กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม – บทที่352 ฉันพูดไม่จริงจังเหรอ

บทที่352 ฉันพูดไม่จริงจังเหรอ

พวกเขาไม่อาจเข้าไปในห้องไอซีอยู่โดยตรงได้ จึงทำได้แค่มองผ่านกระจกที่กั้นเอาไว้ ฉินยายังคงอยู่ในสภาพที่หลับใหลยังไม่ได้สติ ใบหน้าของเธอถูกห่อไว้อย่างแน่นหนาเหลือไว้เพียงดวงตาเท่านั้น

ด้านข้างของเธอมีเครื่องจับชีพจรของร่างกายไว้ และส่งเสียงติ๊ดติ๊ดตลอดเวลา

ซูจ้านแนบตัวไปกับกระจก รับรู้ได้ถึงความทรมาน เขาไร้ซึ่งเสียงที่จะเปล่งออกมา หลินซินเหยียนทำได้แค่มองเขาที่ร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ข้างๆ

” เรื่องนี้ทำให้ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ เพราะเราเพิ่งเจอกันเมื่อไม่นานมานี้แท้ๆ เธอบอกกับฉันว่าเธอต้องการจะไป หาที่สงบแล้วเลี้ยงลูกด้วยตัวเธอเองจนโต… ไม่คิดเลยว่าเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้น ” หลินซินเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ฝ่ามือของซูจ้านที่แนบอยู่บนกระจกนั้น กำเป็นมัดแน่น เขาร้องไห้สะอึกสะอื้น ” เป็นความผิดของผมเอง… ”

” ตอนนี้มันสำนึกผิดจะมีประโยชน์อะไร ” หลินซินเหยียนรู้ว่าเวลานี้ไม่ควรจะมาพูดเสียดสีเขา แต่เธอคิดว่าเธอควรจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง

” ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้อยู่ ต่อให้ฉินยาให้อภัยคุณ ฉันก็จะไม่ยอม คุณคิดให้มันดีๆ ว่าตัวเองผิดตรงไหน ” พูดจบหลินซินเหยียนก็หันตัวกลับไป ในใจของเธอก็ทรมานไม่แพ้กัน

รูปลักษณ์หน้าตาเป็นสัญลักษณ์ของคน ถึงแม้จะศัลยกรรมได้ แต่มันก็คงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

จริงๆ แล้วเด็กคนนี้เป็นคนที่สดใสตลอด ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่พอได้มาอยู่กับซูจ้าน ก็เห็นว่ามีไม่กี่วันที่เธอจะยิ้มออกมา

ตอนนี้ ก็ยังมีสภาพบาดเจ็บแบบนี้อีก

หลินซินเหยียนรู้สึกเสียใจแทนฉินยา

จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เขายื่นมือมาก่อนจะจับผมของเธอทัดที่หู ” เราไปกันเถอะ ”

หลินซินเหยียนพยักหน้า ตอนนี้ฉินยายังไม่ได้สติ ถึงเธออยู่ที่นี่ก็คงทำอะไรไม่ได้

ก่อนไปหลินซินเหยียนก็ไปถามหมอว่า ” เธอจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่คะ ”

หลินซินเหยียนอยากมาที่นี่ก่อนที่เธอจะฟื้น เพราะกลัวว่าเธอจะรับกับสภาพของตัวเองไม่ได้ คนที่จะสามารถโน้มน้าวดูแลเธอได้สักคนก็ไม่มี

” สิบสองชั่วโมงจากนี้ก็น่าจะฟื้นแล้วครับ ” คุณหมอตอบ

หลินซินเหยียนคิดคำนวณในใจ ถ้าสิบสองชั่วโมงต่อจากนี้ก็น่าจะพรุ่งนี้ตอนเช้าประมาณตีห้ากว่าๆ เธอขอบคุณก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของหมอ

