ต่างก็เป็นคนจากสังคมชั้นสูง ถึงจะไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้จักกัน
เจอหน้าก็ต้องพูดอย่างสุภาพสักหน่อย
กู้เป่ยมองหญิงขายบริการที่มีสีหน้าน่าเกลียดแวบนึง ยิ้มและถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ดูแลประธานจงไม่ดีงั้นหรือ?”
จงจิ่งห้าวยังไม่ทันพูดออกมา หญิงขายบริการก็อดฟ้องออกมาไม่ได้ เธอได้รับความไม่ยุติธรรม ที่โดนตบก็คือหน้าของกู้เป่ย “แขกที่มาไนต์คลับ มีคนไหนบ้างที่ฉันไม่ดูแลอย่างระมัดระวัง คนคนนี้ไม่พูดอะไร ก็ลงมือกับฉัน อีกอย่าง ต่อให้ฉันดูแลได้ไม่ทั่วถึง เห็นแก่หน้าของเจ้านายกู้ ก็ไม่ควรจะลงไม้ลงมือที่นี่นี่นา แบบนี้มันไม่ไว้หน้าเจ้านายกู้ชัดๆ”
สีหน้าของกู้เป่ยเปลี่ยนสีอย่างกะทันหัน สุดท้ายก็กลับมาเป็นปกติ ยกมือขึ้นตบหน้าหญิงขายบริการไปหนึ่งที
หญิงขายบริการถูกตบจนตะลึง มือจับซีกหน้าที่ถูกตบจนชา มองกู้เป่ยอย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาแห่งความน้อยใจคลออยู่ในดวงตา แต่ไม่หยดลงมา
“ฉันไว้หน้าเธอแล้วใช่มั้ย? ผู้นี้คือใคร? ไม่ดูแลให้ดี ยังกล้าหาเรื่องให้ฉันอีก? ประธานจงอุตส่าห์มาเยือน ก็ถือว่าไว้หน้าฉันแล้ว เธอเป็นใครห้ะ? ต้องไว้หน้าด้วยหรอ?” คำพูดของหญิงขายบริการทำให้เขาโมโห ไม่ว่าจะพูดยังไงก็คือจงจิ่งห้าวไม่ไว้หน้าเขา ทำไม อยากให้เขาชำระแค้นจงจิ่งห้าวให้เธอจริงๆงั้นหรอ?
คิดว่าเขาเป็นไอ้โง่รึไง ที่จะโดนเธอหลอกใช้งานได้?
กู้เป่ยส่งสายตาให้ผู้จัดการ “เอาตัวออกไป ทิ้งไปที่หอนางโลมระดับล่างที่สุด”
หอนางโลมระดับล่างที่สุดแห่งนี้ เทียบเท่ากับ‘ร้านทำผม’แบบพิเศษในซอย ขอแค่จ่ายเงินก็ขึ้นได้เลย วันวันหนึ่งต้องรับแขกหลายคน
ถูกทิ้งไปในที่แบบนั้น ก็ถือว่าจบเห่แล้ว
สีหน้าของหญิงขายบริการซีดขาว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากู้เป่ยจะทำกับเธออย่างไร้ความรู้สึกขนาดนี้ เธอเองก็ปรนนิบัติกู้เป่ยมาหลายคืน ไม่เห็นแก่ที่รับใช้มาก็ควรเห็นแก่ที่ทำงานอย่างหนักบ้างสิ? บอกจะทิ้งก็ทิ้ง แถมทิ้งไปในที่แบบนั้น อยากจะให้เธอตายเลยหรือไง
เธอแกะมือของผู้จัดการออก เข้ามาจับมือของกู้เป่ย “ฉันผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะอย่าส่งฉันไปในที่แบบนั้นเลยนะ ถือว่าเห็นแก่ที่ฉันรับใช้คุณมาหลายปีเถอะนะคะ”
ณ เวลานี้เธอยังหลงเหลือความสง่างามก่อนหน้าตรงไหน สภาพเหมือนกับตกระกำลำบาก ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื่นตระหนก
กู้เป่ยมือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง ไม่ได้มองเธอ แต่สายตามองไปทางจงจิ่งห้าว “ประธานจงคุณว่าจะเอายังไง? ยังไงคนที่โดนล่วงเกินก็คือคุณ”
สายตาของหญิงขายบริการก็มองตามไป ทั้งเสียใจและทั้งเกลียด ผู้ชายที่เธอเจอที่นี่ ไม่ถึงพัน ก็มีหลายร้อยคน คนไหนบ้างที่ไม่รู้สึกกับเธออย่าง‘รักแรกพบ’ อยากพาเธอขึ้นเตียง?
คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้จะมาเจอกับคนที่ยากจะรับมือ แถมยังเป็นคนใหญ่คนโตอีก แม้แต่กู้เป่ยยังอยากจะตีสนิทด้วย
เธอตัวสั่นไม่หยุด กัดริมฝีปาก หวังว่าเขาจะใจกว้างต่อตนเองสักนิด “ฉันมันมีตาแต่ไม่มีแวว ล่วงเกินคุณแล้ว ขอโทษ ขอโทษจริงๆค่ะ เป็นความผิดฉันเอง”
จงจิ่งห้าวไม่แม้แต่ลืมตามอง เสียงไม่สูงและไม่ต่ำที่เปล่งออกมาดังก้อง น้ำเสียงเย็นยะเยือก “เจ้านายกู้พูดเล่นเก่งซะจริง เรื่องในบ้านของคุณเกี่ยวอะไรกับผม?”
