ซูจ้านแทบจะเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออก
ก้มหน้าคอตก สภาพดูน่าสงสาร แต่หลินซินเหยียนก็ไม่ได้ใจอ่อน น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย ” นายควรจะทำงานก็ไปทำเถอะ คุณย่าก็ต้องการให้นายดูแล สำหรับตัวฉินยา ยกให้ฉันเถอะ ฉันจะจัดการเอง รอให้เธอหายดีแล้ว ฉันจะบอกนายเองว่าเธออยู่ที่ไหน ในระหว่างที่เธอกำลังรักษาตัวอยู่นี้ ก็อย่าไปรบกวนเธอเลย รับปากฉันได้ไหม ”
ซูจ้านถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ” นี่เป็นคำขอจากเธอเหรอ ”
หลินซินเหยียนถอนหายใจ เรื่องนี้ยังจะต้องให้เธอพูดอีกเหรอ
ถ้าฉินยายอมเจอเขา เธอจะไปมีปัญญารั้งฉินยาไว้ได้ยังไง
เขาโดนพยาบาลยื้อเอาไว้ข้างนอกนี่ยังไม่ใช่คำตอบหรอกหรือ
ซูจ้านไม่ได้ไงหน้าขึ้นมาแต่พูดต่อ ” ผมรู้แล้ว ”
พูดจบก็หันตัวแล้วเดินจากไป
จงจิ่งห้าวกลัวว่าไอ้หมอนี่มันจะคิดอะไรแปลกๆ ” มีอะไรโทรหาผมนะ ”
หลินซินเหยียนพยักหน้ารับ ” โอเค ”
จงจิ่งห้าวเดินตามซูจ้านออกไปหลินซินเหยียนเลยมีเวลาพูดคุยกับพยาบาล ” เขาไม่ได้ทำอะไรให้คุณบาดเจ็บใช่ไหมคะ ”
พยาบาลโบกไม้โบกมือ แล้วพูดว่า ” ไม่หรอกค่ะ ครอบครัวของผู้ป่วยที่ตื่นตระหนกก็มีมาให้เห็นบ่อย เราเตรียมรับมือไว้อยู่แล้วค่ะ ”
หลินซินเหยียนถามต่อ ” สภาวะอาการของเธอตอนนี้ดีขึ้นไหมคะ ”
” พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องอยู่ในห้องไอซียูแล้ว ”
” สองวันนี้ฉันเตรียมที่จะรับเธอไปรักษาที่ต่างประเทศ สองวันนี้รบกวนให้เธออยู่ในห้องไอซียูได้ไหมคะ ” หลินซินเหยียนกลัวว่าซูจ้านจะบุกเข้ามาอีก
พยาบาลตอบรับ ” ได้สิคะ แค่ชำระเงิน จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ก็ได้เลยค่ะ ”
การจะอยู่ห้องไอซียูหนึ่งวันก็ต้องใช้เงินเป็นหมื่น หลายครอบครัวที่ป่วยหากไม่นอนได้ก็พยายามจะไม่นอนห้องนี้ เพราะค่ารักษาในแต่ละวันก็เป็นหมื่นทั้งนั้น เมื่อพูดถึงครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่มากเกินสมควร พูดง่ายๆ คือ เงินจำนวนนี้ยากที่จะสามารถหาได้นั่นเอง
หลินซินเหยียนถาม ” ฉันเข้าไปดูอาการเธอได้ไหมคะ ”
” ได้เลยค่ะ ” พยาบาลขานรับ
พยาบาลเปิดประตูเข้าไป แต่การเข้าไปทุกครั้งก็ยังต้องเปลี่ยนชุดป้องกันเชื้ออยู่เช่นเดิม เพื่อป้องกันเชื้อโรคห้าชนิด ถึงแม้ฉินยาจะพ้นขีดอันตรายไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ดี
เมื่อเคยใส่ไปครั้งหนึ่งแล้ว หลินซินเหยียนก็เริ่มชิน ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย
ฉินยานอนอยู่บนเตียง ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายไปแล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
หลินซินเหยียนเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ เป็นเพราะศีรษะของหญิงสาวถูกพันเอาไว้ทั้งหมด ทำให้เธอไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ความรู้สึกของใบหน้านั้นได้ พอคิดถึงซูจ้านที่เอาแต่โวยวาย โดยปกติแล้วอารมณ์ของหญิงสาวก็ไม่สงบเงียบขนาดนี้
เธอและพูดด้วยน้ำเสียงค่อยๆ ” ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ”
ฉินยาตอบ ” ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่อยากรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ”
