มีเพียงจงจิ่งห้าวที่ทำให้เธอรู้สึกกลัว และยังอยากที่จะเข้าใกล้
เฉินชิงตบเบาๆ ลงบนมือลูกสาว “วางใจเถอะ ยังมีพ่ออยู่ พ่อจะสนับสนุนเธอเอง”
“คุณพ่อจะให้หนูแต่งงานกับจงจิ่งห้าวจริงๆ เหรอคะ?” เฉินชือหานถามขึ้น
เธอเป็นคนที่ภาคภูมิใจ และหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ชัดเจนว่าจงจิ่งห้าวไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ และยังจะบังคับเขาให้แต่งงานกับเธออีก นั่นไม่ทำให้เขาเกลียดตัวเธอเองไปมากกว่านี้หรอกเหรอ?
เฉินชิง ไม่รีบร้อนอธิบายแผนการของตนกับลูกสาว และแจกแจงถึงส่วนได้ส่วนเสียในแผนการนี้
“ทำไมตระกูลจงกับตระกูลเหวินถึงแต่งงานกันมาตั้งแต่แรก” เฉินชิง ไม่ต้องการคำตอบจากลูกสาว เพราะว่าอย่างไรแล้วเธอก็ไม่รู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ “.ตอนแรกเหวินเสียนแต่งงานกับจงฉีเฟิง เป็นเพราะว่าเป็นการแต่งงานเพื่อครอบครัว อีกฝ่ายเป็นข้าราชการผู้มีอำนาจระดับสูง อีกฝ่ายครอบครองห้างสรรพสินค้า คนของทั้งสองครอบครัวเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?”
เฉินชือหานคิด “อำนาจที่แท้จริง”
การร่วมมือกันของทั้งสองตระกูลนี้ มีส่วนสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพียงเพื่อให้ตำแหน่งของตนเองมั่นคงเท่านั้น
“ในปีนี้ จะมีตระกูลไหนยิ่งใหญ่เกินไปกว่าตระกูลจงกับตระกูลเหวิน? ดูอย่างจุดจบของตระกูลเหอสิ เคยเป็นพวกตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่มาก่อน แล้วท้ายที่สุดจุดจบเป็นยังไงล่ะ?”
เฉินชิงถอนหายใจ “เด็กสามคน แยกไปสองคน แล้วยังแยกไปอยู่ในมือของจงจิ่งห้าวอีก”
เขามองไปที่ลูกสาว “มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะเข้าร่วมตระกูลนี้ ถึงจะหยัดยืนได้นานในที่แห่งนี้”
เฉินชือหานเข้าใจเหตุผลเหตุผลดี เธอเองก็อยากที่จะช่วยพ่อของเธอเหมือนกัน
เพียงแต่
การเผชิญหน้ากับจงจิ่งห้าว เธอรู้สึกกลัวและอาย
“ลูกไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น พ่อจะเป็นคนปูทางให้ลูกเอง” เฉินชิงปลอบใจลูกสาว “ลูกพ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะความกลัวและขี้อาย มาครอบงำอำนาจของลูกไป”
บนคิ้วของเฉินชือหาน ซ่อนความเขินอายเล็กน้อยเอาไว้ “เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ที่สุดที่หนูเคยเจอมา หนูอยากเป็นภรรยาของเขา…”
ได้รับความรักจากเขา
“ได้อยู่แล้ว”
เฉินชิงลูบไปที่ใบหน้าของลูกสาว สายตาตกในภวังค์คล้ายกับว่าดู “ต้องการอะไร เฉินชิงจะพยายามต่อสู้ให้ได้มา ไม่อย่างนั้น ปล่อยทิ้งไว้จะเหลือแต่ความเสียใจ”
เฉินชือหานลืมไปแล้วว่าพ่อของเขาเคยเป็นแบบนี้ ตกใจอยู่ไม่น้อย “พ่อคะ ตอนที่พ่อยังเป็นหนุ่ม มีเรื่องอะไรให้เสียใจเหรอคะ?”
ปกติแล้วเฉินชิงเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก อยู่ในกองทัพมาครึ่งชีวิต ร่างกายที่แสดงออกมา ถึงแม้จะโกรธแต่ว่าก็ยังดูสง่างามอยู่
เฉินชือหานไม่เคยเห็นพ่อของเขาในด้านที่อ่อนแอแบบนี้มาก่อน
เฉินชิงดึงสติกลับมา ถอนมือออก กลับคืนในท่าทีปกติ “ตลอดชีวิตของคนเรา ยังสามารถที่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้”
เฉินชือหาน คว้าไปที่แขนของเฉินชิง ไว้ “คุณพ่อถอนหายใจแบบนี้ ตอนยังหนุ่มมีคนที่แอบชอบอยู่ใช่ไหมคะ? ”
แม่ของเฉินชิงกับเฉินชือหานรู้จักกันได้ก็เพราะมีคนแนะนำให้ เพราะความอ่อนโยนของแม่เฉินชือหาน เองด้วย สำหรับเฉินชิงนั้นเธอเป็นคนที่เชื่อฟัง และนับเป็นภรรยาที่มีคุณงามความดีน้อย ส่วนความรู้สึกนั้น นับว่าไม่มี
ในจุดนี้เองเฉินชือหาน ก็รับรู้
ก่อนหน้านี้แม่เธอได้บอกกับเธอว่า พ่อของเธอมีใครคนหนึ่งอยู่ในใจ
จู่ๆ เขาก็อารมณ์เสียขึ้นมา เป็นเพราะว่ากำลังคิดถึงคนในใจอยู่หรือไม่?
