จงจิ่งห้าว “…”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเขาราวกับว่ากำลังถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?
เขาอายุไม่มาก ทำไมถึงได้มีความคิดลึกซึ้งเช่นนี้?
“เด็กน้อย เธอทำแบบนี้ตัวจะไม่สูงเอานะ”
“ผมสูงกว่าคุณแน่ ๆ อย่างไรเสียคุณก็โตไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ราวกับว่าแม่อยู่เคียงข้างเขา เขามีความมั่นใจพอที่จะพูด
เจ้าเด็กนี่คิดจะถีบหัวส่งกันรึไง?
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!” ทันใดนั้นหลินซินเหยียนลุกขึ้นยืนทันที ฟังดูเหมือนทั้งสองคนจะค่อนข้างคุ้นเคยกัน
หลินซีเฉินเกลียดเขาไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงคุยกันได้?
จงจิ่งห้าวแอบติดต่อลูกชายของเธอในช่วงเวลาที่เธอไม่รู้อย่างนั้นเหรอ?
เขามีจุดมุ่งหมายอะไร?
“พูดมาให้ชัดเจน” หลินซินเหยียนชักสีหน้า และหากไม่คุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนเรื่องคงไม่จบง่ายๆ
“ลูกพูดสิ!” หลินซินเหยียนชี้ไปที่ลูกชาย
หลินซีเฉินกะพริบตาและพูดตามตรง “แม่ ผมรู้ว่าแม่ถูกเหอรุ่ยเจ๋อรังแก”
หลินซินเหยียนใจเต้นแรงจนกระเด้งขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ ขะ…เขารู้ได้ยังไง?
“เสี่ยวซี”
“เขาบอกผม” หลินซีเฉินชี้ไปที่จงจิ่งห้าว “ตอนนั้นเหอรุ่ยเจ๋อไปหาพวกเราที่บ้านและจะพาเราไปกินข้าว ผมก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่ดี ตอนที่ผมโทรไปขอให้เขาช่วย เขาถามผมว่าอยากให้แก้แค้นให้ไหม ผมบอกว่าอยาก จากนั้นเขาก็บอกผมว่าให้ผมยอมให้เหอรุ่ยเจ๋อจับตัวไป แบบนั้นเขาถึงจะมีหลักฐานมาเอาผิดเหอรุ่ยเจ๋อได้”
หลินซีเฉินรู้ว่าแม่ห่วงเขามาก ต่อให้เหอรุ่ยเจ๋อรังแกเธอ แต่เธอก็ไม่มีทางจะเอาความปลอดภัยของเขาเป็นเดิมพัน
เดิมทีเขาคิดจะบอกจงจิ่งห้าวเรื่องนี้ในตอนนั้น แต่เมื่อคิดว่าเมื่อก่อนเขารังแกแม่ จึงไม่ได้พูดออกไปแม่จะต้องโกรธแน่ ๆ
นั่นคือสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้
“เป็นอย่างนั้นเหรอ?” หลินซินเหยียนถาม เธอจ้องจงจิ่งห้าวพร้อมความหนาวเหน็บแผ่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจงจิ่งห้าวไม่ใช่คนที่กล้าทำไม่กล้ารับ
“ใช่”
หลินซินเหยียนโกรธมากแต่ไม่แสดงออกต่อหน้าลูกชายและให้ลูกชายของเธอพักผ่อน “เสี่ยวซี ลูกนอนต่ออีกสักหน่อย แม่จะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านให้นะ”
หลินซีเฉินพยักหน้าอย่างว่าง่ายและดึงผ้าห่มขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง เขาแอบมองจงจิ่งห้าวด้วยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จยกขึ้นที่ริมฝีปากเขา
พร้อมคิดในใจว่าแม่ของเขาโกรธแล้ว ดูสิว่าคุณจะจูบกับเธอได้ยังไง
“คุณมากับฉัน” หลินซินเหยียนพูดแล้วก็เดินออกจากห้องไป
จงจิ่งห้าวมองตาหลินซีเฉิน “เด็กน้อยใส่ร้ายกันเหรอ?”
