หลินซินเหยียนถอนสายตากลับมาไม่มองเขา ก้มหน้าลงถาม “เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องของลุงเหวินชิงของเธอน่ะ” ช่าวหยุนพูด
เพราะเหวินเสียนเป็นผู้หญิงของพี่ชายเขา ดังนั้นเมื่อรู้เรื่องบางอย่างของเหวินเสียน เดิมทีเขาสัญญากับหลินซินเหยียนว่าจะสืบเรื่องของจงจิ่งห้าวให้ ผลปรากฏว่าได้ไปรู้เรื่องของเหวินชิงเข้า
เขาไม่รู้เรื่องความแค้นระหว่างเหวินชิงกับจงจิ่งห้าว แค่รู้ว่าเกิดเรื่องกับเหวินชิง
หลินซินเหยียนเป็นลูกสาวของเหวินเสียน หลานสาวของเหวินชิง ควรรับรู้หรือให้ความช่วยเหลือ
เนื่องจากใกล้กันมาก จงจิ่งห้าวจึงได้ยินเสียงของช่าวหยุนในสาย สายตาของเขาขยับไปที่ใบหน้าของหลินซินเหยียน อยากเห็นสีหน้าของเธอว่าเป็นอย่างไร จะรู้สึกไม่ดีเพราะเรื่องของเหวินชิงหรือไม่ เพียงแต่หลินซินเหยียนก้มหน้า เขาจึงมองไม่เห็นลักษณะสีหน้าของเธอในตอนนี้
หลินซินเหยียนได้เห็นข่าวและรู้นานแล้ว อารมณ์ที่ไม่คงที่ก็ผ่านพ้นไปนานแล้ว และตอนนี้มีจงจิ่งห้าวอยู่ด้วย ต่อให้มีอะไรเธอก็จะไม่แสดงมันออกมา
เธอขยับสองก้าวไปข้างทาง เว้นระยะห่างจากจงจิ่งห้าว ไม่ใช่ว่าเธออยากอยู่ห่างจากเขา เพียงแต่ไม่อยากให้เขาได้ยินเสียงของช่าวหยุน
เธอยังคงก้มหน้ามองเท้าตัวเอง พูดว่า “ฉันรู้หมดแล้วค่ะ คุณอย่าถามอีก และไม่ต้องยุ่ง ฉันไม่ได้อยู่ในเมืองC เรื่องโรงงานทางนั้นรบกวนคุณช่วยดูแลให้ฉันด้วยนะคะ”
“เขาเป็นลุงของเธอ…”
“อารองคะ” หลินซินเหยียนขัดจังหวะเขา น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้
ซึ่งช่าวหยุนไม่ได้โง่ โดยธรรมชาติแล้วฟังการบอกปัดของเธอออก จึงหยุด
แล้วเปลี่ยนเรื่อง “เธอไม่ได้อยู่เมืองC แล้วเธอไปอยู่ที่ไหน”
“ฉันมางานแต่งของเพื่อนค่ะ อีกไม่นานก็กลับแล้ว”
“ได้ วางใจเถอะทางนี้มีฉันอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วง”
หลินซินเหยียนส่งเสียงอืมและพูดว่า “งั้นถ้าอย่างนั้นแค่นี้นะคะ” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากทางนั้นเธอถึงได้วางสาย ใส่โทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋า เงยหน้าขึ้น ปะทะเข้ากับสายตาของจงจิ่งห้าวพอดี เขากำลังมองตัวเอง แววตามืดหม่นล้ำลึก
เหมือนกำลังสอบสวนอยู่ และเหมือนแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา
เมื่อครู่ระยะห่างที่เธอยืนมันใกล้เขามาก เสียงของช่าวหยุนเขาได้ยินแน่นอน
หลินซินเหยียนกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด จึงอธิบายว่า “ก็ฉันได้รับภาพพวกนั้น กลัวว่าจะมีคนเล็งมาที่คุณ ฉันจึงให้เขาช่วยสืบเรื่องของคุณ”
ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่รู้เรื่องของเหวินชิง แต่เธอไม่ได้พูดออกมา คนคนนี้เหมือนอุปสรรคระหว่างพวกเขา เมื่อพูดถึงชื่อนี้ ก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