“เด็กน้อย ไม่ถามเรื่องของผู้ใหญ่สิ”
“พ่อคะ…” เฉินชือหานยังต้องการถาม
เฉินชิงพูดขัดเธอขึ้น “ความจริงแล้วตอนนี้ลูกจะต้องอยู่ในบ้าน”
เขาไม่อยากให้มีปัญหาใหม่เพิ่มเข้ามาในตอนนี้
เฉินชือหานพยักหน้ารับรู้
ใครกันจะรู้ว่าถ้าจงจิ่งห้าวถูกบังคับขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น?
โรงพัก
หลินซินเหยียนถูกขังไว้ห้องห้องหนึ่ง เธอกำลังถูกสืบสวน
ผนังห้องทั้งสี่ด้านที่ไม่มีหน้าต่าง แสงสว่างจากโคมไฟระย้าสีขาว ด้านหน้าของโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเจ้าหน้าที่สืบสวนอยู่สองนายนั่งอยู่
“คุณชื่ออะไร?”
หลินซินเหยียนที่ถูกใส่กุญแจมือ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้
เธอกำลังบังคับคลื่นที่ซัดกระหน่ำภายในใจเธอ มองไปที่เจ้าหน้าที่สืบสวนเธออย่างนิ่งสงบ
“หลินซินเหยียน”
“ครับ งั้นเริ่มเลย คำพูดทั้งหมดของคุณจะเป็นหลักฐานในชั้นศาล”
“คุณฆ่าเหอรุ่ยเจ๋อทำไม?”
สองมือของหลินซินเหยียนกำแน่น “ฉันไม่ได้ทำ”
“ตอนนั้นมีคนเห็นว่าคุณถือปืนชี้ไปที่เขา คุณต้องการที่จะปฏิเสธต่อหลักฐานไหม”
“ฉันไม่ได้ฆ่าเขา”
หลินซินเหยียนไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ในครั้งนั้นออกมาได้ ปืนในมือของเธอ เหอรุ่ยเจ๋อถูกยิงตาย เธอไม่สามารถอธิบายออกมาได้
“คุณลองคิดให้ดี หากคุณบอกความจริงมาตอนนี้ โทษของคุณอาจจะได้รับการผ่อนปรนลงบ้าง แต่ถ้าคุณยังยืนกราน รอทางนั้นตรวจสอบ แล้วพบว่าบนปืนมีเพียงรอยนิ้วมือของคุณ ถ้าคุณจะปฏิเสธในตอนนั้นก็คงไม่มีประโยชน์อะไร”
หลินซินเหยียนมองไปที่เจ้าหน้าที่จดบันทึกข้างๆ “ทั้งหมดนี้พวกคุณเป็นคนวางแผน ทำไมยังต้องแกล้งจดบันทึกล่ะ?”
เจ้าหน้าที่สืบสวนคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองหลินซินเหยียน “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร ฉันแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ ต่อผู้ต้องสงสัยทุกคน พวกเราต้องจดบันทึกการสอบปากคำ”
เขาพูดตอบ เน้นคำว่าผู้ต้องสงสัยสามคำนี้
สามคำนี้ เจาะจงไปที่หูของเธอ จนเธอรู้สึกเวียนหัว แสงไฟที่ส่องมาตรงหน้าเธอช่างแรงยิ่งนัก เธอพยายามที่จะเปิดเปลือกตา เพื่อที่จะรักษาความนิ่งสงบของตัวเองเอาไว้
“ฉันแค่ป้องกันตัวเอง ฉันไม่ได้ฆ่าคน!”
“ถ้าคุณไม่ได้ฆ่าเขา แล้วทำไมถือปืนเล็งไปที่เขา?”
“ฉันบอกไปแล้ว ฉันแค่ป้องกันตัว ฉันไม่ได้ฆ่าเขา!”
“ตามที่พวกเราทราบมา เหอรุ่ยเจ๋อ มีข้อหาคดีร่วมกันลักพาตัว และคนที่ถูกลักพาตัวไปคนนั้นคืนคุณ ถูกไหม?”
เรื่องนี้เป็นความจริง
“ใช่”
“เป็นไปได้ไหมว่าคุณอาจจะแค้นถูกเขาลักพาตัวไป คุณถึงได้ลงมือฆ่าเขา”
หลินซินเหยียนก้มตัวลงรู้สึกแน่นที่หน้าอกมาก อาการคลื่นไส้เหมือนจะพุ่ง อยากอาเจียน เธอปิดเปลือกตาลง เหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว “ไม่ใช่”