“ผมพูดความจริง จะใส่ร้ายได้ยังไง?” หลินซีเฉินดึงผ้าห่มปิดหน้าครึ่งหนึ่งเหลือแต่ดวงตาที่กะพริบปริบๆ “เดิมทีคุณเป็นคนที่จงใจให้ผมถูกจับไป”
ประโยคหลังนั้นเขาพูดเสียงเบา
ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เป็นเขาที่ช่วยเอาผิดกับคนเลว
แต่เขาเองก็ผิดนี่นา
การคิดแบบนี้ทำให้หลินซีเฉินไม่ต้องรู้ผิดต่อเขา
“ได้” จงจิ่งห้าวพูดออกมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ฉันยอมรับ แต่ว่า…”
รอยยิ้มมุมปากเข้มข้นขึ้นและพูดขึ้นอย่างคาดเดาไม่ได้ “เธอบอกว่าถ้าฉันง้อแม่เธอได้ จะเลิกโกรธฉันไหม?”
“ไม่มีทาง” หลินซีเฉินมั่นใจมากว่าแม่รักเขามาก
“แม่ให้กำเนิดผม เธอรักผมมาก”
หึ
จงจิ่งห้าวหัวเราะออกมา ตรรกะนี้
จะต้องคลอดออกมาถึงจะรักที่สุดงั้นเหรอ?
เขาก้มตัวลงและใช้มือวางข้างลำตัวเขาไว้แล้วสบตา “เด็กน้อย สิ่งที่ฉันให้แม่เธอได้ เธอไม่มีวันให้ได้”
“อะไรนะ?” หลินซีเฉินสบตาที่แน่วแน่ของเขาและตื่นตระหนก
จงจิ่งห้าวยืดตัวขึ้น ราวกับว่าการจ้องตาเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น และลูบปกคอเสื้อที่ไม่มีแม้แต่รอยยับอย่างเชื่องช้า “แม่เธอรอฉันอยู่”
“คุณพูดให้ชัดเจน!” หลินซีเฉินลุกขึ้นนั่งในทันที
โกรธแล้ว?
จงจิ่งห้าวเดินออกจากห้องอย่างสงบโดยไม่สนใจเสียงตะโกนของหลินซีเฉิน
หลินซินเหยียนรอเขาอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเขาเพิ่งจะออกมาจึงถามขึ้น “ทำอะไรอยู่น่ะ? ทำไมนานขนาดนี้?”
“คุยอะไรกับลูกชายเธอนิดหน่อย” จงจิ่งห้าวถือกุญแจไว้ในมือและกดเพื่อปลดล็อกรถที่จอดอยู่ที่ประตูมีเสียงบี๊บและได้ยินเสียงปลดล็อก
“ไปกันเถอะ”
หลินซินเหยียนขึ้นรถตามเขาไป
หลังจากขับรถไปได้ครู่หนึ่ง หลินซินเหยียนจึงพูดขึ้น “คุณหยุดรถก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
จงจิ่งห้าวขับรถเข้าข้างทางแล้วจอด
“คุณทำเกินไปคุณรู้บ้างไหมคะ?” หลินซินเหยียนหันไปมองนอกหน้าต่างและไม่มีความกล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา เธอรู้สึกผิดหวังในใจ เธอไม่ขอให้เขารักลูกๆ ของตนเองมากขึ้น และไม่คาดหวังให้เขายอมรับลูกๆ ของเธอ
แต่กลับไม่สามารถยอมรับเรื่องที่เขาเอาความปลอดภัยของลูกเธอไปเสี่ยง
“พวกเขาสำคัญกับฉันมาก” หลินซินเหยียนกุมหน้าอกของเธอไว้ หัวใจของเธอดูเหมือนจะถูกเจาะรูและมีลมพัดผ่านหัวใจจนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
“ทำไมถึงกล้าพอจะเอาชีวิตของเขาไปเป็นเหยื่อล่อ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา คุณเคยคิดบ้างไหม?” เธอก้มหน้า “ฉันไม่ใช่คุณ คุณเล่นมากพอแล้ว มีผู้หญิงมากมายให้คุณชอบ และสามารถจะมีลูกมากมายให้คุณได้ แต่ฉันมีเพียงพวกเขา”
การแสดงออกของจงจิ่งห้าวหลังจากได้ยินคำพูดสุดท้ายของหลินซินเหยียนนั้น เปลี่ยนไปมากมายในชั่วพริบตา
เมฆดำม้วนขึ้นเหนือคิ้วอันแหลมคมของเขา “หลินซินเหยียน เธอพูดคำพูดที่เธอพูดเมื่อกี้อีกทีสิ!”