จงจิ่งห้าวเม้มริมฝีปาก รู้ว่าเธอกังวลอะไรอยู่ เขาก็ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากถูกคนไม่สำคัญมาทำลายบรรยากาศ
เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณเป็นห่วงผมเหรอ กลัวว่าผมจะตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม”
หลินซินเหยียนเหลือบมองเขา “ฉันเป็นห่วงเด็กทั้งสองคน พวกเขาอยู่กับคุณ”
จงจิ่งห้าวเข้ามาโอบไหล่เธอ “ยอมรับว่าแคร์ผมมันยากเหรอ”
หลินซินเหยียนหันหน้าหนี จงจิ่งห้าวไม่ยอม ขืนใบหน้าของเธอให้หันมา ให้เธอมองตัวเอง “พูดมา คิดถึงผมไหม”
“ไม่” หลินซินเหยียนจงใจปฏิเสธ
ที่จริงแล้วช่วงที่ผ่านมา เธอคิดถึงเขามาก
คิดถึงมาก
“จริงเหรอ” เขาเหยียดมุมปาก สีหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ คืนนั้นเธอร้อนแรงออกจะตาย
“โกหก” ทันใดนั้น หลินซินเหยียนก็สอดมือสองข้างผ่านเอวของเขาและกอดเอวผอมของเขา ช่วงที่ผ่านมาเธอเหนื่อยมาก ในหัวใจมีความกดดันหนักหน่วง “ฉันเหนื่อยมามากเลย”
เขาลูบแผ่นหลังของเธอ รู้ว่าเธอทนแบกรับมากกว่าเขา “พวกเราอาศัยอยู่ในเมืองCกันเถอะ เดี๋ยวกลับไปแล้วผมจะซื้อบ้านหลังใหญ่หน่อย ให้ครอบครัวเราอยู่ด้วยกัน คุณว่าดีไหม”
“ได้เหรอ” ที่จริงเธอไม่อยากกลับไปที่เมืองBอีกแล้ว ต่อให้พวกเขาทั้งคู่จะไม่ได้พูดถึงคนพวกนั้น เรื่องพวกนั้น แต่การอาศัยอยู่ที่นั่น จะต้องได้ยินเรื่องที่เคยเกิดขึ้นอยู่เสมอ
เพราะถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองนั้น มีคนปากหอยปากปูมากมายที่รู้
ในใจหลินซินเหยียนมีความกังวล เพราะถึงอย่างไรงานของจงจิ่งห้าวก็อยู่ที่นั่น “แล้วบริษัทล่ะทำยังไง”
“ผมจะจ้างคนมาดูแลจัดการ” เขายิ้ม “ผมก็อยู่ทางนี้เป็นเพื่อนคุณกับลูกทั้งสองอย่างสบายใจ ถ้าอยู่ไม่ได้จริงๆ คุณก็เลี้ยงผม ยังไงตอนนี้คุณก็เลี้ยงผมได้อยู่แล้ว”
หลินซินเหยียนปฏิเสธเขา “ฉันเลี้ยงคุณไม่ไหวหรอก”
“งั้นผมจะกินน้อยหน่อย และไม่ต้องเตรียมห้องอื่นให้ผม ผมจะอยู่ห้องเดียวกับคุณ แบ่งเตียงให้ผมแค่ครึ่งหนึ่ง ยังไงผมก็ไม่กินเนื้อที่อยู่แล้ว ไม่เปลืองเงินคุณมากหรอก”
หลินซินเหยียน “……..”
“ข้างนอกมันร้อนเกินไป เรากลับไปรับเด็กทั้งสองคนกัน” จงจิ่งห้าวโอบเธอ ยืนข้างถนนโบกเรียกแท็กซี่ ตอนนี้ยังไม่มีรถมา เขาจึงถามว่า “คุณเหนื่อยหรือเปล่า พวกเราพักสักวันแล้วค่อยกลับไหม”
“กลับเลยเถอะ เรื่องรูปถ่ายนั่นคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ” หลินซินเหยียนเงยหน้ามองเขา
เรื่องนี้ยังไม่คลี่คลาย เธอก็ไม่สบายใจอยู่ตลอด
จงจิ่งห้าวรวบกอดแขนข้อพับของเธอ อ้อมแขนรัดตัวของเธอแน่นมาก “รู้ แค่ยังไม่แน่ใจ ผมให้เสิ่นเผยซวนไปสืบแล้ว” เขามองเธอพร้อมกับพูดอย่างจริงจัง “ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะ”
หลินซินเหยียนเข้าใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ และถามเขาว่า “คุณไม่ได้ทำอะไรจริงๆ?”
