เฉินชิงหันหน้ามามองเหวินชิง “ฉันจะชอบแล้วจะทำไม?”
เหวินชิงถอนหายใจแรง “เห็นทีความสัมพันธ์ของเราคงเดินมาถึงจุดจบแล้วสิ”
“หรือว่าฉันไม่มีสิทธิ์ชอบใครสักคนหรือไง?”
เหวินชิงไม่พูด
เขาไม่ได้บอกว่าชอบไม่ได้ แต่ว่าเขารู้สึกไม่เป็นอิสระ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันมาหลายปี เขานึกว่าเฉินชิงจะเห็นเหวินเสียนเป็นเสมือนน้องสาว
ไม่เคยคิดเลย ในใจกลับคิด…
“คนเราหากไม่รู้จักพอ ก็จะโลภไม่มีที่สิ้นสุด”
เหตุผลนั้นเฉินชิงเข้าใจดี ทุกข์ใจไม่หายจากความรู้สึกไม่มีความสุข ใจเต้นตุ้บๆเมื่อสมัยยังหนุ่ม ความปรารถนาที่ทนไม่ไหว เป็นความดื้อรั้นที่ไขว่คว้าเอามาไม่ได้
มักจะคิดว่าถ้าหากทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน เธอก็จะไม่จากไปไวแบบนี้ ทั้งสองจะต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่นอน อย่างน้อย เขาก็รักเธอ จะปกป้องดูแลเธอ มอบความรักแก่เธอ
“ยังดีที่คุณเข้าใจ ตัดสินใจเอาเองเถอะ หากว่าอายุปูนนี้ ลูกเมียหนีหาย จะเป็นที่ขบขันคนอื่นเอา” เหวินชิงหันหลังเดินออกจากห้องหนังสือไป
มานั่งในรถ เขารู้สึกอึดอัดในใจ ผู้ช่วยถาม “กลับบ้านมั้ยครับ?”
“ไปสุสาน” เขาคิดถึงเหวินเสียน อยากไปหาเธอ
ผู้ช่วยขับรถไปทางสุสานเขตชานเมือง เหวินชิงแค่พูดว่าจะไปสุสาน เขาก็รู้ว่าเขาจะไปหาใคร
“รอเดี๋ยว ไปร้านดอกไม้ซื้อดอกไม้สักช่อ ไม่อย่างนั้นหน้าหลุมจะดูเคว้งคว้างเกินไป เธอจะโดดเดี่ยวคนเดียว”
ผู้ช่วยอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงหักเลี้ยวรถ
เขาไม่ได้ซื้อดอกเบญจมาศ แต่เป็นดอกไอริสช่อหนึ่ง เหวินเสียนตอนมีชีวิตอยู่ชอบดอกไม้ชนิดนี้
เหวินชิงอุ้มดอกไม้ขึ้นรถ ขณะที่ผู้ช่วยกำลังสตาร์ทรถ เขามองออกไปข้างนอกอย่างไม่ใส่ใจ ก็เห็นเฉิงยู่ซิ่วและหลินซินเหยียน แล้วก็เด็กสองคน ข้างหลังมีบอดี้การ์ดสองสามคนตามมา
“พวกเราออกมาข้างนอกนานไม่ได้ ร่างกายเธอจะไม่ไหว ซื้อเค้กเสร็จเราก็กลับกัน” เฉิงยู่ซิ่วเป็นห่วงสุขภาพของหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนตอบตกลง
เด็กทั้งสองคนบอกว่าอยากกินเครปเค้กมูส เธอคิดว่าออกมาคงใช้เวลาไม่มาก เลยพาเด็กทั้งสองมาด้วย เธอเองก็ถือโอกาสมาสูดอากาศ
“ฉันจะเข้าไปซื้อ พวกเธอรออยู่ที่นี่แหละ” เฉิงยู่ซิ่วเดินเข้าไปในร้านเค้ก
เหวินชิงไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไร แต่ว่าเห็นพวกเขามีความสุขมาก เขาดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าลงมามองดอกไม้ในอ้อมแขน ใช้มือลูบเบาๆ
พูดกับตัวเองนิ่งๆว่า “ลูกชายของเธอนี่นะ ไม่เคยทำให้หายห่วงได้เลย”
ขณะนั้นรถก็เคลื่อนออกไป เขายังคงไม่ได้เงยหน้า เพียงแค่ก้มหน้ามองดอกไม้ในอ้อมแขน
เฉิงยู่ซิ่วซื้อเค้กเสร็จแล้วก็ออกมา “เราไปกันเถอะ”
“กลับบ้านไปกินเค้กกัน” หลินลุ่ยซีพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
เฉิงยู่ซิ่วยิ้ม “เธอนี่นะ ท้องเล็กๆจะใส่เข้าไปได้หรอ?”