เมื่อเธอกับจงจิ่งห้าวกลับถึงบ้าน เธอยังไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยซ้ำแต่กลับขับตัวเองอยู่แต่ในห้อง จงจิ่งห้าวยกนมหนึ่งแก้วเข้ามาให้เธอ

เธอใส่เสื้อไหมพรมนอนหมกตัวอยู่ในผ้าห่ม จงจิ่งห้าวนั่งลงข้างๆ เตียง เขาไม่ชอบเลยที่เธอมาจะเก็บเรื่องของคนอื่นมาทรมานจิตใจของตัวเอง

” หลับแล้วเหรอ ”

หลินซินเหยียนยังไม่หลับ แค่ไม่อยากพูดอะไร จริงๆ เธอได้ยินตั้งแต่จงจิ่งห้าวผลักประตูเข้ามาแล้ว

” ผมรู้ว่าคุณยังไม่หลับ ลุกขึ้นมากินนมให้หมดด้วย ”

หลินซินเหยียนพลิกตัว จากนั้นก็หันมามองหน้าเขา

เธอก็ไม่รู้ว่าจิตใจของเธอรู้สึกยังไง บางครั้งก็รู้สึกว่ามันปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด

จงจิ่งห้าวยิ้มบางๆ ” มองผมแบบนี้ รู้สึกว่าผมหล่อใช่ไหมล่ะ ”

หลินซินเหยียนจ้องเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน หน้าตาดีก็ดีจริงนั่นแหละ ผิวของเขาทั้งดูขาวสะอาด ใบหน้าที่ได้รูปรับกับอวัยวะทุกส่วนบนหน้า ดวงตาที่ดูดำขลับ บางครั้งที่ยิ้มออกมาอย่างละมุนนั้น ก็สามารถทำให้คนอ่อนระทวยจนตายได้

แต่เมื่อเขาทำหน้าที่เฉยชา ก็ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จิตใจที่กำลังกลัดกลุ้มของหลินซินเหยียน ก็ได้บรรเทาลง เธอลุกขึ้นมานั่ง จงจิ่งห้าวก็ส่งนมแก้วนั้นให้เธอ

เมื่อเธอดื่มไปอึกหนึ่ง ” ซูจ้าน….เป็นคนนิสัยประเภทนั้นจริงเหรอ ”

ที่ชอบลังเลไม่มีความเด็ดขาดกับเรื่องความรักแบบนี้

จงจิ่งห้าวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ ” ไม่หรอก ”

จริงๆ หมอนั่นก็เป็นคนชัดเจนอยู่ แต่เมื่อเป็นเรื่องของหลิวเฟยเฟยก็กลายเป็นเงียบเรือสองแคมเสียอย่างงั้น

เมื่อก่อนเรื่องที่แยกทางกับหลิวเฟยเฟย ก็ทำให้เขาห่วงหาอาวรณ์อยู่เสมอ แต่ในครั้งนี้เพราะหลิวเฟยเฟยอยู่ดีๆ ก็ปรากฏตัวออกมา มันทำให้เขาสับสน

หลินซินเหยียนเม้มปาก มันก็ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จงจิ่งห้าวก็ปรามเธอขึ้นมา ” กินนมให้หมดก่อน ”

หลินซินเหยียนไม่ได้รีบดื่มนมนั้นให้หมดทันที แต่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งเวลา พรุ่งนี้เธอต้องรีบไปโรงพยาบาลแต่เช้า

ตอนกลางคืน หลินซินเหยียนก็นอนอยู่ในอ้อมอกของจงจิ่งห้าว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทุกครั้งที่เธออยู่ข้างกายเขามันทำให้รู้สึกสบายใจ เพียงไม่นานก็ทำให้เธอหลับไป