จงจิ่งห้าว “………”
“คุณรู้ว่าผมหมายถึงอะไร” ต้องให้เขาพูดให้ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ
“ฉันไม่รู้”
ต่อให้คนอื่นจะตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่มันกลับทิ้งเงามืดไว้ในใจของเธอ มักจะคิดว่าเขานอกลู่นอกทางจริงๆ และตอนที่เขานอนกับผู้หญิงอื่นมันเป็นภาพแบบนั้น
“ผมไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากคุณ” จงจิ่งห้าวอธิบายทีละคำ มีรถแท็กซี่มา เขาจึงยกมือหยุดมัน
“ต่อให้คุณเคยนอน ฉันก็ไม่รู้” หลินซินเหยียนเชื่อใจเขา แค่รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ร้อนรุ่มน่ารำคาญ
จงจิ่งห้าว “……..”
แท็กซี่จอดเทียบข้างทาง จงจิ่งห้าวเปิดประตูรถ ใช้มือกันศีรษะเธอเพื่อป้องกันเหตุ หลินเซียนเหยียนมุดตัวเข้าไปนั่ง เขาตามหลังขึ้นไป
เพราะว่านั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ข้างหน้ามีคนขับ ระหว่างทางทั้งคู่จึงไม่ได้พูดคุย เมื่อถึงที่หมาย หลังจากจ่ายค่ารถแล้วจงจิ่งห้าวก็จับมือเธอ “หรือไม่ คุณลองตรวจสอบดูไหม”
“ตรวจสอบอะไร” หลินซินเหยียนยังไม่รู้ตัว
เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ตรวจสอบ ว่าผมนอกลู่นอกทางหรือเปล่า”
“จะ จะ จะตรวจสอบยังไง” หลินซินเหยียนพูดตะกุกตะกัก นอกจากจับคนทรยศคาหนังคาเขาบนเตียงเพื่อหาหลักฐานสำคัญแล้ว จะตรวจสอบออกมาอย่างไรได้อีก
จงจิ่งห้าวดึงรั้งคอเสื้อ เพราะความร้อน บนผิวมีเหงื่อชั้นบางๆ เขายกยิ้มมุมปาก “แน่นอนว่าเป็นการอยู่บนเตียง”
หลินซินเหยียน “……….”
นานมากกว่าเธอจะพูดอย่างข่มอารมณ์ออกมาสามคำ “ไร้ยางอาย”
จงจิ่งห้าวไม่สนใจ เอื้อมมือออกไปลูบสัมผัสท้องของเธอ สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเธอผ่านผ้าได้จางๆ “ต่อจากนี้คุณอยู่ห่างจากคนแซ่ไป๋หน่อย”
“คุณหึงเหรอ” หลินซินเหยียนถามเขา
“ผมอยากตัดมือเขา” เมื่อนึกถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของไป๋ยิ่นหนิง ก็แสนจะอยากฉีกแก้มเขา ดูซิว่าเขาจะยิ้มออกได้อีกไหม
หลินซินเหยียนรู้ว่าตอนนั้นตัวเองทำไม่ถูกอย่างมากที่ไม่ปัดออก เพราะถึงอย่างไรชายหญิงนั้นแตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างแต่งงานแล้ว โดยเฉพาะไป๋ยิ่นหนิง ไม่ว่าโจวฉุนฉุนจะสมองปกติหรือไม่ เขาก็ไม่ควรทำอย่างนั้นต่อหน้าเธอ
“คุณรู้ไหมว่าหญิงสาวคนนั้นที่ไป๋ยิ่นหนิงแต่งงานด้วย ไร้เดียงสามาก”
กล้าอวดดีขนาดนั้นต่อหน้าภรรยาหมาดๆ ได้ เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาจะสมองไม่ดี
ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนไหนจะทนได้
“สงสารเขา?” จงจิ่งห้าวเหลือบมองสีหน้าเธอ รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ไม่รอเธอตอบ ก็พูดต่ออีกว่า “คุณให้หน้าเขา แต่เขาเหยียบจมูกบนหน้า อย่าสงสารเขา”
เขากระชับมือของหลินซินเหยียนแน่น พลางพูดอย่างจริงจัง “ได้ยินหรือเปล่า”
หลินซินเหยียนไม่อยากให้เขาไม่พอใจ จึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจแล้ว”
จงจิ่งห้าวบีบจมูกของเธอ “นี่สิถึงเป็นเด็กดี เดินเข้าไปกันเถอะ เสี่ยวซีกับเสี่ยวลุ่ยอยู่ข้างใน”
“พวกเขาทั้งคู่เปลี่ยนชื่อแล้ว” หลินซินเหยียนคิดว่าเขาลืม จึงเอ่ยเตือน
จงจิ่งห้าวหันไปมองเธอ สีหน้าท่าทางจริงจังมาก