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ” หลินลุ่ยซีกลัวตัวเองจะไม่ได้กิน รีบพูดเน้นขึ้นมา
“ไปขึ้นรถ”
หลินซินเหยียนยืนอยู่หน้าประตูรถ ให้เด็กทั้งสองขึ้นไปก่อน หลินลุ่ยซีราวกับเสียดายที่ออกมาแค่แปปเดียว “ตอนกลางคืนอาจจะมีอะไรสนุกก็ได้”
เฉิงยู่ซิ่วตบก้นน้อยๆของเธอ “พรุ่งนี้ฉันจะพาพวกเธอออกไปเที่ยวกัน”
“งั้นหม่ามี๊จะไปกับเราด้วยมั้ยคะ?” หลินลุ่ยซีหันหน้าไปมองหลินซินเหยียน ดวงตาใสซื่อ เต็มไปด้วยความหวัง
“ฉันพาพวกเธอไปก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง? ในท้องของหม่ามี๊มีทารกน้อยอยู่ไม่รู้หรอ?”
หลินลุ่ยซีทำหน้ามุ่ย แม้ว่าจะอยากให้หม่ามี๊ไปเที่ยวด้วยกันมาก แต่ว่าตอนนี้ในท้องของหม่ามี๊มีทารกน้อยอยู่ แด๊ดดี้บอกว่า ถ้าไม่ดูแลอย่างระมัดระวังเขาจะจากไป เพื่อให้ทารกน้อยไม่จากไป งั้นก็ไม่ไปกับหม่ามี๊แล้วก็ได้
พอกลับถึงวิลล่าเฉิงยู่ซิ่วก็ถือเค้กเข้าไปตัดในครัว คนละหนึ่งชิ้นเล็กๆ ตอนกลางคืนกินเยอะๆจะรู้สึกไม่สบายท้อง
เฉิงยู่ซิ่วกลัวพวกเขากินแล้วจะเลี่ยน เลยเทน้ำผลไม้ให้พวกเขาคนละแก้ว มาที่บนโต๊ะ วางลงตรงหน้าของพวกเขา
“ทำไมชิ้นเล็กขนาดนี้?” หลินลุ่ยซีจ้องเค้กในจาน รู้สึกว่าไม่พอกิน หลินซีเฉินส่ายหน้า หั่นเค้กของตนเองครึ่งหนึ่งให้เธอ
หลินลุ่ยซียิ้มหน้าบาน “ขอบคุณค่ะพี่ชาย”
“เดี๋ยวเธอกินจนอ้วน จะใส่ชุดสวยๆไม่ได้เอานะ”
หลินซีเฉินตั้งใจพูดโจมตีเธอ เพราะตอนกลางคืนกินเค้กมากๆ จะทำให้อ้วนจริงๆ
หลินลุ่ยซีส่งเสียงเหอะออกมา “นายดูครอบครัวเรามีใครอ้วน? แด๊ดดี้ไม่อ้วน หม่ามี๊ก็ไม่อ้วน ฉันจะอ้วนได้ไง? ครอบครัวเรารูปร่างผอมเพรียว”
หลินซีเฉิน “…”
เด็กผู้หญิงคนนี้ กลายเป็นเด็กมีไหวพริบไปได้ยังไง รู้จักโต้ตอบด้วย?
“งั้นเธอกินเถอะ” หลินซีเฉินไม่รู้จะทำไงกับเธอแล้ว
“ฉันกินแน่นอนอยู่แล้ว กินไม่หมด ก็เก็บไว้ให้แด๊ดดี้” หลินลุ่ยซีตักเค้กเข้าปากอย่างสำราญใจ
หลินซีเฉินมองน้องสาวเลียช้อน คิ้วขมวดเข้าหากัน “เธอกินจนเป็นน้ำลายหมดแล้ว จะให้ใครกินต่อ?”
