หลิวเฟยเฟยก้มหน้า ใช้หางตาเพื่อสำรวจสีหน้าของซูจ้าน
ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่ได้มีอาการหวั่นไหวมาก แต่หลิวเฟยเฟยรู้ ครั้งนี้เขาไม่ได้รังเกียจตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอรีบร้อนเกินไป ถึงทำให้เขารู้สึกไม่ชอบเธอ
เธอลืมไปเรื่องหนึ่ง เธอจากไปนานมากแล้ว ความรู้สึกมันจางหายไปนานแล้ว จนอาจจะหมดสิ้นไปแล้ว
อยากได้เขากลับคืนมาใหม่ ต้องเริ่มที่ใจ
ทำให้เขารู้สึกดีใจที่ได้อยู่กับเธอ พวกเขามีอดีตร่วมกันมากมาย เรื่องเหล่านี้ฉินยาทดแทนไม่ได้แน่นอน
เธอยิ้มจางๆ “คุณโทษฉันไหม?”
ไม่รอซูจ้านตอบ เธอก็พูดเองเออเองขึ้นมา “โทษฉันก็ไม่เป็นไร เพราะว่ามันเป็นความผิดของฉัน”
ซูจ้านก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว
เดินไปถึงหน้ารถ ซูจ้านหยิบกุญแจออกมาปลดล็อก เปิดประตูรถ “ขึ้นรถเถอะ ผมส่งคุณกลับบ้าน”
หลิวเฟยเฟยพูดยิ้มแย้ม “คุณยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม? ฉันนั่งรถก็ได้ ไม่รบกวนคุณดีกว่า”
พูดจบเธอก็หมุนตัวจะเดินไป ซูจ้านดึงเธอไว้ “ขาของคุณบาดเจ็บ ผมส่งคุณกลับดีกว่า”
หลิวเฟยๆยังคงปฏิเสธ “ไม่ต้องจริง เพราะว่าคุณแต่งงานแล้ว ฉันใกล้ชิดกับคุณเกินไป มันไม่ดี ความผิดก่อนหน้านี้ จะทำผิดอีกครั้งไม่ได้”
พูดจบ หลิวเฟยเฟยก็เดินกะเผลกไปทางถนน
ซูจ้านยืนอยู่กับที่ มองดูหลังเธอ
“อยากไปก็รีบไป ลังเลอะไร?” น้ำเสียงพูดจาเสียดสีดังขึ้นข้างหลังเขา ซูจ้านหันไปมอง เห็นหลินซินเหยียนยืนอยู่ข้างหลังเขา
เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง หรือว่าเมื่อกี้เธอเห็นหมดแล้ว
เขาอธิบายโดยสัญชาตญาณ “พวกเราเจอกันโดยบังเอิญ เธอถูกโรคจิตคนหนึ่งรังควาน ผมไม่ช่วยก็ไม่ดีมั้ง?”
หลินซินเหยียนยิ้ม “ฮีโร่ช่วยสาวงาม เรื่องที่ผู้ชายทุกคนต้องทำ คุณไม่ผิด คนที่ผิดคือฉัน ฉันมันบ้าง ถึงคิดอยากจับคู่คุณกับเสี่ยวยา ตอนนี้ดูแล้ว เสี่ยวยาคิดถูกแล้ว คุณมันก็แค่คนที่ไม่ชัดเจนเท่านั้น”
ซูจ้านเดินเข้าไป “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด……”
“เข้าใจผิดอะไร?” หลินซินเหยียนมองเขาอย่างใจเย็น “ความเห็นใจของคุณมันล้นหลามจนอยากส่งคนกลับบ้าน เป็นเรื่องเข้าใจผิด?”
“ขาของเธอบาดเจ็บ…..”
“เขาไม่มีครอบครัวไม่มีเพื่อน ต้องเป็นคุณเท่านั้น?” หลินซินเหยียนพูดตัดเขา
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเสี่ยวยา ถึงมีความคิดไม่อยากเอาลูกไว้
เขารู้ใจตัวเองหรือเปล่า?
หลินซินเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง พยายามให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ เธอสูดอากาศเข้าลึกๆ “ซูจ้าน ถ้าคุณยังมีความรู้สึกกับแฟนเก่าอยู่ ตอบตกลงกับฉันเรื่องหนึ่ง อย่าไปหาเสี่ยวยาอีก”
ซูจ้านรู้สึกกระวนกระวาย เขากำลังอยากยื่นมือไปดึงตัวหลินซินเหยียน ก็มองเห็นสายตาอันเย็นชาของจงจิ่งห้าว เขาจึงดึงมือกลับ “ผมชอบฉินยา”
หลินซินเหยียนอยากหัวเราะ แต่เผชิญหน้ากับซูจ้านที่ยังแยกแยะสถานการณ์ไม่ถูก เธอหัวเราะไม่ออกจริงๆ
“คุณชอบเสี่ยวยา?”