เธอถูกนาฬิกาปลุกให้ตื่นอีกครั้ง

เมื่อนึกถึงฉินยาที่อยู่ในโรงพยาบาล เธอก็รีบตื่นขึ้นมาทันที ตื่นมาก็อยากลงจากเตียงเลย จงจิ่งห้าวกลับโอบเอวเธอจากข้างหลัง น้ำเสียงของเขาหลังจากตื่นนอนฟังดูแหบพร่า ” คุณจะไปไหนเหรอ ”

” ฉันจะไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าฉินยาอาจจะฟื้นตอนตีห้า ฉันต้องรีบไปดูอาการเธอ ” จริงๆ แล้วเธอกลัว ถ้าฉินยาเจอซูจ้านจะทำให้ตื่นตระหนกได้ ดังนั้นเธอต้องรีบไปแต่เช้า

” ยังเช้าอยู่ เลยนอนเป็นเพื่อนผมสักพักสิ “จงจิ่งห้าวออกแรงกดเธอให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแน่นกว่าเดิม หลินซินเหยียนพยายามดันเขาออก ” อย่างอแงสิ เธอเสียโฉมนะ ฉันก็ว่าเธอจะคิดสั้นสั้น ข้างกายของเธอไม่มีใครเลย อีกอย่างฉันก็มีธุระที่ต้องให้คุณช่วย ”

หลินซินเหยียนพลิกตัวกลับมา สบตากับเขา ก่อนจะใช้มือสองข้างประคองหน้าเขาไว้

 

” มีประโยชน์ไหม ” หลินซินเหยียนยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดก็ถูกเขาชิ่งถามเสียก่อน

หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ” ที่ฉันพูดคือจริงจังนะ ”

” แล้วที่ผมพูดมันไม่จริงจังหรือไง ”

หลินซินเหยียน ” ….. ”

เธอเริ่มจู่โจมด้วยการจูบที่ริมฝีปากของเขา สภาพของในตอนเช้า เคราเขียวอ่อนๆ ที่เพิ่งขึ้นตรงคางของเขา มันบาดเธอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเจ็บ การจบของเธอนั้นมันช่างเบาบางเสียเหลือเกิน เพียงเสี้ยววิมันได้สิ้นสุดลง

จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว เขาหรี่ตามองเธอ เหมือนกับไม่พอใจในจูบนี้ เขาพลิกตัวขึ้นมา หลินซินเหยียนตกอยู่ภายใต้อ้อมอกของเขา ” ฉันอยากให้คุณช่วยหาหมอศัลยกรรมที่มีฝีมือ ”

ถึงแม้เธอยังจะไม่เคยเห็นหน้าของฉินยา แต่เธอก็เข้าใจฉินยาเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ฉินยาคงไม่อยากให้ซูจ้านเข้ามายุ่ง พูดตามความเป็นจริงก็คือ ไม่อยากเกี่ยวพันอะไรกับซูจ้านอีก ตอนนี้สิ่ที่จะเชื่อมโยงก็ไม่มีอีกแล้ว

จงจิ่งห้าวลดสายตามองเธอที่พยายามเอามือกันเขา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ” โอเค เอามือลงสิ ”

ใจของหลินซินเหยียนเต้นรัว ในห้องนอนนั้นไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงโคมไฟสีส้มตรงหัวเตียงที่ส่องสว่างแค่นั้น จนมันทำให้บรรยากาศรอบข้างดูมีเสน่ห์และสวยงามแบบแปลกๆ

แผ่นอกของเขาร้อนผ่าว ถึงแม้จะมีผ้าบางๆ กั้นไว้ เธอก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความร้อน นิ้วของเธออดไม่ได้ที่หดเกร็ง จงจิ่งห้าวก้มหน้าลงมาลิ้มรสริมฝีปากล่างของเธอ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ” ทำไมคุณถึงขี้อายนักล่ะ ”

นี่ก็นานมากแล้ว แต่เธอก็ยังคงหน้าแดงเหมือนทุกครั้ง

…….

