ฉินยาก็ไม่รู้ว่าจะโกหกต่อไปทำไม ที่ตอบไปแบบนั้นก็เพื่อที่จะปกปิดความเป็นส่วนตัวของหลินซินเหยียน จึงไม่สามารถจะทิ้งร่องรอยให้เป็นพิรุธได้ ก็เลยทำออกไปแบบนั้น
ถึงเธอจะรู้สาเหตุที่เขาและหลินซินเหยียนงั้นแยกทางกัน ตอนแรกเธอคิดว่าทั้งสองคนควรจะปล่อยวางเรื่องนี้เสียที เพราะเรื่องพวกนี้ไม่ใช่พวกเขาที่ทำให้มันเกิด พวกเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องนี้จะด้วยซ้ำ แต่ควรจะทะนุถนอมความรู้สึกทั้งสองฝ่ายและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และลูกของพวกเขาก็โตแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหลินซินเหยียนกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอีกคนหนึ่งอยู่
” เธออยู่ที่เมืองC” วินาทีที่ฉินยาเห็นเขาก็ทำให้รู้สึกแปลกใจ ไม่นึกเลยว่าเขาจะมาถึงที่นี่
แต่พอคิดไปคิดมาก็พอจะเข้าใจแล้ว
เพราะแจกบัตรเชิญออกไปเยอะขนาดนั้น และเขาก็รู้รูปร่างหน้าตาของเธอด้วย เพียงแค่เห็นบัตรเชิญนั่น ก็ต้องเดาได้อยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับหลินซินเหยียน
จงจิ่งห้าวสตั๊นไปหลายวิ ราวกับกำลังรู้สึกว่าคำตอบที่เพิ่งจะได้ยินนั้นเกินความคาดหมาย เมืองCกับเมืองBมันอยู่ติดกันมาก และไม่ได้อยู่ห่างกันเท่าไหร่
” บางทีเธอคงไม่อยากพาลูกให้ห่างไกลจากคุณละมั้งคะ ” ฉินยาพูดเดาออกมา
ถึงที่นั่นจะมีทรัพย์สมบัติที่เหวินเสียนทิ้งไว้ให้เธอ แต่เธอก็ไม่ได้รับเอาไว้ หรือนำไปใช้ เธอเลือกที่จะอยู่ตรงนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ไม่ไกลจาก เมืองB
จงจิ่งห้าวพยุงตัวเองไว้ที่ข้างประตูแล้วมองไปยังแสงไฟตรงริมถนน เหมือนประสาทการรับรู้มึนเบลอ มันโลกใบนี้ค่อยๆ ห่างไกลจะเขาไปเรื่อยๆ เหมือนภาพที่เห็นตรงหน้าจางลง สีเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เหมือนภาพเพ้นสีที่เลอะน้ำจางๆ ในหัวมีเพียงความคิดหนึ่งกำลังวนเวียนอยู่ ” ไปหาเธอสิ…. ไปหาเธอ ”
” เธอพักอยู่ที่ไหน ” เสียงเขาดูต่ำและนิ่งสนิท เมื่อตั้งใจฟังชัดๆ เหมือนจะได้ยินถึงความสั่นเครือเล็กน้อย เหมือนกำลังพยายามกดอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่
” เมืองC,หย่งจิ่งเหอฟู๋ ตึกA ที่หก “ฉินยาบอก
จงจิ่งห้าวกำลังจะทำตัวจากไป ฉินยาก็เรียกเขาเอาไว้ ” เอ่อคือว่า ฉันอยากให้คุณช่วยฉันเรื่องหนึ่ง…. ”
เธอยังไม่ทันได้พูดจบประโยค ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนก็เดินเข้ามา ” ทำไมมึงอยู่ตรงนี้วะ ”
ซูจ้านเดินเข้ามาดูตรงทางเดิน ไม่เห็นว่าทางเดินมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ ก็หันไปมองจงจิ่งห้าว แล้วใช้ปรายตามอง ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ เพราะไม่ได้เปิดปากพูดอะไรออกมา