” ฉันรู้ ฉันเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ภายในสองวันนี้แหละ ” หลินซินเหยียนพูดปลอบเธอ ” วางใจเถอะ ซูจ้านคงไม่มาอีกแล้วแหละ ”
ฉินยาดูสงบขึ้นกว่าเดิม ” ฉันไม่อยากเจอหน้าเขาเลยจริงๆ ”
หลินซินเหยียนเข้าใจดี
ถ้าเป็นตัวเธอเอง เธอก็ไม่อยากเจอเช่นเดียวกัน
ห้องไอซียูไม่เหมือนห้องผู้ป่วยธรรมดา ในห้องนี้แม้แต่เก้าอี้สักตัวก็ไม่มี
ฉินยาไม่รู้เลยว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว ห้องไอซียูปิดล้อมอย่างแน่นหนา และเปิดไฟตลอดเวลา ถ้าไม่ดูเวลา ก็คงไม่รู้ว่าตอนนี้โลกภายนอกกี่โมงแล้ว
เธอถามขึ้นมา ” เวลานี้ กี่โมงแล้วคะ ”
หลินซินเหยียนเลยหันไปดูเวลา แล้วพูดว่า ” ตอนนี้กลางคืน ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วล่ะ ”
” ถ้างั้นพี่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ” ฉินยาพูดเชิงรู้สึกผิด
ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะเรียกเธอมาที่นี่อีก
หลินซินเหยียนหัวเราะ เพื่อที่จะทำให้เธอผ่อนคลายลงเลยพูดขึ้นมาว่า ” ปกติฉันอยู่ร้าน การที่จะรับลูกค้าคนหนึ่ง กลับไปฉันก็ไม่ได้นอนเลยหรอกนะ ยังต้องคิดเค้าโครงภาพอีก ”
” ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่อีกหน่อย ระหว่างที่อยู่นี่ฉันจะได้คิดเค้าโครงรูปด้วยไง ”
ฉินยาเข้าใจดี ปากก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจได้จดจำไปแล้ว
หลินซินเหยียนอยู่ที่นี่สักพัก เมื่อฉินยาหลับสนิท หลินซินเหยียนถึงออกไป
เมื่อเดินออกจากประตูใหญ่ของโรงพยาบาล หลินซินเหยียนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาจงจิ่งห้าว
ขณะเดียวกัน รถของจงจิ่งห้าวก็จอดที่สะพานอานชือเขาลงจากรถมายืนพิงราวจับสะพาน มือทั้งสองข้างล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วมองไปยังแม่น้ำที่ทอดออกไป
ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนนั่งอยู่ตรงบันได
” เรื่องนี้ นายควรจะให้เวลาเธอซะหน่อยนะ นายต้องเข้าใจว่าเธอไม่อยากเจอนาย นายก็อย่าไปก่อความวุ่นวายให้เธอเลย ให้เวลาเธอหน่อยเถอะ ระหว่างนี้นายก็อยู่เงียบๆ ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกนายไง ” เสิ่นเผยซวนแนะนำเขาขึ้นมา
ซูจ้านไม่ปริปาก นั่งฟังเงียบๆ ไม่มีคำพูดสักคำหลุดออกมา เขาทำแค่กระดกเหล้าเข้าปากเท่านั้น
บนบันไดมีกระป๋องตั้งเรียงรายเต็มไปหมด มีทั้งที่ถูกดื่มแล้ว และอันที่ยังไม่ถูกเปิด
เสิ่นเผยซวนเริ่มจะมีน้ำโห เขาพูดไปครึ่งค่อนวันแล้ว พูดจนคอแทบจะมีควันพุ่งออกมา แต่ไอ้หนุ่มนี่สักคำก็ยังไม่ปริปากพูด
” ซูจ้าน นี่แกจะทำอะไรกันแน่วะ ” เสิ่นเผยซวนตะคอกออกมา มือข้างหนึ่งบีบกระป๋องแน่น ” เสียใจในสิ่งที่ทำสินะ ”
” เออ กูเสียใจโว้ย! ” จู่ๆ ซูจ้านก็ยืนขึ้นมา ในใจของเขามันวุ่นวายไปหมด เลยเตะกระป๋องที่วางอยู่บนพื้น เขามองไปยังเสิ่นเผยซวนที่กำลังตกตะลึงอยู่ ” มึงรู้ไหม ว่าเธอ… เธอท้อง ลูกของกูเนี่ย คุณยังไม่รู้เลย กูเห็นเลือดของเธอที่ไหลเต็มตัว กูนึกว่า… กูนึกว่าเธอบาดเจ็บ กูเห็นเธอ สละละทิ้งชีวิตหนึ่งไปต่อหน้าต่อตา… ”
ซูจ้านเอามือกุมที่หน้าอก ” ตรงนี้…. ” เขากำมือแน่น ก่อนจะเอากำปั้นทุบลงบนหน้าอกของตัวเอง ” ตรงนี้ มันปวดจนจะตายอยู่แล้ว ”
