เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้วน้อยๆ เสียงนี้เหมือนจะคุ้นหูอยู่ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร
เหมือนปลายสายพอจะรู้แล้วว่าเสิ่นเผยซวนไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร ก็เลยพูดด้วยน้ำเสียงดูผิดหวัง ” ฉันคือซางหยูไงคะ ”
เสิ่นเผยซวนถึงกับบางอ้อ ” อ๋อ โทรหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ ”
” ค่ะ คุณว่างไหมคะ ตอนเที่ยงฉันพักพอดี คุณมาหาฉันแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ ” ตามมาด้วยเสียงตอบกลับของซางหยู
เสิ่นเผยซวนเงยหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพง ก่อนจะตอบกลับไป ” ได้สิ ”
” ถ้างั้นฉันรอคุณที่หน้าประตูโรงเรียนนะคะ ”
” โอเค ”
ซางหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย คิ้วที่ดูสวยงามนั้นเลิกขึ้น ผู้ชายคนนี้ช่างเย็นชาเฉยเหลือเกิน จะพูดให้มากอีกสักคำสองคำก็ยังยาก มันจะเสียเวลาชีวิตเขามากนักหรือไง
” ถ้างั้นฉันวางแล้วนะคะ ” ก็เป็นซางหยูเช่นเคยที่เป็นคนถาม
” อื้ม ”
ซางหยูหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายมาดู แล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจจริงๆ
ที่จริงตอนนั้นเธอมีโทรศัพท์ แต่ตอนนั้นที่เสิ่นเผยซวนต้องการแล้วถามเธอ เธอไม่ได้เอามันออกมา เพราะยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจเสิ่นเผยซวนเท่าไหร่ เธอยอมที่จะลำบาก ถึงแม้จะไม่มีครอบครัว เธอก็สามารถใช้ชีวิตโดยที่พึ่งพาตัวเองได้
โทรศัพท์ก็ไม่ได้มีราคาแพงอะไรมาก เพียงแค่มันพอที่จะใช้งานได้สำหรับเธอ เธอเป็นคนมีผลการเรียนที่ดี เทอมนี้จึงได้ทุนการศึกษามา กลัวกับการที่เธอทำงานพัดไทม์ข้างนอก ดังนั้นการที่จะใช้ชีวิตเลี้ยงดูตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เธอรออีกสองปีให้ตัวเองเรียนจบแล้ว หางานการที่มั่นคง แค่นี้ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคงได้แล้ว
เสิ่นเผยซวนขับรถSUV มาจอดที่ประตูมหาวิทยาลัยฮั๋วชิง เมื่อรถกระจกลงก็เห็นซางหยูที่ยืนอยู่ข้างประตูโรงเรียน เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีเข้มขาตรง ที่ถูกออกแบบให้เป็นเอวสูง ทำให้ขาทั้งสองข้างดูยาวขึ้น ส่วนเท้าทั้งสองนั้นใส่เป็นผ้าใบสีขาว แล้วยังสะพายกระเป๋าเป้สีดำอีกด้วย ผมของเธอถูกมัดรวบเป็นหางม้าให้ความรู้สึกดูเป็นวัยรุ่นและมีชีวิตชีวา เมื่อเห็นเสิ่นเผยซวนเธอก็รีบวิ่งเข้ามาหา ก่อนจะยืนอยู่หน้ากระจกข้างรถ และถามว่า ” ขอโทษนะคะ ฉันคงให้คุณลงมาไม่ได้ พอเพื่อนที่โรงเรียนนี้รู้ว่าฉันไม่มีคนสนิทและญาติอยู่ที่นี่ ถ้าจู่ๆ มาปฏิสัมพันธ์กับคนอย่างคุณแล้วล่ะก็ ฉันกลัวว่าจะมีคนครหาค่ะ ”
” ขึ้นมาสิ ” เสิ่นเผยซวนปลดล็อกประตู
ซางหยูเปิดประตูรถแล้วขึ้นมานั่ง งั้นเธอก็ชี้ไปข้างหน้า ” ตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขวาค่ะ ”
เสิ่นเผยซวนก็ไม่ได้ถามว่าจะไปที่ไหน แต่ก็ขับไปตามที่เธอบอก ก่อนเขาจะถามขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม ” ที่จะเจอฉันมีเรื่องอะไรเหรอ ”
ซางหยูหันหน้ามามองเขา แล้วพูดเชิงล้อเล่น ” แล้วถ้าไม่มีเรื่องอะไร จะเจอคุณไม่ได้หรือคะ ”
” เปล่า ” เสิ่นเผยซวนยิ้มแห้งๆ ” ฉันเป็นคนตรงๆ น่ะ อย่าใส่ใจเลย ”
” ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่ได้สนใจหรอก ” เธอคิดในใจว่า ผู้ชายคนนี้เหมือนกับที่เพื่อนเขาพูดไว้ไม่มีผิด อารมณ์สักนิดก็ไม่มี คนแบบนี้จะมีความสุขในการใช้ชีวิตได้ยังไง
ไม่นานรถก็ขับมาถึงที่ที่ซางหยูต้องการจะมา เธอบอกไม้โบกมือ ” จอดตรงนี้แหละค่ะ ”
เสิ่นเผยซวนจอดรถชิดริมถนน ซางหยูจึงเปิดประตูลงไปจากรถ ” คุณก็ลงมาสิคะ ”
แล้วเธอก็เดินนำเข้าไปร้านร้านหนึ่งที่อยู่ริมถนน ร้านนี้มีชื่อว่า ‘ ก๋วยเตี๋ยวซอสผัดถ้าอร่อยค่อยมาอีก ‘ เสิ่นเผยซวนสำรวจด้วยสายตา เพราะอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่มากนะ ถนนเส้นนี้ก็เลยเต็มไปด้วยร้านขายของกิน เขาเปิดประตูรถลงมา แล้วเดินเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยว ก็เห็นซางหยูกำลังสั่งอาหารพอดี เขาขมวดคิ้วยังไม่เข้าใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ที่แท้เรียกเขาออกมาเพราะมากินก๋วยเตี๋ยวยังงั้นเหรอ
” มีเท่านี้ค่ะ ” ซางหยูพูดกับเจ้าของร้านเสร็จ ก็เดินเข้ามาเลือกที่นั่ง จากนั้นก็พูดกับเสิ่นเผยซวนว่า ” พ่อเรานั่งตรงนี้แล้วกันค่ะ ”
เสิ่นเผยซวนไม่ได้พูดอะไร แต่ก็นั่งลงตามที่เธอบอก
” คุณคงไม่รังเกียจที่นี่หรอกใช่ไหม ” ร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ใหญ่โตนะ แต่ถูกปัดกวาดยังสะอาด แจ้งแค่กระจกข้างกำแพงมีคราบมันอยู่บ้างมันไม่ได้เช็ดมาหลายวัน
” อย่าคิดว่าที่นี่จะธรรมดาทั่วไปนะคะ แต่ที่นี่น่ะก๋วยเตี๋ยวซอสผักอร่อยมาก ที่นี่ชื่อเสียงร้านนั้นธรรมดา แต่รสชาติอร่อยจนหยุดไม่อยู่เลยล่ะ ” ซางหยูยิ้ม ” คุณช่วยฉันทั้งสองคนแล้ว ฉันก็เลยเชิญ เท่านี้ก็ถือว่าเสมอภาคแล้วนะคะ คุณคงไม่หักหน้าฉันหรอกใช่ไหม ”
” เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องเกรงใจหรอก อย่าเก็บมาใส่ใจเลย ” เสิ่นเผยซวนตอบเนิบๆ
ซางหยูแอบเบ้ปากในใจ ผู้ชายคนนี้น่าเบื่อจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนปลายอารมณ์คำพูดที่ใช้ก็นิ่งๆ เนิบๆ ตลอด เหมือนจะไม่อยากปฏิสัมพันธ์ยังไงยังงั้น
เมื่อถึงเวลาเจ้าของร้านก็เอาก๋วยเตี๋ยวยกมาวางไว้ที่โต๊ะ ก๋วยเตี๋ยวใช้ชามเคลือบดินเผา ในนั้นมีเส้นหมี่เป็นเส้นหนากลมๆ อวบๆ และยังมีจานหกมุม ที่ในนั้นประกอบด้วยช่องหกช่อง แล้วแต่ละช่องก็ใส่เครื่องเคียงที่แตกต่างกันไป ในช่องสุดท้ายก็เป็นน้ำเกรวี่คล้ายซอสที่ราดบนก๋วยเตี๋ยว ตะเกียบก็จะยาวกว่ากับตะเกียบที่ใช้กันปกติ
ซางหยูชี้ไปที่พวกผักเล็กๆ ” พวกนี้ก็คือเครื่องเคียงค่ะ ถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ แต่ว่าน้ำซอสนี้ต้องใส่นะ ”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า เขาเป็นคนไม่เรื่องมากเรื่องกินอยู่แล้ว ก็จับเครื่องเคียงทั้งหมดเทเข้าชามก๋วยเตี๋ยวไป จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคนให้มันเข้ากัน ซางหยูมองเขาแล้วก็ยิ้ม ” เอ๊ะ ว่าแต่คุณชอบผู้หญิงยังไงเหรอคะ ”
เสิ่นเผยซวนที่กำลังจะลิ้มรสของอร่อยตรงหน้า เมื่อได้ยินก็มองซางหยูอย่างแปลกใจ
” อย่าเข้าใจผิดนะคะ ครั้งนั้นที่ร้านขายอาหารเช้า เพื่อนคุณคนนั้นบอกฉันว่า คุณไม่เคยมีความรัก และคุณก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เขาเลยอยากให้ฉันแนะนำแฟนให้กับคุณ ฉันก็เลยต้องรู้ว่าคุณชอบคนแบบไหนก่อนถึงจะแนะนำคุณถูกใช่ไหมล่ะ ” ซางหยูก้มหน้าก้มตาเอาก๋วยเตี๋ยวยัดเข้าปาก