คำพูดที่จะออกมาจากปากฉินยาเมื่อกี้นี้ก็กลืนลงคอไป เมื่อเห็นหน้าซูจ้านก็ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด แต่เธอทำตัวราวกับเห็นเขาเป็นคนแปลกหน้า
เธอสาวเท้าด้วยส้นสูงเข้ามา สายตาไม่ได้เฉียดไปมองซูจ้านเลยสักนิด และก็ไม่ได้มองเสิ่นเผยซวนเช่นกัน แต่กลับยิ้มให้จงจิ่งห้าวแล้วพูดว่า ” ขอเบอร์หน่อยได้ไหมคะ ”
ซูจ้านอยู่กับเขาตลอด เธอคงไม่สะดวกที่จะพูดต่อหน้าเขา จึงทำได้แค่คุยโทรศัพท์หรือส่งข้อความให้เขาเท่านั้น
จงจิ่งห้าวมองหน้าเธอ พอมองก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่ เหมือนเธอจะบอกเป็นนัยว่าให้เขาเก็บความลับนี้ไว้ ไม่ให้บอกซูจ้านว่าเธอเป็นใคร
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่ เขาหันไปทางซูจ้านแล้วพูดว่า ” เอาเบอร์ฉันให้เธอไปสิ ”
จากนั้นก็เดินจากไป
ซูจ้านไม่ค่อยเป็นใจนัก รู้สึกว่าจงจิ่งห้าวมีท่าทีแปลกไป เขาเองก็ไม่ได้รู้จักกันมาแค่วันสองวัน ขนาดหลินซินเหยียนไม่ได้อยู่ข้างกายเขา เขาก็ไม่ได้ให้ข้อมูลติดต่ออะไรกับผู้หญิงได้ง่ายๆ
หรือว่าจะเป็นเพราะหลินซินเหยียนไม่อยู่ แล้วจิตใจได้รับการกระทบกระเทือนงั้นเหรอ
ไม่ใช่ซูจ้านที่คิดเยอะเกินไป แต่เป็นการกระทำที่แปลกประหลาดของจงจิ่งห้าวต่างหาก
แต่เมื่อเสิ่นเผยซวนเห็นฉินยาแล้วเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาไม่เชื่อในความคิดที่ว่าจงจิ่งห้าวได้เปลี่ยนไปมีรักใหม่แล้ว ได้แต่ทำปากขมุบขมิบพูดชื่อฉินเยี่ยนเยี่ยนไปมา ท่านใดนั้นเหมือนเขาจะจับใจความสำคัญขึ้นมาได้แล้ว
เหตุผลที่ฉินยาออกนอกประเทศเป็นเพราะระเบิดจนเสียโฉม ถ้าการผ่าตัดศัลยกรรมสำเร็จหน้าตาก็คงไม่เหมือนเมื่อก่อนสิ
แต่มันก็น่าบังเอิญที่ผู้หญิงคนนี้แซ่ฉิน ไม่ใช่ความบังเอิญจริงแน่เหรอ
เขาไม่เชื่อหรอกว่ามันคือความบังเอิญ เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่ชื่อฉินเยี่ยนเยี่ยนตรงหน้าเขาตอนนี้ก็คือฉินยา จงจิ่งห้าวคงจะมาหาเธอเพราะต้องการจะถามข่าวคราวเกี่ยวกับหลินซินเหยียน
แม้ว่าเสียงจะเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าจริง หรือจงดัดเสียงกันแน่
กระนั้นแล้ว เสิ่นเผยซวนก็พอจะเข้าใจจงจิ่งห้าวว่าทำไมถึงให้ซูจ้านเป็นคนเอาเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้เธอ หวังว่าหมอนั่นจะเข้าใจความพยายามของจงจิ่งห้าวล่ะนะ จากนั้นเขาจึงยกมือขึ้นมาตบบ่าซูจ้าน ” กูไปรอมึงตรงริมถนนแล้วกัน ”
พูดจบก็เดินออกไป แต่ซูจ้านก็ยื้อเสิ่นเผยซวนเอาไว้ ” มึงอย่าไปนะเว้ย ”
เสิ่นเผยซวน ” …… ”
ไอ้นี่มันโง่ไปแล้วหรือยังไง ถึงดูไม่ออก
