“นี่ถือว่าเป็นวิธีที่ดี”ในสถานการณ์แบบนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
เมื่อใดเหวินชิงกับเฉินชิงร่วมมือกันมักจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเสมอ นี่ขนาดหลินซินเหยียนกำลังท้องอยู่พวกเขายังดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้องเลย
ทันใดนั้นเองพยาบาลก็ประคองจวงจื่อจิ่นเดินเข้ามา
เสิ่นเผยชวนรีบเข้าไปรับช่วงต่อ
จงจิ่งห้าวมองไปยังคุณหมอที่เดินตามมาแล้วถามขึ้น“อาการเธอเป็นยังไงบ้างครับ?”
“คนไข้ได้รับการตรวจครบหมดแล้ว เดี๋ยวรอผลตรวจออกมาถึงจะสามารถวางแผนการรักษาได้ครับ ”คุณหมอพูดขึ้นแล้วหยุดลงราวกับว่ามีเรื่องกังวลในตัวจวงจื่อจิ่น จากนั้นจึงพูดต่อ“พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่าครับ”
จวงจื่อจิ่นนั่งลงบนเตียงไม่พูดไม่จา เธอรู้สถานการณ์ในตอนนี้ของตัวเองดี
จงจิ่งห้าวเดินตามคุณหมอออกมา เมื่อแน่ใจแล้วว่าจวงจื่อจิ่นจะไม่ได้ยินคุณหมอถึงได้พูดขึ้น“อาการของคนไข้ไม่ค่อยดีนัก ถ้าเกิดว่าคนไข้มีความปรารถนาที่อยากจะอยู่ต่ออย่างแรงกล้าล่ะก็ ตอนนี้ทางเรายังมียาบางชนิดที่สามารถรักษาได้ แต่จะใช้เวลานานหน่อยและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก คาดว่าน่าจะยื้อชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองสามปี แต่ถ้าเกิดว่าคนไข้……หมอเห็นว่าท่าทางของคนไข้ดูค่อนข้างแย่ ”
คุณหมอไม่ได้กลัวเรื่องที่อาการของคนไข้มันแย่ แต่เขากลัวว่าคนไข้จะยอมแพ้และไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วมากกว่า
“ขอบคุณครับ ผมเข้าใจแล้ว ฝากคุณหมอช่วยรักษาเธอด้วย”จงจิ่งห้าวพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ที่จวงจื่อจิ่นเป็นแบบนี้ เกรงว่าคงเป็นเพราะเห็นหลินกั๋วอันตายแล้ว ความแค้นของเธอคงจะสลายไปหายไปด้วยและความอยากมีชีวิตต่อก็คงลดลง
คุณหมอท่านนี้ดูเด็กมาก เห็นว่าเขาไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งหลายปี เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ดูอายุยังน้อยแต่ว่าเก่งมากเลยทีเดียว คุณหมอเอามือดันกรอบแว่นที่สันจมูกขึ้น“นี่เป็นเรื่องที่หมอควรทำอยู่แล้วครับ อีกอย่างทางคณบดีก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วด้วย พวกเราจะทำการรักษาให้อย่างสุดความสามารถครับ”
คุณหมอชะงักไปครู่หนึ่ง“หมอยังต้องไปดูคนไข้คนอื่นอีก ขอตัวก่อนนะครับ”
จงจิ่งห้าวพยักหน้ารับ หลังจากที่คุณหมอเดินออกไปเขายังคงยืนอยู่ที่ระเบียงเหมือนเดิมไม่ได้กลับเข้าไปในห้องพักคนป่วย เขาก้มหน้าลงพลางใช้มือนวดระหว่างคิ้วไปด้วย จวงจื่อจิ่นเป็นแบบนี้ทำให้เขาไม่สบายใจ
ลูกชายของเธอตายไปแล้วและตอนนี้เธอก็ได้ล้างแค้นหลินอันกั๋วแล้วด้วย แต่ว่าเธอไม่นึกถึงหลินซินเหยียนบ้างหรอ?
หลินซินเหยียนก็เป็นลูกสาวของเธอ ผ่านความลำบากกับเธอมามากมาย ตอนนี้ตัวเองปล่อยวางได้แล้ว แต่ว่าไม่เคยคิดเลยหรอว่าต่อไปหลินซินเหยียนจะเป็นยังไง?
จงจิ่งห้าวรู้สึกว่าจวงจื่อจิ่นเห็นแก่ตัวเกินไป คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยนึกถึงลูกสาวของเธอเลย
เขาถอนหายใจออกมาแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
จวงจื่อจิ่นหน้าซีดเหลือง ร่างกายผอมโซ ตาโหล ดูไร้ซึ่งอารณ์ เมื่อเห็นจงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เธอก็คลี่ยิ้มออก“ขอบคุณนะที่ไม่บอกเหยียนเหยียน”
จงจิ่งห้าวมองไปที่หล่อน“นี่คุณยังเป็นห่วงเธออยู่หรอ?”
