาก จู่ๆเธอก็นึกได้ว่าลูกสาวยังโกรธตัวเองอยู่จึงหันไปมองจงจิ่งห้าว“คุณหาเวลาพาลูกไปร้านขายสัตว์เลี้ยงหน่อยสิ”
จงจิ่งห้าวตอบอืมออกมาโดยไม่ถามว่าทำไมต้องไปร้านขายสัตว์เลี้ยง วันนี้ลูกสาวมาฟ้องเรื่องหลินซินเหยียน แสดงว่านี่ต้องเป็นคำขอของลูกแน่นอน
ทันใดนั้นเองเจ้าขาวก็แลบลิ้นกินซุปในชามข้าวของมันดังแผล็บๆ
หลินซินเหยียนยืนขึ้นแล้วเดินเอาถ้วยไปเก็บในครัว ทว่าขณะที่บีบน้ำยาล้างจานเพื่อล้างถ้วยชามอยู่ จู่ๆเด็กในท้องก็ดิ้น ทารกน้อยในครรภ์ถีบท้องแรงมากจนเห็นเป็นรอยนูนขึ้นบนหน้าท้องของเธอ เนื่องจากเขาขยับตัวอย่างกะทันหันจึงทำให้หลินซินเหยียนร้องซี้ดออกมา
“เป็นอะไรไป?”จงจิ่งห้าวรีบเดินเข้ามาถาม หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้เขา“เมื่อกี้ลูกดิ้นน่ะ”
“จริงหรอ?”จงจิ่งห้าวรีบย่อตัวลงมาอยู่ในระดับหน้าท้องของเธอ หลินซินเหยียนเอามือข้างหนึ่งจับไว้ที่อ่างล้างจาน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจับมือเขามาวางลงบนหน้าท้อง ไม่นานเด็กน้อยก็ดิ้นอีก แต่ไม่ดิ้นแรงเท่าก่อนหน้านี้ ทว่ามันก็พอทำให้คนรู้สึกได้
จงจิ่งห้าวละล่ำละลักพูดอย่างตื่นเต้น“เขา เขาดิ้นแล้ว ผมรู้สึกได้”
หลินซินเหยียนยิ้ม“ครั้งหน้าคุณไปหาหมอกับฉันสิ เพราะตอนนี้ไปอัลตราซาวด์ดูก็จะเห็นรูปร่างหน้าตาของลูกได้แล้ว”
อีกอย่างตอนนี้ใกล้จะครบห้าเดือนแล้ว ทั้งหูตาจมูกปากและแขนขาต่างก็คงพัฒนาได้อย่างเต็มที่
จงจิ่งห้าวตอบตกลง จากนั้นก็เอื้อมไปถกกระโปรงชุดนอนของเธอขึ้น หลินซินเหยียนขมวดคิ้วเพราะถูกถกกระโปรงอย่างไม่รู้ตัว“นี่คุณจะทำอะไรเนี่ย”
“ผมอยากอยู่ใกล้เขาอีกนิด”จงจิ่งห้าวไม่อยากสัมผัสผ่านเนื้อผ้า หลินซินเหยียนเห็นความอยากรู้อยากเห็นในตาเขาจึงไม่ปฏิเสธ
จงจิ่งห้าววางฝ่ามือแนบลงไปกับหน้าท้องของเธอ ดูเหมือนเด็กในท้องจะรับรู้ได้ถึงเขาก็เลยทักทายตอบ ครั้งนี้เขาดิ้นแรงมาก บนหน้าท้องของเธอเป็นรอยนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
การที่เด็กดิ้นแรงเกินไปมันก็ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บได้ แต่ว่านี่มันเป็นเรื่องปกติ
หลินซินเหยียนมองมือเขาที่กุมท้องของตัวเองไว้ จู่ๆก็รู้สึกว่ามันเหมือนมือของนักศึกษาแพทย์ฝึกหัดที่เธอไปตรวจที่เมืองCครั้งก่อนเลย
“คุณจับแขนฉันดูหน่อย”
จงจิ่งห้าวเงยหน้ามองเธออย่างไม่เข้าใจ“ทำไม?”