อุตส่าห์ให้โอกาสอยู่กันตามลำพังก็ไม่เอา
เสิ่นเผยซวนคิดในใจว่า ไอ้ผู้ชายคนนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆ
ดูเหมือนว่าซูจ้านจะดูไม่ออกในสิ่งที่เสิ่นเผยซวนต้องการจะสื่อ ตอนนี้การที่เขามองผู้หญิงคนหนึ่งก็ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนกำลังหักหลังฉินยาอยู่ ไปเอาความคิดจากไหนที่ไหนกล้าไปมอง ฉินยาก็รูปลักษณ์ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ไม่ได้มีเค้าโครงเดิมอย่างเมื่อก่อน
อีกอย่างเสียงก็ไม่เหมือนเลยสักนิด ก็เลยไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนั้น เขามองฉินยาด้วยสายตาเย็นชา ” อย่าคิดว่าตัวเองหน้าตาใช้ได้ แล้วจะจีบใครไปเรื่อย ผู้ชายคนนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว ถ้าไม่อยากถูกด่า ก็หัดรู้จักวางตัวแล้วไปให้พ้นซะ ”
อืม ซูจ้านคิดว่าฉินยาเป็นผู้หญิงที่จะเข้าไปจีบจงจิ่งห้าว อย่าว่าแต่ให้เบอร์เลย ไม่โดนด่าด้วยคำพูดหยาบๆ คายๆ ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
เสิ่นเผยซวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำทีมองฟ้ามองฝน ไม่รู้ไม่ชี้
ฉินยาไม่ได้โกรธ แต่บนใบหน้าก็ยังคงปรากฏรอยยิ้มอยู่ ” ดิฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร แต่ขอเบอร์ด้วยนะคะ ”
ซูจ้านขมวดคิ้ว ที่เขาพูดมันยังไม่ชัดเจนพออีกเรอะ
” คุณจะเอาเบอร์เขาไปทำอะไร ” ซูจ้านเย็นชาเป็นพิเศษ
สีหน้าแทบจะดูไม่ได้กว่าเมื่อกี้หลายเท่า
ฉินยายังคงทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ดูไม่เห็นจะใส่ใจอะไร แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกร้อนรุ่ม เพราะจริงๆ แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ คือคนที่เคยร่วมเตียงเคียงหมอนกันมาก่อน เป็นผู้ชายที่เคยแนบชิดอิงกาย และยังเคยท้องลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน จะให้ไม่โกรธเกลียดเลยได้อย่างไรกัน
เธอกำมือสองข้างแน่น เพราะในใจกำลังตื่นเต้น เลยไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซูจ้านพูด รู้สึกว่าเขาจงใจจะหาเรื่อง ใบหน้าเธอจึงผุดรอยยิ้มแสยะออกมา” ถ้างั้นก็ได้ ฉันจะไปถามจากเขาเอง ”
พูดจบเธอก็เดินตามทางไป ซูจ้านรีบรั้งเธอไว้อย่างรีบร้อน ” เฮ้ ฉันว่าผู้หญิงอย่างเธอนี่มันจริงๆ ทำไมถึงหน้าไม่อายแบบนี้ ฉันไม่ได้พูดชัดเจนแล้วหรือไง ว่าคนเขามีภรรยาอยู่แล้ว อย่าคิดที่จะไปเป็นเมียน้อย….. ”
” ฉันว่าคุณผู้ชายคะ ” ฉินยาตัดบทเขา ” ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำตัวเหมือนคุณหรอกนะ ที่มีจิตใจสกปรกโสมมแบบนี้ ฉันขอเบอร์ก็เพราะจะคุยเรื่องงานกับประธานจงต่างหากล่ะ ”