เสร็จกิจแล้ว จงจิ่งห้าวก็สวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วส่งเธอไปที่โรงพยาบาล

เธอถึงโรงบาลก็เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว ฟ้าก็สว่างแล้วเช่นกัน ตั้งแต่อยู่กับจงจิ่งห้าวมา เธอก็ไม่เคยใส่เสื้อผ้าที่เปิดเว้าเลย เพราะเขามักจะชอบทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายของเธอเสมอ

หลินซินเหยียนสวมเสื้อคลุมสีดำ ข้างในนั้นเป็นเดรสยาวลายดอกไม้ คอเสื้อถูกผูกเป็นโบว์สองหูเอาไว้ เพื่อปิดรอยแดงตรงคอที่ถูกใครบางคนจงใจทิ้งไว้

เธอคว้ากระเป๋าลงจากรถ ” คุณไม่ต้องรอฉันหรอก ตอนที่ฉันกลับ เดี๋ยวฉันเรียกรถเอง ”

จงจิ่งห้าวตอบอืมเป็นเชิงรับรู้ ” ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาผมนะ ”

หลินซินเหยียนคุยกันเรียบร้อยแล้ว เธอก็มองดูจงจิ่งห้าวขับรถออกไป ถึงเจ้าตัวจะหันเข้าโรงพยาบาลไป

เมื่อเธอมาถึง ซูจ้านก็อยู่ตรงนั้นแล้ว ดูจากสภาพแล้วก็เหมือนจะยังไม่ได้กลับไป เพราะเขาก็ยังคงใส่ชุดเดิมกับเมื่อวาน

” อยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยเหรอ ” หลินซินเหยียนถือกระเป๋าเดินเข้ามา

ซูจ้านก้มหน้าก้มตา ” กลับครับ ”

เมื่อจัดการเรื่องคุณนาย คนที่ส่งคุณนายลงเรือสองคนนั้น เหมือนจะไม่ยอมถ้าถูกคนข้างบนฟ้องร้อง ก็เลยส่งคุณหญิงกลับเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลอีกครั้ง อาการป่วยของคุณหญิงต้องการการพักผ่อนอย่างสงบ ตอนนี้เขาจัดแจงให้คุณหญิงกลับบ้านไปแล้ว ที่บ้านยังมีคนใช้คอยดูแล ก็สะดวกดี

หลินซินเหยียนถาม ” เธอฟื้นแล้วเหรอ ”

ซูจ้านเงยหน้าขึ้นมามองหลินซินเหยียน ลูกตาของเขาเหมือนถูกระบายด้วยสีแดง ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงแหบพร่า ” เธอไม่ยอมเจอผม ”

หลินซินเหยียนรู้ แล้วก็ไม่ได้แปลกใจอะไร งั้นก็แสดงว่าฉินยาฟื้นแล้วสินะ

” เดี๋ยวฉันไปดูเธอเอง ” หลินซินเหยียนเห็นท่าทีที่ดูทรมานของเขา ก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา เลยตบบ่าเขาเบาๆ ” คุณเป็นผู้ชาย ฉินยาดูลำบากกว่าคุณอีกนะ ”

เสียทั้งลูก แล้วยังต้องเสียโฉมอีก มรสุมชีวิตครั้งนี้ จะมีสักกี่คนที่รับได้

กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

Status: Ongoing

การค้าครั้งหนึ่ง หลินซินเหยียนท้องลูกของชายแปลกหน้า เธอตั้งครรภ์ แต่งงานกับชายคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กเดิมคิดว่านี่เป็นแค่การค้าที่ต่างฝ่ายต่างมีอุบาย แต่กลับพัวพันถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตสมรสนี้ตอนตั้งครรภ์สิบเดือนใกล้คลอด จงจิ่งห้าวส่งใบหย่ามาใบหนึ่ง เธอถึงได้ตาสว่างขึ้นมาทันใดต่อมาเขาพูดอีกว่า คุณภรรยากลับมาเถอะ คนที่ผมรักมาโดยตลอดคือคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท