หลินซินเหยียนรู้ว่าถ้าไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ เธอโน้มน้าวเสิ่นเผยซวนไม่ได้ เธอก็เลยเลือกที่จะส่งข้อความให้เขา ก็คือเชื่อใจเขา และเชื่อว่าเขาจะเก็บเป็นความลับได้อย่างดี
“ฉันไปหาไป๋ยิ่นหนิง” ครั้งก่อนเธอเคยไปที่พักอาศัยของไป๋ยิ่นหนิง รู้ว่าเขาอยู่โรงแรมไหน
หางตาของเสิ่นเผยซวนกระตุก จงจิ่งห้าวเกลียดไป๋ยิ่นหนิงแค่ไหนเขารู้ที่สุดแล้ว
“เผยซวน นายเป็นเพื่อนกับจิ่งห้าวมานานขนาดนี้ นายว่าฉันควรทำยังไง?” ความจริงในใจของหลินซินเหยียนเองก็สับสน
เธอกลัวว่าการเห็นแก่ตัวของตัวเอง จะทำให้จงจิ่งห้าวเสียใจ
เพราะว่า เฉิงยู่ซิ่วเป็นแม่ของเขา
เสิ่นเผยซวนงงไปหมด “เธออยากบอกอะไรกันแน่?”
“ฉันหมายถึงถ้า ถ้าเฉิงยู่ซิ่วเป็นแม่แท้ๆ ของจงจิ่งห้าว ควรจะบอกเขาไหม?” เธอจ้องหน้าของเสิ่นเผยซวนไว้ อยากจะได้คำตอบที่สามารถทำให้ใจของตัวเองสงบนิ่งได้
“เป็นไปได้ยังไง แต่นี่มันไม่ถูกต้อง มันไม่มีทางเป็นไปได้” เสิ่นเผยซวนไม่เชื่อ
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เฉิงยู่ซิ่วเป็นแม่ของจงจิ่งห้าว?
อย่าล้อเล่นแบบนี้เลย
“ฉันพูดจริงนะ นายว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริง ควรจะบอกเขาไหม?” สีหน้าและน้ำเสียงของหลินซินเหยียน ไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่น เสิ่นเผยซวนเงียบลงทันที
ผ่านไปสักพัก เสิ่นเผยซวนถึงจะพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า “ฉันไม่รู้ แค่รู้สึกว่ามันน่าจะยากที่จะเผชิญหน้า คนที่เกลียดมานานขนาดนี้ ไปบอกเขาว่าเป็นแม่แท้ๆ ของเขา?เขาจะใช้ความรู้สึกและสภาพจิตใจแบบไหนในการเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้?”
เขาหันไปมองหลินซินเหยียน “นี่เป็นความจริงหรอ?”
รู้สึกว่ามันแปลกเกินไปแล้ว เฉิงยู่ซิ่วเป็นแม่ของจงจิ่งห้าว?
“เหวินเสียนกับจงฉีเฟิงแต่งงานกันเพราะทางตระกูลจัดให้ เรื่องนี้นายเคยได้ยินไหม?” หลินซินเหยียนเม้มปาก เสียงแหบเล็กน้อย
รู้สึกว่าโชคร้ายจริงๆ
“เคยได้ยิน”
“ตอนนั้นเหวินเสียนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่รู้สึกอะไรกับจงฉีเฟิงเลย หลังแต่งงานทั้งสองคนเทิดทูนและเคารพกันอย่างดี ไม่มีอะไรที่สามีภรรยาคนอื่นเขาทำกันเลย เหวินเสียนรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้นรู้สึกผิดต่อจงฉีเฟิง ก็เลยอยากจะหาผู้หญิงที่สามารถอยู่กับเขาให้เขาคนหนึ่ง……”
“ผู้หญิงคนนั้นก็คือเฉิงยู่ซิ่ว?” เสิ่นเผยซวนรู้สึกว่าตัวเองถูกฟ้าผ่าเลย ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาละ
หาผู้หญิงให้สามีตัวเอง?
เพียงเพราะไม่ได้ชอบ?