หลินซินเหยียนไม่ตอบเขา เธอเหยียดแขนออกไปตรงหน้าเขา จงจิ่งห้าวจับแขนเธอไว้ตามที่เธอบอก ความรู้สึกนี้แหละ“จงจิ่งห้าว คุณใช่……”
“เขาดิ้นอีกแล้ว คุณว่าผมจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาไหม?”จู่ๆจงจิ่งห้าวก็พูดขัดออกมา หลินซินเหยียนรู้สึกว่าตอนนั้นมันมีอะไรน่าสงสัยหลายอย่าง ฉินยาพาเธอไปตรวจร่างกายเองแท้ๆ แต่กลับฝากเธอไว้กับนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งจากนั้นก็หาข้ออ้างออกไป
ตอนนี้พอมาคิดดูถึงเรื่องรูปร่างและความสูงของนักศึกษาแพทย์คนนั้นมันก็คล้ายกับจงจิ่งห้าวเป๊ะเลย
มิน่าล่ะตอนที่เขาแตะตัวเธอ เธอถึงรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
เธอหัวเราะออกมา“จงจิ่งห้าวสนุกมากไหมเนี่ย?”
จงจิ่งห้าวมัวแต่จดจ่อกับเด็กที่ดิ้นอยู่ในท้อง จนไม่ได้ฟังว่าหลินซินเหยียนพูดอะไร เขาจึงตอบเธอไม่ตรงคำถาม“ไม่ใช่สนุก แต่นี่มันเป็นความน่าอัศจรรย์ของชีวิตต่างหาก”
เขาพูดไปพลางเอาหูแนบไปบนหน้าท้องของเธอ
หลินซินเหยียน“……”
“คุณทำอะไรน่ะ?”
“ผมลองดูว่าจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาไหม”จงจิ่งห้าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตื่นเต้นและจริงจัง
หลินซินเหยียนดันหน้าผากเขาออก“ไม่ได้ยินหรอก ต้องใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจถึงจะได้ยิน”
จงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้น และด้วยองศานี้เขาสามารถจูบลงที่ข้อมือของเธอได้ เขาประทับริมฝีปากลงบนข้อมือของเธอพลางพูดอย่างอ่อนโยน“ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เป็นพ่อคนนะ”
“ถ้าอยากจะขอบคุณฉันจริงๆก็ทำตัวดีๆกับฉันหน่อย อีกอย่างตอนนี้ลุกขึ้นมาได้ไหม?ฉันต้องล้างจาน”
จงจิ่งห้าว“……”
“ผมยังดีกับคุณไม่พออีกหรอ?หรือผมต้องควักหัวใจออกมาให้คุณดูถึงจะพิสูจน์ได้ว่า……”
หลินซินเหยียนรีบเอามืออุดปากเขาไว้“อย่าพูดอะไรบ้าๆออกมาต่อหน้าลูกชายของคุณ”
จงจิ่งห้าวยิ้มพร้อมกับแลบลิ้นเลียฝ่ามือของเธอ หลินซินเหยียนอยากจะชักมือกลับแต่กลับถูกเขาคว้าข้อมือไว้แน่น
“พวก……”
จงเหยียนเฉินตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกแต่พบว่าไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่ พอเข้าห้องน้ำเสร็จเขาจึงออกมาดูทว่าในห้องนั่งเล่นกลับไม่มีใคร เขาก็เลยเดินออกมา แต่สุดท้ายก็เห็นจงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนอยู่ในห้องครัวด้วยกัน……
เขารีบเอามือปิดตา ทว่าเขายังคงเห็นผ่านซอกนิ้ว นี่เขาแอบดูชัดๆแต่แค่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ“ต่อเลยครับผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
จงจิ่งห้าวดึงกระโปรงหลินซินเหยียนลงแล้วลุกขึ้นมองไปที่ลูกชาย“ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน?”