“ใช่ ผมชอบเธอ” ซูจ้านตอบอย่างรวดเร็ว
“คุณเคยคิดปัญหาหนึ่งอย่างตั้งใจไหม? ถ้าหากเธอรักคุณจริง ตอนนั้นทำไมถึงจากคุณไป? อีกอย่างพอจากนั้นก็นานขนาดนี้ คุณไม่สงสัยเลยเหรอ ระหว่างนี้เธอไปไหน? เจอกับใครบ้าง? ระหว่างนี้เคยมีความสัมพันธ์อะไรไหม?” หลินซินเหยียนถามอย่างคมชัด
ตัวเองก็เป็นทนาย เขาก็ว่ากันว่าความคิดของทนายนั้นเทียบกับคนธรรมดาไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้ซูจ้าน ไอคิวของคนธรรมดายังสู้ไม่ได้
วิธีที่ซูจ้านทำนั้น ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังมาก
ซูจ้านไม่เคยไปคิดอย่างรอบคอบจริงๆ แต่ว่าหลิวเฟยเฟยเคยบอกว่าทำไมถึงจากเขาไป
“เธอบอกว่า เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ไม่อยากให้ผมลำบากใจ ก็เลยจากผมไป”
หลินซินเหยียนรู้สึกตลก ถ้าหากว่ารักคนคนหนึ่งจริงๆ ทำไมถึงไม่พูดก็จากไป นี่คือความรักเหรอ?
ถ้าอย่างนั้น ความรักของเธอก็เห็นแก่ตัวเกินไป
เท่าที่เธอดูแล้ว นี่ไม่ใช่การเสียสละ ถ้ารักจริง เธอไม่ยอมจากไปแน่ ถึงแม้จากไปก็คงปวดใจ ถ้าหากเป็นอย่างที่ซูจ้านพูด เธอจากไปเพราะไม่สามารถตั้งครรภ์ ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจไปด้วย
อีกอย่างจากไปก็นานขนาดนี้ ตอนนี้กลับมาเพื่ออะไร?
ตอนนี้ก็ไม่กลัวทำให้เขาลำบากไปด้วยแล้วเหรอ?
เธอรู้สึกว่าข้ออ้างนี้มันฝืนเกินไป ไม่ถูกต้องตามหลักการ
“ตอนนี้ฉันเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเสี่ยวยาเป็นพิเศษ คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก”
พูดจบ เธอก็หันกลับไปขึ้นรถ
ไม่อยากพูดกับซูจ้านอีกแม้แต่คำเดียว
เธอกังวลสถานการณ์ของฉินยามากแค่ไหน ตอนนี้ก็เกลียดความยืดเยื้อของซูจ้านมากแค่นั้น
จงจิ่งห้าวมือสองข้างใส่ในกระเป๋ากางเกง เขาเดินเข้าไป พูดเตือนเขาอย่างหนักแน่น “ปกติเธอไม่เคยพูดแบบนี้กับคนอื่น นายก็กลับไปคิดดีๆละกัน”
มือของเขาวางบนไหล่ของซูจ้านแรงๆ หลินซินเหยียนบอกอยากเจอซูจ้านเอง เขาก็สังเกตเห็นว่ามีปัญหาแล้ว
ต้องเกิดอะไรขึ้นกับฉินยาแน่นอน หลินซินเหยียนถึงบอกจะเจอซูจ้านด้วยตัวเอง จุดประสงค์ก็เพื่ออยากช่วยพวกเขาสองคน ปรากฏว่าเห็นภาพที่เขาอยู่กับแฟนเก่า รู้สึกผิดหวังมาก จึงโกรธ จึงต่อว่าซูจ้านอย่างไม่ไว้หน้า
ซูจ้านก็รู้สึกอึดอัดใจ “ตอนนี้ฉินยายอมเจอหน้าฉัน แต่ก็ทำตัวเย็นชากับฉัน ฉันพูดอะไร เธอก็ไม่สนใจฉัน”
ใจที่เร่าร้อนแค่ไหน ก็ทำให้อุณหภูมิมันลดลงได้
เรื่องความรัก คนนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ซูจ้าน คำพูดเมื่อกี้เขาก็ไม่อยากพูด
จะเข้าใจหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวซูจ้านเอง
จงจิ่งห้าวขึ้นรถ ไม่ได้เปิดเครื่องยนต์ แต่ไปปัดผมของเธอ “พวกเราไปกินข้าวกัน”
หลินซินเหยียนยังรู้สึกโมโหอยู่ ถูกซูจ้านทำให้โมโห
เท่าที่เธอดูแล้ว นี่เป็นปัญหาง่ายๆเท่านั้น ถ้าหากเขารักฉินยาจริง ก็ควรที่จะตัดขาดกับแฟนเก่าอย่างเด็ดขาด ทำให้ฉินยารู้สึกมั่นใจ
ถ้าหากยังมีความรู้สึกกับแฟนเก่า ก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับฉินยาอีก
แต่เขาล่ะ?