“อิทธิพลของตระกูลเหวินนายเองก็รู้ เหวินเสียนต้องการให้เด็กคนนี้มีชื่อเสียงที่ถูกต้องโดยชอบธรรม ก็เลยพูดโกหกใหญ่ไป ตระกูลไม่มีใครรู้ มีแค่คนในคนในเหตุการณ์เท่านั้นที่รู้” ข้างในนั้นมีรายละเอียดอีกมาก เธอไม่บอกอย่างละเอียด
เสิ่นเผยซวนไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรได้อีกแล้ว
“แต่ว่าเธอไปเจอไป๋ยิ่นหนิงทำไม?หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับไป๋ยิ่นหนิงด้วย?” เสิ่นเผยซวนรู้สึกว่าเรื่องเก่าๆ พวกนี้ ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอีกหลายๆ คน
“นายเคยไปไป๋เฉิงน่าจะเคยได้ยินเรื่องสถานะเกี่ยวกับไป๋ยิ่นหนิง เขาเป็นลูกบุญธรรมของไป๋หงเฟย และไป๋หงเฟยเมื่อก่อนเป็นรักแรกของเฉิงยู่ซิ่ว……ตอนนั้นเหวินชิงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉิงยู่ซิ่วและจงฉีเฟิง นึกว่าเฉิงยู่ซิ่วเป็นมือที่สามที่ทำลายงานแต่งของน้องสาว……..”
เสิ่นเผยซวนน่าจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว ครั้งนั้นเฉิงยู่ซิ่วที่อยู่ไป๋เฉิง แล้วก็ผ้าไหมกวางตุ้งและตระกูลเฉินเกี่ยวข้องกันหมด
“ไป๋ยิ่นหนิงหาหมอที่ทำคลอดให้เฉิงยู่ซิ่วในปีนั้นเจอ เป้าหมายของเขาคืออยากจะร่วมมือกับจิ่งห้าว เพื่อล้มเหวินชิง พ่อบุญธรรมของเขาถูกเหวินชิงทำร้ายมาห่อน” หลินซินเหยียนอธิบาย
“เธอไม่อยากให้จิ่งห้าวรู้?” ถึงจะเป็นประโยคคำถาม แต่กลับเป็นน้ำเสียงที่แน่วแน่
มือทั้งสองของหลินซินเหยียนประกบกัน ในใจเองก็สับสนและรู้สึกไม่ดี “ฉันรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมต่อเขา เรื่องเมื่อชาติที่แล้ว แต่กลับต้องมาลงเอยที่เขา ถ้าเหวินชิงรู้ความจริงแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นยังไง”
“เหวินชิงเกลียดเฉิงยู่ซิ่วมากแค่ไหน มองดูจากตัวเธอก็เห็นแล้วไม่หรอ?แค่เดินใกล้นิดหน่อย เขาก็สติฟั่นเฟือนขนาดนี้ ถ้ารู้ความจริง…….”
ยังต้องพูดอีกหรอ?ต้องสร้างปัญหาจนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแน่
“ฉันไม่รู้ ถ้าต่อไปเขารู้แล้วจะโทษฉันไหมนะ” หลินซินเหยียนสะอื้นเล็กน้อย เรื่องนี้ทำให้เธอเจอกับปัญหาใหญ่
“จำความตั้งใจเดิมของเธอไว้ เรื่องอนาคต อนาคตค่อยพูด ฉันเชื่อ ถ้าจิ่งห้าวรู้ว่าเธอแบบนี้เพราะอะไร บางทีความลับนี้อาจจะเลือนหายไปกตามกาลเวลา ถูกเวลาถมทับ” เสิ่นเผยซวนเอารถไปจอดไวเข้างทาง เขาไม่รู้ว่าต้องปลอบหลินซินเหยียนยังไง ดึงกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งยื่นให้เธอ
หลินซินเหยียนไม่ได้รับ ปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไร”
เธอร้องไห้ไม่ใช่เพราะตัวเอง แต่เป็นห่วงจงจิ่งห้าว
เสิ่นเผยซวนมองหน้าของเธอ เธอผอมมาโดยตลอด ถึงจะท้องก็ยังเหมือนเดิม ไม่อ้วนขึ้นเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนอ่อนแอมาก แต่ว่าเรื่องที่ทำ ไม่รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทนต่อเรื่องอะไรไม่ได้เลย
เธอสนิทกับเฉิงยู่ซิ่ว ก็เพราะว่าเรื่องเก่าๆ พวกนี้สินะ
ตอนนี้ถูกไป๋ยิ่นหนิงขุดออกมา เธอก็จัดการอย่างใจเย็น ลดความเสียหายที่เกิดจากเรื่องนี้ให้น้อยที่สุด
ถ้าไปคิดเรื่องนี้อย่างใจเย็น รักษาสภาพเดิมดีต่อทุกคนมากกว่า ไม่ว่าจะมองเรื่องนี้จากด้านไหนก็ตาม
ถ้าประสบการณ์ชีวิตของจงจิ่งห้าวถุกเปิดเผย คืออะไร ลูกนอกคอก?
ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับตัวชี้ของตัวตน จะไปยอมรับการหลอกลวงที่นานขนาดนี้ได้ยังไง?
คือเกลียดตัวเอง หรือว่าเกลียดคนที่โกหกเขา?
ความจริงถูกเปิดเผย ปัญหาพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้?มีประโยชน์ต่อใคร?
เสิ่นเผยซวนสตาร์ทรถใหม่แล้วเหยียบคันเร่ง “ฉันเหมือนจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมจิ่งห้าวถึงชอบเธอขนาดนี้”
เสียงของเขาเบามาก หลินซินเหยียนได้ยินไม่ชัด “หือ?”
“ไม่มีอะไร” เสิ่นเผยซวนตั้งใจขับรถ
ไม่นานก็ถึงโรงแรมแห่งนั้น เสิ่นเผยซวนจอดรถไว้อย่างดีแล้วเปิดประตูลงมา มาทางหลินซินเหยียน รถเข็นที่เอาลงมาจากด้านหลังรถแล้วพยุงเธอลงจากรถ
เสิ่นเผยซวนดันเธอขึ้นลิฟต์ พอถึงชั้นนั้นแล้ว เธอหันหน้ามองไปทางเสิ่นเผยซวน “นายรอฉันอยู่ที่นี่”
“ฉันเข้ากับเธอดีกว่า” เขาไม่วางใจ เพราะไป๋ยิ่นหนิงชอบเธอ และเขาเป็นคนส่งมาก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเธอ
“อย่างนั้นก็ได้” ไหนๆ เขาก็รู้เรื่องนี้แล้ว ไม่มีอะไรน่าปิดบัง
พอถึงหน้าห้อง เสิ่นเผยซวนกดกริ่งหน้าห้อง ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ช่วงเวลาที่เห็นว่าเป็นหลินซินเหยียน ไป๋ยิ่นหนิงไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่อยู่หน้าโรงพยาบาลที่เธอตั้งใจขัดคำพูดของตัวเอง ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้อยากให้จงจิ่งห้าวรู้
ไป๋ยิ่นหนิงคาดไว้แล้วว่าหลินซินเหยียนจะมา ก็เลยให้เกาหยวนกลับไปที่ห้องตัวเองแล้ว เขามองไปทางเสิ่นเผยซวน “ผมอยากจะคุยกับคุณหลินเพียงลำพัง”
“ร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สะดวก ผมต้องเฝ้าเธอไว้” ท่าทีของเสิ่นเผยซวนชัดเจนมาก และแข็งกร้าวมาก
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “นายสามารถมากับเธอได้ ก็น่าจะรู้แล้วว่าเพราะเรื่องอะไร คุณต้องเข้าใจ สิทธอยู่ในมือของผม ผมสามารถเลือกที่จะไม่คุย”
สีหน้าของเสิ่นเผยซวนเปลี่ยนทันที
“เผยซวนไม่เป็นอะไร นายรออยู่ที่หน้าประตู มีเรื่องฉันจะเรียกนายเอง” หลินซินเหยียนมองเขาไว้แล้วส่ายหน้าให้เขา ให้เขาไม่ต้องวู่วาม “เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก”
เสิ่นเผยซวนมองไป๋ยิ่นหนิงทีหนึ่ง แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้อง
ปิดประตูไป๋ยิ่นหนิงมองหลินซินเหยียนไว้ เขาไม่ปกปิดความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเธอเลย “เธอว่าฉันควรดีใจหรือเสียใจดี?”