กู้เป่ยมีน้ำเสียงไม่รีบร้อน “อย่าลืมนะว่าลุงของคุณไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้แล้ว เขาลงจากหลังม้าแล้ว ไม่ใช่สิ ตอนนี้พวกคุณน่าจะเป็นศัตรูกันมากกว่า แล้วต่อให้เสิ่นเผยซวนจะเป็นรองอธิบดีแล้วยังไงกัน? ผมไม่อยากจะทำอะไรเขา แต่ถ้าเกิดว่าอยาก ผมแค่บอกให้ที่บ้านผมแค่ขยับนิ้ว เขาก็ต้องลงจากตำแหน่งในทันที คุณมีอะไรมาสู้กับผม เรื่องของพี่สี่ จะสามารถลากผมออกมาได้อย่างนั้นเหรอ? ตอนนั้นผมสามารถถอยออกมาได้อย่างเต็มตัว ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เมื่อกี้ผมบอกแล้ว คุณแค่ต้องขอโทษที่คราวที่แล้วหลอกใช้ผมแล้วทำร้ายผม เรื่องนี้ พวกเราก็ถือว่าจบกัน ต่อไปต่างคนก็ต่างยุ่งกับเรื่องของตัวเอง แน่นอน ถ้าเกิดว่าประธานจงอยากเป็นเพื่อนกับผมแล้วก็ ผมก็จะยอมเป็นเพื่อนด้วยก็ได้”
ขอโทษเขางั้นเหรอ?
หลินซินเหยียนกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกจงจิ่งห้าวจับมือเอาไว้ก่อน ส่ายหน้าให้เธอ ให้เธออย่าใจร้อน
จงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้นมา มุมปากของเขาดูดุเดือดและรุนแรง ถังเย็นชาและแข็งกร้าว “ขอแค่เป็นคนของตระกูลจงก็ไม่สามารถมีใครแตะต้องได้ทั้งนั้น ใช่ เบื้องหลังของประธานกู้นั้นแข็งแกร่ง จะต่อให้แข็งแค่ไหนก็ต้องมีจุดอ่อนสินะ?”
เขาเองหลังเล็กน้อยและพิงโซฟาด้วยท่าทีขี้เกียจ พร้อมกับหัวเราะเยาะ “คนเลว เอาสิ่งสกปรกมาแปดเปื้อนลูกตาของภรรยาผม แถมยังจับคนข้างกายภรรยาผมไปอีก บัญชีเก่าบัญชีใหม่ก็จัดการพร้อมกัน ประธานกู้ควรอธิบายให้ผมฟัง คิดงั้นไหมครับ?”
กู้เป่ยกัดฟันกรอด “มันจะเกินไปแล้วนะ!”
ทั้งๆ ที่เขาควรจะขอโทษต่างหาก !
“เกินไปงั้นเหรอ? คนคนนั้นที่ปรากฏตัวที่วัด คือคนของประธานกู้ใช่ไหม? เขาทำอะไรเพื่อนฉัน? คุณไม่รู้เหรอ?”หลินซินเหยียนพูดต่อ เธอบีบมือของเธอ พยายามทำซ้ำอยู่แบบนั้นเพื่อให้สงบลง
“ถ้าเกิดว่าประธานกู้อยากเปลี่ยนจากการต่อสู้เป็นสันติภาพ ก็ต้องออกมาขอโทษเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์จากการลักพาตัวเมื่อครั้งก่อน แบกรับความผิดในครั้งนี้ มอบตัวคนที่ทำร้ายเพื่อนฉันมา ส่วนเรื่องรูป กับละครที่คนเล่นกับลูกน้องของคุณที่เมือง c ฉันสามารถเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่ไปเรียกร้องความรับผิดชอบอะไรก็ได้”
“ที่คุณล้อเล่นกับผมอยู่เหรอ ?”กู้เป่ยเองก็โมโหที่พี่สี่ไปหาฉินยาเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่แค่จะทำตัวไม่ดีแต่ยังปล่อยให้เธอหนีออกไปอีก เขาก็อยากจะฆ่าไอ้พี่สี่ที่ล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ ตอนที่เกิดเรื่อง เขารู้สึกมันออกจะระเบิด
แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถส่งตัวให้ได้ “ถ้าเกิดว่าผมส่งคนให้พวกคุณไปจัดการ ต่อไปใครจะกล้ามาทำงานกับผมอีก แล้วก็ยอมสละชีวิตให้กับผม? เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นมันเป็นอุบัติเหตุจริง ผมไม่ใช่ผู้บงการ แล้วผู้บงการก็ได้ชดใช้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมต้องจับผมไว้ไม่ยอมปล่อยอีก?”
