ยิ่งเธอทำเป็นแข็งแกร่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
เนื่องจากเขากอดแน่นเกินไป หลินซินเหยียนแทบหายใจไม่ออกแล้ว เธอเลยยื่นมือออกไปดันเขา“นี่คุณกะจะรัดฉันให้ตายเลยรึเปล่า?”
จงจิ่งห้าวคลายมือออกนิดหน่อยแต่ไม่ได้ผละออกจากเธอ เขาใช้แขนอันแข็งแรงโอบเธอไว้ จากนั้นก็ใช้มือทั้งข้างคลึงหน้าเธอจนหน้าตาเหยเก เขาประคองหน้าเธอหันซ้ายหันขวาไปมา จนเธอได้แต่พูดอู้อี้ “ขี้เหร่แล้วยังจะชอบโกหกอีก”
เธอมักจะทำท่าทางเหมือนตัวเองไม่เป็นไร ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น และสามารถดูแลเรื่องทุกอย่างเองได้
หลินซินเหยียน“……”
หลินซินเหยียนแกล้งทำเป็นโมโห“ถึงฉันจะขี้เหร่ แต่คุณก็ยังรักฉันนี่นา”
จงจิ่งห้าวอุ้มเธอไปที่เตียง“ผมคงตาบอด”
หลินซินเหยียน“……”
เมื่อมองไปที่เขา เดิมหลินซินเหยียนอยากจะถามว่าเรื่องนั้นคืบหน้าไปถึงไหนแล้วบ้าง เจอวิธีแก้รึยัง แต่พอจะถามเข้าจริงๆกลับพูดไม่ออกซะงั้น
กริ๊งกริ๊ง—
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของจงจิ่งห้าวก็ดังขึ้น เขาหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของเสิ่นเผยชวน
เขาไม่ได้กดรับสายแต่กดวางสายแทน
หลินซินเหยียนนอนลง“คุณไปทำงานเถอะ ฉันง่วงแล้วเดี๋ยวจะนอนพักสักหน่อย”
ที่จริงเธอไม่ได้ง่วง แต่เธอไม่อยากให้จงจิ่งห้าวกังวลเรื่องเธอจนไม่มีกะจิตกะใจไปจัดการธุระ
จงจิ่งห้าวรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่แต่ไม่ได้พูดออกมา เขาก้มลงจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ“อย่าคิดมาก ผมจะดูแลทุกอย่างเอง คุณพักผ่อนให้เต็มที่ก็พอ”
หลินซินเหยียนตอบอืมออกไปเบาๆ
เมื่อจงจิ่งห้าวเดินออกจากประตูห้องไปก็เห็นว่าป้าหยูกำลังยืนคุยกับพยาบาลอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ จงจิ่งห้าวเดินตรงเข้าไป
พอป้าหยูเห็นเขาออกมาจึงถามขึ้น“กินข้าวเช้าแล้วหรอคะ?”
จงจิ่งห้าวตอบอืมกลับไปแล้วเอ่ยขึ้น“ถ้าป้าว่างป้าก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอหน่อยนะ”
ป้าหยูบอกว่ารู้แล้ว ตอนนี้หลินซินเหยียนลุกออกจากเตียงเองไม่ได้ แน่นอนว่าจะต้องมีคนคอยอยู่ข้างๆตลอด
“คุณวางใจได้เลยค่ะ”ป้าหยูพูด
จงจงจิ่งห้าวไว้ใจป้าหยูอยู่แล้ว ขณะที่เขากำลังจะเดินพ้นประตูไปก็หันมามองผู้ชายสองคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่
ทั้งคู่ยืดตัวตรงทันที“ประธานจง”
จงจิ่งห้าวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“นอกจากป้าหยูแล้ว ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉันห้ามให้ใครเข้าไปเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
ทั้งสองขานรับอย่างพร้อมเพรียง“เข้าใจครับ”
“แล้วเมื่อวานใครปล่อยไอ้ที่มันนั่งรถเข็นเข้าไป?”เขากำชับไว้แล้วแท้ๆว่าไม่ให้ใครเข้าไป แล้วไป๋ยิ่นหนิงเข้าไปได้ยังไง?
ทั้งสองหันมาสบตากัน แล้วก็มีคนหนึ่งตอบออกไป“ตอนที่เขามาพวกเราก็ไม่ได้ให้เขาเข้าไป ทว่าเขาก็ยังใจแข็งอดทนรออยู่ที่หน้าประตู ซึ่งพวกเราก็ไม่ยอมใจอ่อน แต่พอหลี่จ้านมาถึงแล้วโทรขอท่านเสร็จ หลังจากที่ท่านอนุญาต เขาก็ตามหลี่จ้านเข้าไป พวกเราห้ามเขาแล้ว แต่ว่าหลี่จ้านบอกว่าเป็นคนรู้จักกัน พวกผมก็เลย……”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วแน่น ที่แท้ไป๋ยิ่นหนิงก็ใช้หลี่จ้านเป็นตัวผ่านเข้าไปนี่เอง
“ถ้าครั้งหน้ายังมีอีก พวกนายไล่ตะเพิดออกไปเลยนะ”จงจิ่งห้าวกำชับเสียงแข็ง
ที่เขาตั้งใจพูดถึงไป๋ยิ่นหนิงขึ้นมานั่นก็เพื่อให้พวกเขาจำไว้ให้ขึ้นใจ
ชายทั้งสองเหงื่อแตกพลั่ก“ถ้ามีใครมาอีก พวกผมจะไม่ให้เข้าไปเลยแม้แต่คนเดียวครับ?”
จงจิ่งห้าวจ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง“ดี”
ทั้งสองยืนตัวตรงพร้อมกับเอ่ยคำสัญญาออกไป“ครับ พวกเราจะไม่ทำพลาดเหมือนเมื่อวานอีก”
จงจิ่งห้าวพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในลิฟต์ ในขณะเดียวกันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเสิ่นเผยชวนถามว่าเขาอยู่ที่ไหน
เสิ่นเผยชวนพูดขึ้น“แผนกผู้ป่วย อาคารสอง ครับ”
โรงพยาบาลนี้มีอาคารผู้ป่วยสามอาคาร ซึ่งหลินซินเหยียนอยู่อาคารสาม อาคารสามเป็นอาคารที่พึ่งสร้างขึ้นมาใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆจึงมีครบครันมากกว่าสองอาคารแรก เสิ่นเผยชวนไม่ได้นำตัวจวงจื่อจิ่นเข้าไปรักษาที่อาคารสาม เนื่องจากกลัวว่าจะบังเอิญไปเจอเข้ากับหลินซินเหยียน
ถึงแม้สิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่จะไม่ดีเท่าอาคารสาม แต่หมอที่รักษาจวงจื่อจิ่นนั้นเป็นหมอที่เก่งที่สุด
จงจิ่งห้าวบอกไปว่าเขารู้แล้วจากนั้นก็กดวางสาย เขาค่อนข้างพอใจในการจัดการของเสิ่นเผยชวน ถ้าอยู่ในอาคารเดียวกันหลินซินเหยียนอาจมีโอกาสเจอหล่อนเข้า ถึงแม้ตอนนี้เธอจะลุกจากเตียงเองไม่ได้และมีคนคอยเฝ้าอยู่ก็ตาม แต่ก็ต้องคิดเผื่อไว้ก่อน ฉะนั้นจัดให้หล่อนอยู่ไกลออกไปนิดนึงน่าจะดีกว่า
เขาเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยตามที่เสิ่นเผยชวนบอก ด้านในมีเพียงเสิ่นเผยชวนคนเดียว
“หล่อนไปไหน?”เขาเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
มันเป็นห้องเดี่ยว สภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกก็ถือว่าไม่เลว จวงจื่อจิ่นสามารถอยู่ได้อย่างสบายเลยทีเดียว
เสิ่นเผยชวนเอ่ยขึ้น“ไปตรวจร่างกายครับ”
จงจิ่งห้าวพยักหน้าลงเบาๆ เสิ่นเผยชวนเหลือบมองออกไปข้างนอกเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครจึงพูดขึ้น“ตอนนี้เหมือนว่าเฉินชิงกำลังระวังพวกเราอยู่ เพราะเฉินชือหานแทบไม่โผล่หน้าออกมาจากหมู่บ้านเลย”
เสิ่นเผยชวนถามขึ้นด้วยความตึงเครียด“พวกเราจะทำยังไงดี?”
เห็นได้ชัดว่ามันมาถึงทางตันแล้ว และทางออกก็อยู่ที่เฉินชือหานเท่านั้น
จงจิ่งห้าวหันมองออกไปนอกหน้าต่าง“ไม่มีทางอื่นแล้วก็คงต้องตอบตกลง”
เสิ่นเผยชวนมีท่าทางกระวนกระวายขึ้นมาทันที“ตอบตกลงงั้นหรอ?แล้วพี่สะใภ้ล่ะจะทำยังไง ตอนนี้ยังท้องอยู่เลย แถมจวงจื่อจิ่นก็ยัง……ถ้าเกิดเธอรู้ขึ้นมา เธอจะรับได้ไหม?”
เขาหันกลับไปมองเสิ่นเผยชวนที่กำลังกระวนกระวายช้าๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน“ถ้าเกิดว่าการแต่งงานนี้ไม่มีเจ้าสาว มันจะสำเร็จไหม?”
เสิ่นเผยชวนมองลึกเข้าไปในตาของจงจิ่งห้าว เขาเหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างเลยลองถามออกไป“ความหมายของท่านก็คือ ในวันแต่งงานให้เข้าไปจับเฉินชือหาน……”
เฉินชิงกำลังระวังพวกเขาอยู่ เพราะงั้นจึงมีเพียงแค่ตอนแต่งงานเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปถึงตัวเฉินชือหานได้ พอถึงตอนนั้น……หากไม่มีเจ้าสาว ดูสิว่าเหวินชิงจะทำยังไง