ปากก็พูดว่ารักฉินยาเต็มปากเต็มคำ อีกด้านหนึ่งก็ยังพบเจอกับแฟนกัดความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนแบบนี้
เธอหันไปมองจงจิ่งห้าว “ฉินยาท้องแล้ว”
จงจิ่งห้าวพอเดาออก ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้เธอคงไม่โมโหขนาดนั้น
เขายิ้มอย่างรักใคร่ “แล้วคุณอยากทำยังไง? ให้ผมหาคนไปซ้อมซูจ้านไหม?”
หลินซินเหยียนส่ายหัว นี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่มีเหตุผล ซ้อมเขาแล้ว ก็แค่ได้ระบายความโกรธเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“ฉันอยากสืบเรื่องแฟนเก่าเขา หลายปีนี้หายไปไหนมา ทำไมอยู่ๆถึงกลับมา” ถ้าเป็นเพราะไม่สามารถมีลูกได้ ถึงจากซูจ้านไป ถ้าอย่างนั้น ก็หมายความว่าแฟนเก่าเขารักซูจ้านจริง เธอก็จะให้ฉินยาออกจากประเทศ
สำหรับเรื่องที่ซูจ้านจะคืนดีกับแฟนเก่าหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของเขาเอง
สิ่งที่เธอทำได้ ก็คือพยายามไม่ให้ฉินยาถูกทำร้ายมากไปกว่านี้
จงจิ่งห้าวถอนหายใจ รู้สึกว่าเธอยุ่งเกินไป เวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าเธอเป็นคนมีคุณธรรม
หลินซินเหยียนอ่านความคิดเขาออก ก็ยิ้มขึ้นอย่างหนักใจ “เสี่ยวยาติดตามฉันมาตลอด กลับประเทศก็เพราะฉัน ถ้าไม่กลับมา เธอก็จะไม่เจอกับซูจ้าน ก็จะไม่เกิดเรื่องพวกนี้”
เธอรู้สึกว่าเธอต้องรับผิดชอบ
จงจิ่งห้าวหางตากระตุก เธอไม่กลับมา เขาจะทำยังไง?
เขากอดร่างเธอลงรถ “ไปหาอะไรกินกันก่อน”
หลินซินเหยียนรถจากรถไปกับเขาอย่างเหม่อลอย จงจิ่งห้าวจองที่นั่งไว้แล้ว พนักงานพาพวกไปที่โต๊ะ พอนั่งลงแล้ว จงจิ่งห้าวก็หยิบมือถือออกมาส่งข้อความให้เสิ่นเผยซวน ให้เขาไปสืบเรื่องหลิวเฟยเฟย ช่วงนี้กวนจิ้งค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลา
จึงต้องให้เสิ่นเผยซวนไปสืบ เขามีลูกน้อง และเชี่ยวชาญกว่า ประสิทธิภาพก็จะเร็วกว่า
พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ
จงจิ่งห้าวชอบอาหารรสจืด เพราะฉะนั้นอาหารที่สั่งก็ค่อนข้างรสจืด อาหารของร้านนี้เน้นอาหารสุขภาพ เพราะฉะนั้นก็ไม่ค่อยมัน หรือพวกอาหารเนื้อสัตว์
จงจิ่งห้าวตักน้ำซุปให้เธอ วัตถุดิบในน้ำซุปเป็นไก่กระดูกดำ ใส่โสม พุทราจีน เก๋ากี้ ตุ๋นด้วยไฟอ่อนสองชั่วโมง ถึงจะได้น้ำซุปแบบนี้ น้ำมันน้อยมาก รสชาติหอมหวานและให้พลัง
เขาจำได้ว่าหลินซินเหยียนบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย ตอนจองอาหาร เขาถามว่าซุปอะไรดีต่อผู้หญิง พนักงานแนะนำน้ำซุปนี้
หลินซินเหยียนตักน้ำซุปเข้าปาก รสชาติของโสมโดดเด่นมาก ไม่ได้ใส่วัตถุดิบอะไรมากเลย เป็นรสชาติของวัตถุดิบเองล้วนๆ
รสชาติสดชื่นกลมกล่อม ถูกปากเธอมาก
จงจิ่งห้าวไม่ได้ขยับตะเกียบ นั่งพิงหลังอย่างสบาย สายตามองไปที่หน้าท้องของเธอ