“ให้แด๊ดดี้ไง แด๊ดดี้ไม่รังเกียจฉันหรอก” เด็กหญิงมั่นใจเต็มร้อย น้ำลายจากจูบเขาไม่รังเกียจแน่นอน
เฉิงยู่ซิ่วส่ายหน้ายิ้มบางๆ รู้สึกว่าหลินลุ่ยซีเป็นตัวตลกคนนึง
หลินซินเหยียนนั่งลงบนโซฟารู้สึกง่วงนิดหน่อย เห็นเด็กทั้งสองนั่งกินเค้กอยู่บนต๊ะ มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาบางๆ
“เธอไปพักผ่อนด้านบนเถอะ พวกเขาสองคนเดี๋ยวฉันดูแลเอง” เฉิงยู่ซิ่วเห็นหลินซินเหยียนเหมือนอยากนอน
หลินซินเหยียนพยักหน้า เธอไม่ได้รู้สึกเหนื่อย ร่างกายก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบาย ก็แค่ง่วงนิดหน่อย เธอลุกขึ้น “งั้นฉันไปนอนสักพักนะคะ”
เธอค่อยๆเดินขึ้นข้างบนอย่างมั่นคง เปิดไฟ ภายในห้องก็สว่างในพริบตา ดอกลิลลี่ที่วางบนหัวเตียงช่อนั้นเหี่ยวเล็กน้อย
แต่ว่าเธอทิ้งมันไม่ลง เอื้อมมือไปลูบกลีบดอกไม้ ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆอยู่ ในใจคิดว่ารอวันไหนได้ออกไปค่อยไปซื้อมาเสียบอีกสักช่อ
ในห้องมีดอกไม้บ้างทำให้มีชีวิตชีวา
เธอเอนตัวลงบนเตียง ไม่ได้ไปล้างหน้าล้างตา ง่วงมากเลย ไม่อยากขยับ เธอห่มผ้าห่ม หัวถึงหมอน ก็ไปเดทกับท่านโจวกงเรียบร้อยแล้ว
ดึกๆได้ยินเสียงเคลื่อนไหวคลุมเครือ เธอลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ในห้องไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง เห็นเงาคนยืนอยู่ตรงหัวเตียง
พึ่งตื่นน้ำเสียงก็เลยแหบเล็กน้อย “คุณกลับมาแล้วหรอ?”
เขาถอดชุดสูทบนตัวออก เดินเข้ามา “ผมเสียงดังจนคุณตื่นรึเปล่า?”
หลินซินเหยียนตอบอืม เพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเลยตื่นขึ้นมา
เธอคว้ามือถือมาดูแวบหนึ่ง ตีสองกว่าแล้ว “ทำไมดึกขนาดนี้”
“ทำธุระนิดหน่อยน่ะ ผมไปอาบน้ำนะ คุณนอนก่อนเลย” เขาเข้ามาลูบใบหน้าของเธอที่นอนหลับอย่างอุ่นๆ ผิวนุ่มลื่น สัมผัสสบายมือ
รู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย หลินซินเหยียนเบือนหน้าเล็กน้อย จงจิ่งห้าวยิ้ม “นอนเถอะ”
เขาหันหลังกลับเดินไปทางห้องอาบน้ำ เดินไปด้วยถอดเข็มขัดไปด้วย มีเสียงโลหะดังแกร็ก เขาเข้าไปในห้องอาบน้ำและเปิดไฟ ไม่นานเท่าไหร่ ก็มีเสียงน้ำดังซ่าๆออกมา
หลินซินเหยียนง่วงมาก ถึงจะมีเสียงดังแต่สักพักก็หลับไปอีกรอบ เพียงแค่รู้สึกลางๆว่าฟูกที่นอนข้างหลังตัวจมลง แถวเอวถูกแขนที่แข็งแรงโอบรอบ มาพร้อมกลิ่นหอมจางๆของครีมอาบน้ำ ริมฝีปากอ่อนนุ่มเย็นหน่อยๆประทับลงที่หลังคอของเธอ จูบและกัดลงเบาๆไปทั่วทุกที่ ไม่เจ็บแค่จั๊กจี้นิดหน่อย หลินซินเหยียนพึมพำออกมาว่า “ฉันง่วง”
“อืม คุณนอนสิ” ริมฝีปากของเขาไม่ได้ถอนออกไป แค่เปลี่ยนจากจูบมาเป็นถูไถไปมา
หลินซินเหยียนเลิกคิ้ว เขามาวุ่นวายแบบนี้เธอก็หลับอย่างสบายใจไม่ได้น่ะสิ