การส่งตัวลูกน้องให้เพราะเขาก็ถือเป็นการทำลายใจของลูกน้องเขา แล้วต่อไปใครจะยอมสละชีวิตเพื่อเขาอีกละ?
ใจคนเรานั้นสำคัญมาก
ต่อให้ พี่สี่ทำผิดเขาก็ต้องเก็บไว้ เขาไม่ได้เก็บไว้คนเดียว แต่ถือว่าเก็บความจงรักภักดีต่อคนพวกนั้นไว้ด้วย
ผู้จัดการสามารถยืนขึ้นเพื่อรับผิดชอบความคิดแทนเขาได้ เห็นได้ชัดว่าเขาดีกับลูกน้องของเขามาก
หลินซินเหยียนหัวเราะเยาะ “ ประธานกู้ก็รู้เหตุผลดี แล้วทำไมถึงได้สับสนล่ะคะ? ถ้าเกิดว่าฉันปล่อยเพื่อนฉันไปไม่สนใจ แล้วต่อไปเพื่อนของฉันยังจะจริงใจกับฉันอีกเหรอ? พวกเราไม่ได้ยึดติด แค่อยากให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มารับผิดชอบ มันเกินไปงั้นเหรอ?”
คำพูดของหลินซินเหยียนชี้จุดสำคัญ ทำให้กู้เป่ยสะอึกพูดอะไรไม่ออก
พอคิดอย่างละเอียดแล้วมันก็เป็นเหตุผลเดียวกัน
กู้เป่ยที่คุยข้อสรุปไม่ได้ก็ไม่ได้มีรอยยิ้มเหมือนในตอนแรก เขามองจงจิ่งห้าวแล้วก็มองผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลมคนนี้ เหมือนกับว่าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจงจิ่งห้าวถึงได้ชอบผู้หญิงคนนี้
ในความประทับใจของเขา ผู้หญิงส่วนใหญ่รวมถึงผู้หญิงที่เขาเคยได้สัมผัสมา เวลาเจอเรื่องอะไรแทบสลบอยู่หลังผู้ชายตลอด รอให้ผู้ชายปกป้อง ไม่ก็ร้องไห้ฟูมฟาย
แต่ว่าเธอ ยืนอยู่ข้างๆ จงจิ่งห้าวยังไม่หวั่นเกรงเลยสักนิด หรือว่าคนที่ไม่รู้ก็เลยไม่กลัวอย่างนั้นเหรอ?
เขามอง หลินซินเหยียน “คุณรู้ไหมว่าพ่อผมเป็นใคร? เพราะคนจะสู้กับผม ไม่จบดีหรอกนะ”
หลินซินเหยียนมองตาเขาอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อคุณคือใคร รู้แค่ว่ามนุษย์เรานั้นเท่าเทียม ถ้าทำเรื่องอะไรผิดไปก็ต้องรับผิดชอบ ในสมัยโบราณมีเจ้าชายผู้ก่ออาชญากรรมเช่นเดียวกับสามัญชน หรือว่า พ่อของคุณสามารถใช้มือเดียวปิดท้องฟ้าได้เลย?”
