พอได้ยินคำพูดนั้นก็ทำให้ซูจ้านถึงกับสะอึก เสิ่นเผยซวนทนดูไม่ได้จริงๆ เพราะไอ้บ้าซูจ้านเรื่องพูดอะไรโง่ๆ ออกมา ก็ทำให้ฉินยาเริ่มโมโห ทั้งชีวิตมันก็อย่าหวังจะได้ผู้หญิงคนนี้กลับมาเลย เขาจึงลากซูจ้านออกมา ” มึงไปรอกูทางโน้นไป เดี๋ยวตอนนี้กูจัดการเอง ”
ซูจ้านรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะตัวเขานั้นมักจะคิดแทนหลินซินเหยียนเสมอ กลัวว่าใครจะแย่งจงจิ่งห้าวไป พอถูกด่าเข้าไป ในใจก็เริ่มอยู่ไม่สุข
” เผยซวนผู้หญิงสมัยนี้ทำไมถึงปากคอเราะร้ายแบบนี้นะ….. ”
” ซูจ้าน มึงหยุดก่อนได้ไหม ” เสิ่นเผยซวนกุมขมับ เขาจะโดนไอ้โง่นี่ทำให้โมโหจนตายเลยหรือยังไง
ซูจ้านถอนหายใจ ” มึงจัดการแล้วกัน ” พูดจบเขาก็เดินไปบ่นไป ในใจยังคิดว่าก็ไม่ได้อยากจะยุ่งสักเท่าไหร่หรอก
เสิ่นเผยซวนเห็นว่าซูจ้านเดินออกไปไกลแล้วก็หันมาทางฉินยา ” เธอคือฉินยาใช่ไหม ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ไม่รอให้ฉินยาปฏิเสธ เขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า ” เพราะซูจ้านมันไม่รู้น่ะ ก็อย่างว่านะคนที่อยู่นอกสถานการณ์ก็มักจะมองได้ทะลุปรุโปร่งกว่าอยู่แล้วล่ะ ”
ฉินยารู้ว่าเสิ่นเผยซวนเป็นคนที่สุขุมพอควร ถ้าเปิดปากพูดแล้วละก็ แสดงว่าต้องสังเกตถึงอะไรบางอย่าง เธอเม้มปากและยิ้มแบบขอไปที ” ฉันรู้แล้วล่ะ ”
” แล้วทำไมเสียงถึงเปลี่ยนล่ะ ตั้งใจดัดเหรอ ” เสิ่นเผยซวนถามอย่างเป็นห่วงเป็นใหญ่
ฉินยาส่ายหน้า ” กล่องเสียงเสียหายได้เหมือนกันน่ะ ”
เสิ่นเผยซวนถอนหายใจอย่างโล่งอก ” ไม่เป็นไรนะ ยังไงเสียงตอนนี้ก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอก ” เขายื่นมือไปขอโทรศัพท์ของฉินยา ” เธอรู้ข่าวของพี่สะใภ้บ้างไหม ”
ฉินยายื่นโทรศัพท์ให้เขา เธอรู้ดีว่าไม่ควรพูดจาอ้อมค้อม ” อืม ฉันออกจากโรงพยาบาลก็ไปตามหาเธอ แล้วก็อยู่กันด้วยกันมาโดยตลอด ”
เสิ่นเผยซวนกดเบอร์โทรศัพท์ของจงจิ่งห้าวให้เธอแล้วส่งคืน แล้วอธิบายแทนซูจ้านไปว่า ” นิสัยหัวร้อนของมันเธอก็คงรู้ดี อาจจะแปรปรวนไปบ้าง แต่อยากให้รู้ไว้ว่าเป็นห่วงไม่เคยคิดร้าย เมื่อกี้มันจำเธอไม่ได้ มันคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่จะมาให้ท่าจิ่งห้าวน่ะ เป็นเพราะพี่สะใภ้ไม่อยู่ด้วยแหละ มันเลย….. ” ประโยคที่เหลือเขายังไม่ทันพูดจบ แต่ก็เชื่อว่าฉินยาคงเข้าใจ
ฉินยาแสดงท่าทีว่าเข้าใจ ” ฉันหวังว่าคุณจะปกปิดความลับให้ฉันได้ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ไม่ใช่เพราะว่าฉันปล่อยวางอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ แต่แค่ไม่อยากให้เขามาวุ่นวาย ฉันต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบ ”
เสิ่นเผยซวนมองไปที่เธอสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า ” ฉันไม่บอกมันหรอก ต้องให้มันลิ้มรสชาติของความลำบากเสียบ้าง ไม่งั้นก็คงทำผิดอีก ฉันเห็นด้วยกับวิธีที่เธอทำนะ ”