เรื่องนี้เขาไม่ยุ่ง ไม่ว่าจะจัดการยังไงก็เป็นเรื่องของกู้เป่ย
กู้เป่ยก็ไม่คิดว่าแค่เรื่องเรื่องเดียว จะทำอะไรกับจงจิ่งห้าวได้ ยังไงทั้งสองคนไม่มีความแค้นต่อกัน เพราะผู้หญิงคนหนึ่งมันไม่คุ้มกัน
อีกอย่างถ้าหากสามารถเป็นเพื่อนกันได้ เพื่อนที่ร่วมงานกันได้ยิ่งดี เพราะงั้นเลยไว้หน้าอย่างง่ายดาย
เขาแลบลิ้น เลียริมฝีปาก โบกมือให้ผู้จัดการ “อย่ามาขวางหูขวางตาหน้าฉัน”
หญิงขายบริการไม่ยินดีแน่นอน ขาเล็กเรียวสั่นราวกับกระชอนไม่หยุด “ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าผิดไปแล้ว” เธอคุกเข่าลงไปกับพื้น ร้องห่มร้องไห้จับขาของกู้เป่ยไม่ยอมปล่อย “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ปล่อยฉันครั้งนี้ไปเถอะ”
“ให้ตายเหอะ ตาน่ะมีไหม ผู้หญิงคนเดียวจัดการไม่ได้ใช่มั้ย?!” กู้เป่ยถูกพัวพันจนหมดความอดทน เลยพูดจาหยาบคาย
ผู้จัดการส่งสายตาให้ลูกน้อง จับหญิงขายบริการออกไป เสียงร้องไห้ตะโกนอย่างน่าเวทนาของเธอผ่านประตูกระจกแล้วค่อยๆหายไป
“ประธานจงวันนี้มาเยือนที่นี่ อยากสนุก?” กู้เป่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทำตัวสบายๆ ดึงคอเสื้อเล็กน้อย
จงจิ่งห้าวเชยคาง มองเขาอย่างเย่อหยิ่ง “มาร้านของเจ้านายกู้ แน่นอนว่าต้องมาหาความสนุกให้กับชีวิตบ้าง หรือจะให้มาที่นี่เพื่อคุยงานระดับประเทศ?”
ทั้งสองคนต่างก็มีผลประโยชน์ เลยเข้าหากันได้อย่างง่ายดาย กู้เป่ยหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในบรรยากาศที่รื่นเริง ภายในห้องโถงบรรยากาศแปลกใหม่ เขาเดินเข้ามาใกล้สองก้าว ทำท่าเหมือนทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม “วันนี้ผมจะทำให้ประธานจงสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย ถ้าหากไม่สามารถทำให้คุณพอใจได้ ร้านนี้ของผม พรุ่งนี้ผมจะปิดมันซะ”
จงจิ่งห้าวอยากมาสืบข้อมูลจากปากของเขาว่าเขากับเหวินชิงมีผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ ลักพาตัวคนเขาแค่ถูกไหว้วานมา หรือว่ายังมีเรื่องปิดบังอื่นอีก
กู้เป่ยอยากที่จะสานสัมพันธ์กับเขา จงจิ่งห้าวคนคนนี้สูงส่งไม่แยแสใคร แต่ไหนแต่ไรไม่เคยยอมมาคลุกคลีกับเขา มาวันนี้มาถึงที่ด้วยตัวเอง เขาไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ก็โง่แล้ว
กู้เป่ยให้สัญญา จงจิ่งห้าวหัวเราะเหอะๆไม่พูดจา มาถึงที่นี่ กู้เป่ยแห่งตระกูลตงก็ต้องเตรียมต้อนรับไว้อย่างแน่นอน
ห้องชั้นสามที่เหมาไว้สว่างไสวและเงียบสงบ ตรงกลางห้องมีโซฟาหนังสีดำทรงวงรีแถวหนึ่ง ด้านหน้าเป็นโต๊ะกาแฟหินอ่อนกว้างและแข็งแรง
กู้เป่ยไม่ได้ตามเข้ามา อยู่หน้าประตูกระซิบกับผู้จัดการ พูดคุยอะไรกันนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ยิน แต่ก็พอจะเดาได้สักหน่อย ตอนที่เขากลับหลังหันเดินเข้ามานั้น หญิงสาวที่มาเสิร์ฟเครื่องดื่มถือสุรานอกระดับพรีเมี่ยมมาสองขวด และจานผลไม้เดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะ
จงจิ่งห้าวนั่งลงสบายๆ มองไปด้านข้างครู่หนึ่ง เสิ่นเผยซวนเงยหน้าขึ้นมาพอดี สายตาประสานกัน เขาถามขึ้น “มือถือมีแบตมั้ย?”
เสิ่นเผยซวนเข้าใจในทันที พยักหน้าตอบว่ามี
อีกสักพักเขากับกู้เป่ยพูดคุยกัน หากว่ามีข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรหลุดออกมา เก็บหลักฐานเอาไว้
กู้เป่ยเดินเข้ามาและโบกมือให้พนักงานออกไป เปิดขวดเหล้าขวดหนึ่งด้วยตัวเอง รินลงแก้วไวน์ที่อยู่หน้าตน ขณะที่เทเหล้าลงในแก้วเหล้าตรงหน้าจงจิ่งห้าว พูดอย่างภาคภูมิใจ “วันนี้บังเอิญจริงๆ ยังเป็นนักเรียนอยู่เลย บริสุทธิ์มากๆ ผมเก็บเอาไว้เสพสุขเอง วันนี้ยกให้คุณ”
สิ้นเสียงของเขา ประตูห้องที่เหมาไว้ก็เปิดออก ผู้จัดการพาสี่สาวงามเดินเข้ามา