ดวงตาทั้ง 2 คู่จับจ้องกัน ไม่มีใครยอมใคร หลังจากผ่านไปครู่นึงกู้เป่ยก็พูดออกมาก่อน เขาหัวเราะอย่างเย็นชาเราพูดว่า “ได้ งั้นพวกเรามาสู้กันสักตั้ง ดูว่าใครเก่งกว่ากัน!”
พอพูดจบแล้วเขาก็เดินออกไป
หลินซินเหยียนไม่ได้หันหน้าไป “ประธานกู้กลับดีๆ ไม่ไปส่งนะคะ”
กู้เป่ยหันกลับมามองเธอ แววตาสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็คลี่ยิ้มมุมปาก “ผมรอคอยการที่จะได้เจอคุณหลินอีกครั้งมากเลยครับ”
พอพูดจบเขาก็ยิ้มแล้วก็เดินออกไป
หลินซินเหยียนสีหน้าเย็นชา เขากล้าบ้าคลั่งขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังของเขาน่าจะแข็งแกร่งมาก ถึงได้มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมขณะนี้
“รู้แล้วเหรอ?”จงจิ่งห้าวพูด
ไม่อย่างนั้นจะมาที่นี่ในเวลานี้ได้ยังไง
หลินซินเหยียนหันหน้ามามองเขา “ข่าวเต็มไปหมด ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง ?”
จงจิ่งห้าวก่ายหน้าผาก “ ลืมตัดไฟที่บ้านซะได้”
หลินซินเหยียน,“……”
นี่มันคำพูดอะไรกัน?
“จริงจังหน่อย วางแผนจะทำยังไงต่อ? ฉันว่าเขาจัดการไม่ง่ายเลยนะ” ไม่ใช่ว่าเขาเก่ง แต่เพราะว่าเขามีผู้สนับสนุน
จงจิ่งห้าวถอนหายใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ตอบตรงๆ เขาไม่อยากคุยกับเธอในเรื่องนี้ ตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะทำก็คืออยู่บ้านอย่างสบายใจและดูแลลูกในท้องให้ดี เรื่องอื่นให้เขาเป็นคนจัดการเอง “ทำไมถึงไม่เชื่อฟังผม อยู่บ้านดีๆ ไม่ได้เหรอ ?”
“พอเห็นข่าวแล้วฉันจะสบายใจได้ยังไง? ฉินยาเธอ……”ขนตาของเธอขยับ “ฉันไม่มีวันปล่อยคนที่ทำร้ายเธอไปได้เด็ดขาด”
เธอพูดอย่างแน่วแน่มาก
จงจิ่งห้าวเงียบ เขารู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้ ที่จริงเขาก็ไม่แน่ใจว่าฉินยาเสียตัวหรือไม่ ฉินยาถูกช่วยเหลือออกมาแล้วส่งไปที่โรงพยาบาล เรื่องรายละเอียดนั้นเสิ่นเผยซวนก็ยังไม่ได้โทรมาบอกเขา
พี่สี่ก็ถูกกู้เป่ยซ่อนเอาไว้ อย่างกับกลัวเขาจะไปแย่ง
“เอาโทรศัพท์คุณให้ฉัน” หลินซินเหยียนยื่นมือไปหาจงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวส่งโทรศัพท์ให้กับเธอ “จะเมมเบอร์โทรศัพท์คุณที่เครื่องผมแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ใช่” หลินซินเหยียนก้มหน้ากดโทรศัพท์เขาโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ
จงจิ่งห้าว,“……”
ถ้าอย่างนั้นจะทำอะไร?
เช็คโทรศัพท์ของเขาอย่างนั้นเหรอ?
เธอเป็นแบบนี้ เขาก็แอบรู้สึกขนลุก
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะทำอะไร?” จงจิ่งห้าวถามยังไม่แน่ใจ