จวงจื่อจิ่นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจงจิ่งห้าวจะพูดประโยคนี้ออกมา“เธอ……เธอเป็นลูกสาวของฉัน ฉันก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วสิ”
ถึงแม้จงจิ่งห้าวจะรู้สึกไม่พอใจกับท่าทางหมดอาลัยตายอยากของจวงจื่อจิ่น แต่เพราะเห็นหล่อนมีศักดิ์เป็นแม่ของหลินซินเหยียนหรอกนะ เขาเลยต้องให้ความเคารพ“ถ้าเกิดว่าเป็นห่วงเธอก็ให้ความร่วมมือในการรักษาซะ คุณจะได้อยู่กับเธอไปอีกซักสองสามปี อย่าทำให้เธอเสียใจ”
“ตอนนี้เธอคงสบายดีใช่ไหม……”
“ถ้าเธอรู้ว่าแม่เธอตายแล้ว เธอจะยังสบายดีอยู่ไหม?”จงจิ่งห้าวพูดขัดคำถามของเธอ
จวงจื่อจิ่นที่กำลังจะอ้าปากพูดออกไปเงียบลงทันที
“ผมหวังว่าคุณจะมีชีวิตอยู่เพื่อเธอนะ”พูดจบจงจิ่งห้าวก็หันหลังเดินออกจากห้องไป
เสิ่นเผยชวนเหลือบมองแผ่นหลังของจงจิ่งห้าว เขารู้คร่าวๆได่ทันทีเลยว่าคุณหมอจะต้องพูดอะไรบางอย่างแน่ๆ เสิ่นเผยชวนจึงพูดปลอบจวงจื่อจิ่นออกไป“ช่วงนี้เขาค่อนข้างยุ่ง มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น คุณอย่าไปถือสาเลย แต่ว่าที่เขาพูดก็ถูก เพื่อลูกสาวของคุณ คุณจะต้องให้ความร่วมมือในการรักษาจะได้อยู่กับลูกสาวต่ออีกสักสองสามปี ผมว่าคุณป้าก็คิดแบบนี้ใช่ไหมครับ?”
จวงจื่อจิ่นนั่งเงียบ อันที่จริงตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันไม่สำคัญเลยว่าจะอยู่หรือตาย เพราะเธอได้ล้างแค้นให้ลูกชายแล้ว
สำหรับเรื่องที่หลินซินเหยียนเคยลำบากร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาก่อน ตอนนี้ก็ได้จงจิ่งห้าวคอยดูแลเธอเป็นอย่างดีแล้ว วันข้างหน้าเธอจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ เพราะงั้นนี่จึงไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก
“ฉันเหนื่อยแล้ว”จวงจื่อจิ่นไม่อยากพูดมาก
เสิ่นเผยชวนรู้ตัวทันทีว่าเธอกำลังบอกเป็นนัยว่าให้ออกไป เขาเป็นคนนอก ไม่สามารถพูดอะไรได้มากจึงต้องออกไป
ทางด้านนี้มีพยาบาลคอยดูแลจวงจื่อจิ่นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเสิ่นเผยชวนจึงเดินออกไปทันที
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลจงจิ่งห้าวก็ตรงไปที่บริษัท เมื่อจอดรถเสร็จเขาก็กดรับสายซูจ้าน
ตอนนี้ควบคุมเรื่องวิดีโอฆ่าคนของหลินซินเหยียนที่ถูกปล่อยว่อนในอินเทอร์เน็ตได้แล้ว และสื่อหลายแห่งที่ทำการโพสต์วิดีโอลงไปก็ถูกตามมารับผิดชอบแล้ว ทางด้านตำรวจไม่ได้ถามหาเรื่องพยาน พวกเขาสรุปว่าเป็นความผิดทางแพ่งในการสร้างข่าวลือขึ้นมา และยังมีพวกที่ไปแสดงความคิดเห็นโจมตีหลินซินเหยียนอีกที่ถูกรวมเอาไปขึ้นศาลพิจารณาด้วย
“วันนี้จะได้รู้ผลแน่ครับ”ซูจ้านให้คำมั่นสัญญา
จงจิ่งห้าวพอใจกับความรวดเร็วในการจัดการนี้มาก เขาเดินเข้าไปในห้องโถง“ต้องให้พวกเขาออกมาขอโทษต่อหน้าทุกคน และต้องจัดการแถลงการณ์ด้วย”
“เข้าใจแล้วครับ อีกเดี๋ยวศาลจะเริ่มพิจารณาแล้ว ผมขอวางสายก่อนนะครับ”เสียงซูจ้านดังลอดออกมา
เมื่อจงจิ่งห้าวเก็บโทรศัพท์ลง กวนจิ้งก็รีบเดินเข้ามา
“เหวินชิงกับเฉินชิงมาแล้วครับ”
จงจิ่งห้าวไม่รู้สึกแปลกใจมากนัก เขาเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยท่าทีสุขุม จากนั้นกวนจิ้งก็เดินตามเข้ามายืนอยู่ข้างๆเขา“ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องรับแขก ท่านจะเข้าพบไหมครับ?”
จงจิ่งห้าวอมยิ้มขึ้น แล้วก็แสยะยิ้มออกมาแล้วถามกลับ“แล้วทำไมฉันจะไม่เข้าไปล่ะ?”