เสิ่นเผยซวนสุดท้ายได้เข้า ตอนนี้เขารู้สึกว่าอยากจะซัดซูจ้านแรงๆ สักที ทำไมมันถึงเอาเรื่องพวกนี้มาพูดกับเด็กได้นะ
จะให้เขาขายหน้าต่อหน้าเธอไง
” เขาคงจะล้อเล่นกับเธอน่ะ ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก แล้วก็อย่าไปสนใจเลย ”
” อ้อ ” ซางหยูกลืนเส้นบะหมี่ในปากแล้วก็ถามต่อ ” งั้นก็หมายความว่าคุณเคยมีความรัก แล้วตอนนี้มีแฟนแล้วใช่ไหมคะ ”
เสิ่นเผยซวน” ….. ”
เขาสะดุ้งเบาๆ ” เอ่อ อันนั้น ความหมายของฉันคือไม่ต้องแนะนำแฟนให้ฉันหรอก ฉันไม่ชอบเด็ก ”
เธอเป็นแค่เด็กมอปลายเท่านั้น จะแนะนำผู้หญิงรุ่นเราคราวไหนกับเขาเชียว
ซูจ้านก็พูดออกมาได้
เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คบเพื่อนดีหรอก นี่มันเพื่อนชั่วชัดๆ
” ถ้างั้นคุณเคยมีความรักไหมคะ ” ซางหยูถาม
เสิ่นเผยซวนสีหน้านิ่งเฉยออกเกร็งๆ ” อย่าถามเรื่องของผู้ใหญ่ ”
ซางหยูบู้ปากยียวน ” ถ้างั้นฉันก็ไม่ต้องแนะนำแฟนให้คุณแล้วสิ ”
ก่อนหน้านี้เสิ่นเผยซวนได้กลิ่นก๋วยเตี๋ยวก็หอมดี คงจะอร่อยน่าดู แต่ตอนนี้ต่อมรับรส และความอยากอาหารของเขาไม่ทำงานอีกแล้ว
เขาว่างตะเกียบลง แล้วมองซางหยูจากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง ” เพื่อนฉันคนนั้นมันชอบปากเปราะ เวลามันพูดจาอะไรก็ไม่ต้องเก็บไปคิดนักหรอก ”
” อื้ม งั้นทีหลังฉันต้องเชื่อฟังคุณใช่ไหม ” เธอมองที่เขาแล้วยิ้ม ดวงตาและคิ้วที่งดงาม เวลายิ้มก็จะดูละมุน ราวกับขนนกที่ลอยล่องอยู่ตรงกลางใจ
เสิ่นเผยซวนตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบเก็บสายตากลับมา เดี๋ยวรีบก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยว ” อืม ทีหลังฟังแค่ฉันก็พอ ”
ซางหยูเอามือเท้าคางแล้วมองเขายิ้มๆ รู้สึกว่าเขาก็ ‘ น่ารัก ‘ดีเหมือนกัน
เหมือนกับว่าคำนี้พอใช้สำหรับเขาแล้ว ไม่ได้เหมาะเท่าไหร่ แต่เธอรู้สึกว่าคำนี้ เมื่อใช้กับเธอคงจะเหมาะที่สุด
เมื่อกินเสร็จแล้วเสิ่นเผยซวนก็ส่งเธอกลับเข้าโรงเรียน แล้วขับรถจากไป ขับไปครึ่งทางแล้วก็เพิ่งพบว่ากระเป๋าเธอยังอยู่บนรถ จึงวนรถกลับไป
เรื่องเขาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว ก็เห็นหลายคนกำลังมองอยู่ตรงประตูโรงเรียน เขาจอดรถข้างถนน พลางหยิบกระเป๋าของซางหยูแล้วลงมาจากรถ
” ใช่นางนั่นแหละ ครั้งที่แล้วก็เห็นเดินร่อนกับผู้ชายหลายคนอยู่ในซ่อง พออยู่ในโรงเรียนก็ทำตัวใสๆ ทำไมไม่มีเงิน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเงินที่แกไปหลับนอนกับคนอื่นจะไม่พอให้ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อ ชอบทำตัวน่าสงสารเพื่อที่จะดึงดูดเพื่อนผู้ชายเห็นใจ ซางหยู แกนี่หน้าไม่อายจริงๆ เลยนะ ”
นักเรียนหญิงที่กำลังพูดอยู่ก็เป็นเพื่อนที่นอนห้องเดียวกันกับซางหยู และยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นอีกด้วย เธอชื่อลู่หว่านหว่าน ตั้งแต่วันนั้นที่ซางหยูถูกเลือกให้ไป ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เธอคิดว่าเธอมีพร้อมทุกอย่างยิ่งกว่าซางหยู ในใจก็รู้สึกอิจฉา นังผู้หญิงคนนั้นหน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ และยังไปไหนกับผู้ชายอีก มีสิทธิ์อะไรถึงได้มาอยู่ในสายตาของรุ่นพี่