น้อยครั้งที่เขาจะเรียกชื่อเธอ และยิ่งน้อยครั้งที่เขาจะเรียกทั้งชื่อและแซ่แบบนี้
เขาจับคางเธอแน่นและหันหน้าเธอเข้ามาหาตนเองและพูดย้ำชัดถ้อยชัดคำ “พูดแบบที่เธอพูดเมื่อกี้ให้ฉันฟังอีกทีสิ!”
ในตอนที่เผชิญหน้ากับแววตาที่ผิดหวังของเขานั้น หลินซินเหยียนอึ้งไปและหัวเราะประชดประชันออกมา “คุณไม่ได้ปฏิบัติกับฉันเพราะความแปลกใหม่เหรอ? ในโลกของคุณ มีผู้หญิงแบบไหนอีกที่คุณไม่เคยพบเจอ คนที่คู่ควรก็คงมีไม่น้อย คุณชอบฉันที่ตรงไหน?”
คนอย่างเธอเหรอ?
คนที่สวยกว่าเธอมีอยู่ดาษดื่น
“รอบตัวคุณ คงไม่มีผู้หญิงที่มีลูกแล้วหรอกใช่ไหม?” เธอพูดทุกคำพร้อมความประชดประชัน
จงจิ่งห้าวถูกโกรธจนขำ “ฉันดีกับเธอเกินไปรึเปล่าถึงทำให้เธอคิดว่าฉันเป็นคนพูดอะไรด้วยได้ง่ายๆ? หือ? !”
“เธอลืมเหรอ? เรื่องที่เธอรับปากฉันไว้?” เขาเข้ามาใกล้ทีละนิดๆ ด้วยลมหายใจของคำพูดและคิ้วที่แหลมคมอยู่ใกล้แค่เอื้อม
หลินซินเหยียนกลั้นหายใจ “แต่ คุณก็รับปากฉัน ว่าจะไม่ทำอะไรลูกๆ ของฉัน”
“แล้วฉันทำอะไรพวกเขาล่ะ?”
“แต่คุณใช้ประโยชน์จากพวกเขา”
“งั้นเธอจะเอายังไง?”
หลินซินเหยียนหลุบสายตาลง ใช่สิ เธอจะเอาอะไรกับเขาได้?
เธอไม่มีกำลังจะต่อต้านเขา
แต่กำกล้ำกลืนฝืนทน ถ้าหากเป็นตัวเธอเองก็ช่างมัน แต่เมื่อมันเกี่ยวข้องกับลูกๆ ของเธอ เธอไม่มีทางประนีประนอม!
“ถ้าคุณกล้าใช้ประโยชน์จากพวเขาอีก ฉันจะฆ่าคุณ” เธอพูดอย่างหนักแน่นอย่างที่สุด
“ฆ่าฉัน?” จงจิ่งห้าวไม่เคยเห็นใครหน้าไหนกล้าพูดว่าจะฆ่าเขาอย่างก๋ากั่นต่อหน้าเขาเช่นนี้มาก่อน
นอกจากผู้หญิงคนนี้
นอกจากเขาจะไม่โกรธแล้ว กลับหัวเราะออกมา
ชื่นชมความแข็งแกร่งในตัวเธอ เห็นชัดๆ ว่าเธอไม่มีอะไรเลย แต่ก็ยังกล้าแบบนี้
“ได้ ถ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอฆ่าฉันได้เลย” เขาปล่อยมือจากคางเธอ ใช้มือพาดผ่านแขนและกอดเอวเธอ มือใหญ่ของเขาออกแรงดึงเธอข้ามคอลโซลกลางมา
หลินซินเหยียนอุทานด้วยความตกใจ
“คุณทำอะไรน่ะ?”
“ชู่! เบาๆ หน่อย”