” เปล่าหรอก ” ฉินยารีบอธิบาย ” ฉันไม่ได้กำลังลงโทษเขา ฉันแค่ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก ความรักของเรามันเหนื่อยกันไป ฉันไม่อยากยุ่งแล้วเรื่องพวกนี้สักพัก อย่างตอนนี้ฉันก็ยุ่งมาก คุณก็เห็น ว่าวันนี้คนเยอะแค่ไหน นิทรรศการวันนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลังจากนี้ก็ยังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ ”
เสิ่นเผยซวนถอนหายใจ ” โอเค ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ ” ก่อนเขาจะหันตัวเดินจากไป เหมือนว่าจะคิดอะไรได้บางอย่างจึงหันกลับมาพูดกับฉินยา ” ช่วงนี้ผ่านมานี้มันใช้ชีวิตได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตัวมันเองก็ทรมานมากไม่ต่างกัน ใช้ชีวิตอย่างหมดอาลัยตายอยากในแต่ละวัน ไม่ใช่ว่าพักนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลยยุ่งตลอด แม้แต่ตอนนี้สภาพของมันก็ยังไม่ค่อยดีเช่นกัน ”
ฉินยาฟังแต่ไม่ได้พูดตอบอะไร
เสิ่นเผยซวนแค่อยากบอกให้เธอรู้ ไม่ได้อยากเห็นถึงท่าทีของเธอที่แสดงออก เพราะจุดนี้เขารู้ดีว่าซูจ้านคงไม่มีวันที่จะได้รับการให้อภัย
” ดูแลตัวเองด้วย ”
เสิ่นเผยซวนพูดจบก็หันตัวจะเดินไป ฉินยายิ้มออกมา ” คุณเองก็ดูแลสุขภาพด้วยนะ อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว รีบหาแฟนได้แล้วล่ะ ”
เมื่อได้ยินคำว่าแฟนเสิ่นเผยซวนก็ดันไปนึกถึงซางหยูได้ยังไงก็ไม่รู้ พอนึกถึงซางหยู ก็คิดถึงจูบที่คาดไม่ถึงในวันนั้น
จากนั้นเขาก็รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
เขารีบเร่งฝีเท้าเหมือนจะอยากหนีไปให้ไกลจากอะไรบางอย่าง ฉินยาเห็นเขารีบผลุนผลันออกไปก็หัวเราะออกมา คนที่เงียบครึ้มมาโดยตลอดอย่างเสิ่นเผยซวนก็มีช่วงเวลาที่กระโตกกระตากกับเขาเหมือนกัน
ขณะอยู่บนรถจงจิ่งห้าวก็โทรศัพท์หากวนจิ้ง
” ใช่ จองเที่ยวบินไปเมืองCที่เร็วที่สุดให้หน่อย ”
ไม่นาน ก็มีเสียงกวนจิ้งตอบกลับมา ” เที่ยวบินที่เร็วที่สุดก็คงจะเป็นพรุ่งนี้เวลาเจ็ดโมงครึ่งครับ ”
” อืม จองให้ฉันหนึ่งใบ ” พูดจบเขาก็วางสายไป ซูจ้านยืนพิงเสาไฟริมถนน ก่อนจะหันไปจ้องจงจิ่งห้าว ” อะไรอีกเนี่ย จะรีบไปทำอะไรที่เมืองCงั้นเหรอ ”
จงจิ่งห้าวไม่ได้หันไปมองเขา แต่ตอบออกมาเนิบๆ ” เรื่องของบริษัท พวกมึงกลับไปก่อนเถอะ ”
พูดจบก็บอกรถแท็กซี่ แล้วจากไป
ซูจ้าน ” …… ”
เขารู้สึกว่าตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งไม่เข้าใจจงจิ่งห้าวขึ้นทุกที
เสิ่นเผยซวนรู้อยู่แล้วว่าจงจิ่งห้าวจะไปทำอะไร ดังนั้นก็เลยไม่ได้ถาม ก่อนจะคล้องคอซูจ้าน ” กลับโรงแรมวันนี้ ถ้ามึงนอนไม่หลับเดี๋ยวกูกินเหล้าเป็นเพื่อนแก้วนึง ”
ซูจ้านมองหน้าเขา ” มึงอยากกินเรอะ ”
” เออกูอยากกิน กินเป็นเพื่อนกูไหมล่ะ ”
” เอาดิวะ ” แขนของซูจ้านก็ผ้าลงไปบนไหล่ของเขา ผู้ชายทั้งสองคนยืนคล้องแขนคล้องคอกัน ไม่ได้รีบโบกรถแต่เดินเล่นไปตามถนนเรื่อยๆ
” ซูจ้าน ก็มีเรื่องอยากให้มึงแนะนำหน่อยว่ะ ” อยู่ดีๆ เสิ่นเผยซวนก็โพล่งขึ้นมา