หลินซินเหยียนไม่อยากจะพัวพันกับเธอ “ในเมื่ออธิบายชัดเจนแล้ว ฉันไปได้รึยัง? ”
คุณนายรีบโบกมือ “ขอโทษด้วยค่ะ คุณไปเถอะ”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมองจงจิ่งห้าว สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก พูดเบาๆ ว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
จงจิ่งห้าวเงยหน้ามองเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก คิดว่าน่าจะต้องหงุดหงิดเพราะเรื่องวุ่นวายอะไรพวกนี้
เขาจับมือหลินซินเหยียนที่คล้องแขนของเขาอยู่ คิ้วขมวดเข้าหากันและหรี่ตา มองหน้าไป๋ยิ่นหนิงด้วยสีหน้าที่มืดมน พร้อมกับเตือนว่า “ต่อไปอยู่ให้ห่างภรรยาผมหน่อย ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเกิดว่ามีครั้งหน้าอีกมันคงไม่จบง่ายแบบนี้หรอกนะ” พอพูดจบเขาก็เหลือบมองโจวฉุนฉุนกับคุณนายโจวด้วยแววตาที่เยือกเย็น หลังจากนั้นก็พาหลินซินเหยียนออกไป
พอออกมาจากร้านชุดชั้นใน จงจิ่งห้าวก็ถามว่า “ทำไมมาคนเดียว”
หลินซินเหยียนถอนหายใจออกมา แล้วหยอกล้อว่า “ไม่ยังงั้นจะให้ฉันมาชอปปิ้งกับคุณเหรอ? ”
เธอเองก็ไม่ได้มีเพื่อนอะไร คนที่สนิทด้วยก็มีแต่ฉินยา ตอนนี้ฉินได้รับบาดเจ็บพักผ่อนอยู่ที่บ้าน พอคิดถึงฉินยา อารมณ์ของเธอก็หนักอึ้งขึ้นอีกครั้ง
จงจิ่งห้าวหันหน้ามามองเธอ “อยากซื้ออะไร เดี๋ยวผมซื้อเป็นเพื่อน”
เดิมทีหลินซินเหยียนไม่ได้จะซื้อของตัวเอง เมื่อกี้ก็แค่หยอกล้อเขาเท่านั้นเอง เธอรู็ว่าเขายุ่งอยู่ และก็รู้ว่าเขาไม่มีทางเป็นเหมือนสามีบ้านอื่นๆ ที่จะเดินชอปปิ้งเป็นเพื่อนเธออะไรแบบนั้นหรอก
เธอหันหน้าไปมองจงจิ่งห้าว ยิ้มกว้างและพูดอย่างออดอ้อนว่า “จะไปเป็นเพื่อนฉันจริงๆ เหรอ ?”
จงจิ่งห้าวก้มหน้าแล้วจุ๊บลงที่ริมฝีปากของเธอ พร้อมกับยิ้มและพูดว่า “ผมพูดไม่จริงจังเหรอ? ”
ไป๋ยิ่นหนิงที่พึ่งออกมาจากร้านเสื้อผ้าก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์นั้นพอดี สีหน้าของเขายังคงดูสงบอยู่ แต่ว่าสายตาของเขากลับมาประกายที่แปลกประหลาด เขามองออกว่า ความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวนั้นดีมาก
คุณนายโจวไม่ทันเห็นสีหน้าของไป๋ยิ่นหนิง เธอยังคงช็อกกับเรื่องที่จงจิ่งห้าวแต่งงานแล้ว แล้วภรรยาก็ท้องแล้วอีกด้วย “จงจิ่งห้าวที่คนอื่นต่างเรียกกันว่าเป็นชายโสดผู้ยิ่งใหญ่ แต่งงานแล้ว”
ไป๋ยิ่นหนิงเหลือบมองคุณนายโจว แล้วก็เข็นรถเข็นออกไปอย่างเงียบเชียบ โจวฉุนฉุนรีบตามไป คุณนายโจวได้สติกลับมาแล้วเห็นท่าทางรีบร้อนของลูกสาวตัวเอง ก็ถอนหายใจยาวออกมา
ลูกสาวของตัวเองใสซื่อก็อีกเรื่องนึง แถมยังใส่ใจไป๋ยิ่นหนิงขนาดนี้ เชื่อฟังเขาทุกอย่าง ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งถูกไป๋ยิ่นหนิงทิ้งขึ้นมา เธอจะทำยังไง
ไม่ใช่ว่าเธอคิดไม่ดี เพราะหวังว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกสาว แต่ว่าลูกสาวของเธอใสซื่อเกินไป ไม่เข้าใจโลก และยิ่งไม่รู้วิธีเอาใจผู้ชาย มัดใจผู้ชาย เวลาผ่านไปนานแล้ว เธอรู้สึกกลัว
เธอเรียกลูกสาว “ฉุนฉุน ช้าหน่อย”
พอพูดจบเธอก็รีบตามไป
ระหว่างทางกลับนั้นไป๋ยิ่นหนิงเงียบตลอดทาง เหมือนกับว่ากำลังแสดงออกอยู่ว่าตัวเองไม่พอใจ
เขาดูออก ว่าหลินซินเหยียนโกรธ
ถูกดึงเอาไว้แล้วก็เรียกว่าชู้ แถมยังถูกคนรอบข้างมองอีก ก็ต้องอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว
เขาไม่คิดเลยว่าคุณนายโจวจะไม่แคร์สถานะของตัวเองแล้วจับหลินซินเหยียนไว้ไม่ให้ไปต่อหน้าคนหมู่มาก
นี่มันอุกอาจเกินไปแล้ว!