เสิ่นเผยซวนเห็นก็รับรู้ได้ถึงความทรมานของเขา แต่ว่า เขากลับไม่สามารถเข้าใจถึงความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ได้
เขาถึงได้ค้นพบว่าคำแนะนำที่เพิ่งให้ไปเมื่อกี้ ไม่ได้ส่วนช่วยอะไรเลย
ความเสียดาย ความเสียใจและโกรธเกลียดของเขา กลัวว่าสองคำนี้จึงไม่สามารถที่จะแนะนำเขาได้
” ฉันรู้ว่านายเสียใจ แต่ฉันดื่มเป็นเพื่อนนายเอง ” เสิ่นเผยซวนก้มลงไปเก็บกระป๋องที่ยังไม่ได้เปิดขึ้นมา ก่อนที่จะเปิดแล้วดื่มเข้าไป ถ้าเอาแขนคล้องคอของซูจ้านเอาไว้ ก่อนจะพูดข้างหูของเขา ” มันจะผ่านไปเว้ย รอเธอหาย แล้วก็รีบไปชดใช้ พวกนายยังหนุ่มยังสาว ก็พอมีโอกาสอยู่บ้าง ”
ซูจ้านก็ยังคงรู้สึกปวดใจอยู่ แต่เขาก็รู้ว่าการมานั่งเสียใจกับเรื่องที่ผ่านไปแล้วมันไม่มีประโยชน์
สิ่งที่เขาทำได้ต่อจากนี้ก็คือการชดใช้ในสิ่งที่เคยทำลงไป
เขาช้อนสายตาที่แดงก่ำขึ้นมามองเสิ่นเผยซวน ” ถ้างั้นผมยังมีโอกาสไหม ”
” มีสิ นายยังมีโอกาสอยู่ ” เสิ่นเผยซวนให้คำตอบที่แน่นอนกับเขา
ซูจ้านใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ” วันนี้นายอยู่เป็นเพื่อนฉันที ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว ”
เขากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
เสิ่นเผยซวนตอบตกลง
ประจวบเหมาะกับที่เสิ่นเผยซวนถามจงจิ่งห้าวว่าอยู่ที่นี่ด้วยกันไหม โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
จงจิ่งห้าวหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะรับสาย ปลายสายก็ตามมาด้วยเสียงของหลินซินเหยียน ” ซูจ้านดีขึ้นหรือยัง ”
จงจิ่งห้าวช้อนสายตา มองไปที่ชายหนุ่มสองคนที่ยืนโอบกันอยู่บนถนน ก่อนจะตอบอืมเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์
” ถ้างั้นก็ดีเลย ฉันอยู่ทางออกโรงพยาบาล ถ้าคุณไม่ว่างมารับ ฉันจะได้นั่งรถกลับไปเอง ”
จงจิ่งห้าวพูด ” ผมว่าง ”
ซูจ้านยังมีเสิ่นเผยซวนอยู่เป็นเพื่อน
เขากลับขึ้นมายืนตัวตรง ก่อนจะเดินไปทางรถ ” ฉันไปก่อนล่ะ ”
ใจของซูจ้านไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เขาเสียทั้งลูก แถมยังถูกผู้หญิงที่ตัวเองชอบปฏิเสธที่จะเจอหน้าอีก ในใจเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น จงจิ่งห้าวยังจะกลับไปตอนนี้อีก มีเมีย พี่น้องก็ไม่คิดจะเอาแล้วหรือไง
” เห็นเมียดีกว่าเพื่อนเหรอ! ” ซูจ้านตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง
มือของจงจิ่งห้าวที่กำลังจะเปิดประตูชะงักลง ก่อนจะหันกลับมามองเขา ” ยังอยากที่จะให้หน้าของฉินยากลับมาเป็นเหมือนเดิมอยู่ไหม ”
ซูจ้านรู้สึกท้อแท้ เขาอยาก อยากมาก ฉินยาในตอนนี้ยอมเจอแค่หลินซินเหยียนเท่านั้น หลินซินเหยียนจัดการเรื่องพวกนี้ไม่ไหวก็ต้องให้จงจิ่งห้าวช่วย
” ผมไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้น ผมมันไม่ดี คุณก็อย่าไปใส่ใจในสิ่งที่ผมทำเลยนะ ” ตาแดงๆ ของซูจ้านมองพลางยิ้มอย่างไม่สู้ดีนัก
” วางใจเถอะ ” ไม่มีคำพูดที่มากมายหรือคำสัญญา การที่เป็นพี่น้องกันมาหลายปี เขาจะต้องหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดสำหรับฉินยาให้ได้
ซูจ้านสะอื้นไห้ พลางตอบ ” ขอบคุณนะ ”