“พ่อกับแม่ก็ยังไม่นอนนี่นา มาแอบกิน‘อะไร’ในห้องครัว?”จงเหยียนเฉินมองมองเขาอย่างมีเลศนัย พร้อมกับยิ้มออกมาเหมือนรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน
จงจิ่งห้าวพยักหน้าลง“ไปนอนไป”
จงเหยียนเฉินทำท่าหาวออกมาแล้วหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง“พ่อกับแม่ก็รีบเข้านอนด้วยนะครับ”
จงจิ่งห้าวคว้าขอมือหลินซินเหยียนไว้“พวกเราไปนอนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้ป้าหยูมาเก็บเอง”
กว่าพวกเขาจะขึ้นไปนอนก็ตีสองแล้ว เนื่องจากหลับไปก่อนหน้านี้แล้วหลินซินเหยียนจึงต้องนอนอยู่สักพักถึงจะหลับลง
พอตอนเช้าก็โดนปลุกเพราะเสียงโทรศัพท์ของหลินซินเหยียนอีก
เธอยื่นมือออกมาควานหาโทรศัพท์ด้วยความงัวเงีย จงจิ่งห้าวหยิบขึ้นมารับสายแทนเธอ“คุณนอนต่อเถอะ”
เขามองหน้าจอโทรศัพท์ หลังจากไป๋ยิ่นหนิงซื้อโทรศัพท์ให้เธอเป็นไปได้ว่าเขาคงบันทึกเบอร์ตัวเองไว้ข้างในและพิมพ์ชื่อไว้อย่างชัดเจนว่าไป๋ยิ่นหนิง
พอเห็นชื่อที่โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ จงจิ่งห้าวก็กดวางสายอย่างไม่ลังเล
หลินซินเหยียนลืมตาขึ้นแล้วถามออกไป“ใครหรอ?”
“เบอร์แปลกน่ะ”เขาบล็อกเบอร์ไป๋ยิ่นหนิงไป จากนั้นก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเหมือนเดิม“นอนต่อเถอะ”
หลินซินเหยียนลุขึ้นมา“นอนไม่หลับแล้ว”
ไป๋ยิ่นหนิงที่อยู่ปลายสายโทรกลับอีกครั้ง แต่ว่ากลับไม่มีสัญญาณตอบรับ เห็นได้ชัดว่าเบอร์ของเขาถูกปิดกั้นไว้
เขามองโทรศัพท์ ในใจก็พอจะรู้คร่าวๆแล้วว่าจงจิ่งห้าวน่าจะเป็นคนทำ เพราะถึงหลินซินเหยียนจะโกรธแต่เธอไม่ทำแบบนี้หรอก
และถึงจะทำ เธอก็จะบอกเขาก่อน
ดูเหมือนคงต้องไปดูซักหน่อยแล้ว
หลินซินเหยียนที่ไม่อยากนอนต่อแล้วเลิกผ้าห่มออกจากนั้นก็เดินลงไปดูฉินยาที่ชั้นล่าง หล่อนยังคงหลับอยู่ ตัวหล่อนก็ไม่ร้อนแล้ว เห็นทีคงจะไข้คงจะลดแล้วล่ะ
หลินซินเหยียนเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูลงเบาๆ จากนั้นก็ไปดูลูกชายกับลูกสาว จงเหยียนซีตื่นแต่เช้าแล้วเพียงแต่ว่ายังไม่ลุกออกจากเตียง เอาแต่นอนกลิ้งไปมา
เธอเดินไปที่เตียงแล้วพูดกับลูกสาวขึ้น“เสี่ยวลุ่ย……”
“หนูจะนอนต่อ”จงเหยียนซีดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เห็นได้ชัดเลยว่ายังโกรธอยู่ก็เลยไม่อยากคุยกับหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วขึ้น เด็กคนนี้อารมณ์ร้ายพอสมควร เธอไม่ได้ง้อลูกสาวต่อ ในใจคิดว่าคงต้องพาไปร้านขายสัตว์เลี้ยงนู่นแหละ ลูกสาวถึงจะหายโกรธ
เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่ห้องครัวเพื่อช่วยป้าหยูเตรียมอาหารเช้า
ทันใดนั้นเองเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น ป้าหยูกำลังปอกผลไม้ หลินซินเหยียนจึงไปเปิดประตูให้