ตระกูลโจวอยู่ในคอนโดด้านข้างทำเนียบรัฐบาลในเมืองB เพราะว่า เนื่องจากมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล สภาพแวดล้อมที่นี่จึงดีมาก ชุมชนตั้งอยู่ทางด้านขวามือของสวนสาธารณะและถูกต้นไม้ที่ปลูกไว้ในสวนสาธารณะบดบังจนหมด ดูเงียบสงบมาก แต่คนที่สามารถอยู่ได้ในชุมชนนี้ไม่ใช่ตัวตนธรรมดาทั่วไป คนที่จะอยู่ที่นี่ได้ต้องมีคนในครอบครัวเป็นข้าราชการเท่านั้น
มองดูเหมือนเป็นคอนโดที่เงียบสงบ แต่ว่าอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยนั้นดีมาก
รถจอดลงอย่างรวดเร็ว เกาหยวนช่วยให้ไป๋ยิ่นหนิงลงจากรถ คุณนายโจวกับโจวฉุนฉุนก็ตามมาด้านหลัง
ไป๋ยิ่นหนิงพาโจวฉุนฉุนมาที่เมืองB เป็นครั้งแรกที่พาเธอมาเยี่ยมพ่อตาแม่ยาย แล้วก็คุยกับโจวหวยโฮ่เกี่ยวกับเรื่องงานด้วย
โจวหวยโฮ่ ไม่ใช่นักธุรกิจ แต่ว่าเป็นข้าราชการการเมือง ในองค์กรของเขานั้นเขามีตำแหน่งไม่น้อยเลย
ภรรยาของเขากู้ฮุ่ยซินคือลูกสาวคนที่สามของตระกูลกู้ แต่ว่าไม่ได้โตมาที่บ้านตระกูลกู้ แต่เธอโตมากับป้า และเธอไม่กระตือรือร้นเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอจึงไม่มีความรู้สึกใดๆ
หลังจากแต่งงานกับโจวหวยโฮ่แล้ว เธอก็ยิ่งเฉยเมยต่อตระกูลกู้ และแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน
เพราะว่าสามีของเธอไม่ชอบตระกูลกู้ โดยเฉพาะน้องชายของเธอกู้เป่ยที่ชอบทำเรื่องวุ่นวาย แล้วสามีของเธอก็ค่อนข้างเป็นคนซื่อตรง ดังนั้นจึงเรียกว่าศีลไม่เสมอกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างคุณนายโจวกับสามีนั้นดีมาก มีลูกสาวเพียงคนเดียวนั่นก็คือโจวฉุนฉุน แม้ว่าลูกสาวจะไม่ค่อยฉลาดและไม่ค่อยรู้เรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์ แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยรังเกียจ และพยายามปกป้องลูกสาวให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องการลูกคนที่สอง
ตอนที่ไป๋ยิ่นหนิงกำลังคุยกับโจวหวยโฮ่อยู่นั้น ไป๋ยิ่นหนิงก็ได้รับข้อความจากโจวฉุนฉุนให้ออกไปข้างนอก พอเห็นว่าพวกเขากลับมาด้วยกันก็เลยถาม “ฉุนฉุนเรียกคุณออกไปทำอะไรเหรอ? ”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้พูดอะไร ในใจยังรู้สึกไม่พอใจกับคุณนายโจว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักโจวฉุนฉุน และก็อยากได้ความช่วยเหลือจากตระกูลโจวจริงๆ แต่ว่าเขาไม่เคยคิดจะทำร้ายโจวฉุนฉุนเลย ก็แค่อยากจะเก็บคุณผู้หญิงที่ใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ไว้ข้างกายของเขา
เขาไม่ชอบถูกคนอื่นสงสัยและคาดเดาเกี่ยวกับตัวเอง
โจวหวยโฮ่แค่มองก็รู้แล้วว่าไป๋ยิ่นหนิงไม่พอใจ เขาหันไปมองลูกสาวของตัวเอง “ฉุนฉุนว่ามาซิลูก”
โจวฉุนฉุนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านชุดชั้นในให้เขาฟัง “หนูไม่สามารถเกลี้ยกล่อมแม่ได้จริงๆ ก็เลยต้องบอกยิ่นหนิงค่ะ”
พอเธอพูดจบ ไป๋ยิ่นหนิงก็พูดว่า “ผมแต่งงานกับฉุนฉุน ก็ดูเรื่องพื้นหลังของครอบครัวเธอด้วย แต่ว่าผมก็ชอบเธอด้วยใจจริงๆ เธอไม่ฉลาด แต่ว่าเธอก็เป็นผู้หญิงที่ใสซื่อและใจดีที่สุดที่ผมเคยเจอ ผมอยากจะให้เธออยู่ในอนาคตของผม และผมก็อยากจะใช้ความสามารถของผมดูแลเธอไปตลอดชีวิต”
เขาไม่ได้รักโจวฉุนฉุน แต่ก็แค่ชอบในความใสซื่อของเธอเท่านั้นเอง
เขาไม่ชอบวางอุบาย ในเมื่อเขาไม่มีโชคชะตากับคนที่เขาชอบ จึงเป็นการดีกว่าที่จะใช้ชีวิตที่เหลือกับคนที่สบายใจกับเขา
ไป๋ยิ่นหนิงเงยหน้าขึ้นมองคุณนายโจว “ที่คุณเป็นแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณไม่เชื่อใจผม ผมนึกว่าพวกคุณยกฉุนฉุนให้ผมแล้ว เพราะว่ารู้จักผมดี เชื่อใจผม แต่ว่าเหมือนกับว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ผมรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ ”
คุณนายโจวอยากจะอธิบาย แต่ว่าก็หาเหตุผลไม่ได้ เพราะว่าเธอสงสัยในตัวของไป๋ยิ่นหนิงจริงๆ
“เอาเถอะ ฉันนี้ฉันประมาทเอง มันจะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้วโอเคไหม? คุณคงจะไม่ไม่ยอมปล่อยฉันไปหรอกใช่ไหม” คุณนายโจวเป็นคนใจใหญ่ ผิดก็กล้ายอมรับผิด ไม่ใช่ให้ตายก็ไม่ยอมรับเพราะเห็นว่าตัวเองแก่กว่า “เดี๋ยววันหน้าฉันจะไปขอโทษคุณนายจง ยังไงก็เป็นเพราะว่าฉันทำให้เธอต้องอับอายในที่สาธารณะ”
พอพูดแบบนี้แล้วเธอก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของจงจิ่งห้าว”
ไป๋ยิ่นหนิงก็ไม่ใช่คนที่ไม่ให้อภัยคน แล้วอีกอย่างเขาก็เคารพตระกูลโจวมาก เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า “คุณไม่ต้องไปหรอกครับ คุณเป็นผู้ใหญ่ ให้ฉุนฉุนไปแทนดีกว่า เธอเป็นเด็กแล้วอายุก็พอๆ กับคุณ……นายจง ให้เธอไปน่าจะเหมาะสมกว่า”
ไป๋ยิ่นหนิงมีความเห็นแก่ตัว เขาอยากให้โจวฉุนฉุนกับหลินซินเหยียนกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน สนิทกัน
เขาไม่ได้อยากจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าใกล้หลินซินเหยียนหรอก แค่อยากจะมองเห็นเธอเพียงเท่านั้น
คุณนายโจวคิดดูมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เธอเป็นผู้ใหญ่ถ้าไปขอโทษด้วยตัวเองมันจะน่าขายหน้าเกินไป ให้ลูกสาวไปแทนเธอ แต่เธอก็กังวลว่าโจวฉุนฉุนจะทำไม่ได้ เธอพูดอะไรที่เป็นพิธีรีตองไม่ค่อยเป็นอีก
ไป๋ยิ่นหนิงรู้ว่าคุณนายโจวกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เลยพูดว่า “แม่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ คุณ……นายจงเธอเป็นคนใจดี ไม่ทำให้ฉุนฉุนลำบากใจหรอก”