พวกเขากลับเข้าไปที่วิลล่า หลินเซียนเหยียนให้กุญแจรถแก่เขา “รถยังอยู่ในโรงแรม”
“ฉันให้กวนจิ้งไปขับ”
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว หลินลุ่ยซีที่นั่งบนโซฟาก็หันหัวมามอง เมื่อเห็นพวกเขาก็เลื่อนตัวลงมาจากโซฟาและรีบวิ่งมา วิ่งไปให้จงจิ่งห้าวอุ้มแต่ไม่ใช่ให้หลินเซียนเหยียนอุ้ม เธอเงยหน้าขึ้น “แด๊ดดี้แด๊ดดี้ทำไมกลับมาช้าจัง ทานข้าวหรือยัง?”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆมีใบหน้าที่ขาวเนียนราวกับหยก ไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย ดวงตาที่สดใสเฟบิกกว้างขึ้น จ้องมองเขา
เหมือนดั่งนางฟ้า
จงจิ่งห้าวอุ้มเธอขึ้นมา และพูดอย่างอย่างใจเย็น “ฉันกับหม่ามี๊ของลูกทานข้าวนอกบ้านแล้ว”
ว้าว ดวงตาของหลินลุ่ยซีสดใส คุณพ่อกับคุณแม่ความสัมพันธ์ดีขนาดนี้เลยเหรอ?
พวกเขาทั้งสองคนกำลังออกเดทกันหรือเปล่า?
มีความสุขมาก
“หม่ามี๊คะ ที่แด๊ดดี้พูดจริงหรือเปล่าคะ”
หลินเซียนเหยียนควบคุมอารมณ์ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จริงจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ แด๊ดดี้กับหม่ามี๊พาพี่ชายกับหนูออกไปทานข้าวข้างนอกได้ไหม?” หลินลุ่ยซีจับคอเสื้อของจงจิ่งห้าวไว้ จับไว้แน่น แล้วจ้องมองเขาอย่างคาดหวัง
จงจิ่งห้าวก้มหัวลงเหลือบมอง มือเล็กๆที่จับคอเสื้อของเขา คอเสื้อที่เรียบเต็มไปด้วยรอยยับ
แต่เขาไม่ได้โกรธ แต่กับมีรอยยิ้มบนใบหน้า “ดูความประพฤติของหม่ามี๊ของลูก”
……?
หมายความว่าไง?
หลินลุ่ยซีไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร ดวงตากลมโตของเธอ เหมือนกับองุ่นดำ และถามอย่างไร้เดียงสา “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับหม่ามี๊ค่ะ?”
สีหน้าหลินเซียนเหยียนดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย ลำบากใจเล็กน้อย เธอเอื้อมมือไปกอดลูกสาว “หม่ามี๊จะพาหนูไปนอน”
หลินลุ่ยซีกอดคอของจงจิ่งห้าวไว้แน่น และไม่เต็มใจทำตามที่หลินเซียนเหยียนพูด
ป้าหยูยืนอยู่ที่ประตูห้อง “เด็กคนนี้ บ่นทั้งวัน สักพักก็ถามแด๊ดดี้จะกลับมาเมื่อไหร่ ควรเข้านอนแล้วก็ไม่ยอมนอน นั่งรออยูบนโซฟาในห้องรับแขก”
จงจิ่งห้าวพูดว่าเด็กสองคนนี้ไม่ใช่ของเขา แต่ทำไมพวกเขาถึงสนิทกันจัง?
เธอเชื่อว่าเลือดข้นกว่าน้ำ
ถ้าเด็กสองคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ทำไมถึงสนิทสนมกันได้เช่นนี้?
“จริงเหรอ?” จงจิ่งห้าวบีบแก้มน้อยๆของเธอ แก้มของเธอนุ่ม และก็รู้สึกดีมาก
เด็กน้อยราวกับขี้อาย มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ป้าหยูยิ้ม ครุ่นคิดในใจ เห็นได้ชัดว่านี่คือภาพพ่อและลูกสาว
“ดึกแล้ว พวกคุณไปนอนก่อนเสี่ยวซีหลับไปแล้ว อยู่ในห้องของหม่ามี๊คุณ” ป้าหยูพูดกับหลินเซียนเหยียน
หลินเซียนเหยียนพยักหน้า “ฉันไปดูหน่อย”
“โอเค” หลังจากพูดจบป้าหยูก็เข้าไปในห้อง
หลินเซียนเหยียนกำลังจะผลักประตูห้องของจวงจื่อจิ่น หลินลุ่ยซีก็พูดว่า “คืนนี้ หนูจะนอนกับแด๊ดดี้”
หลินเซียนเหยียนขมวดคิ้ว
โดยไม่รอคำตอบจากเธอ จงจิ่งห้าวก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นไปชั้นบน พร้อมกับบอกหลินเซียนเหยียน “เดี๋ยวคุณค่อยขึ้นมา”
หลินเซียนเหยียนกำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นหลินลุ่ยซีอยู่ในอ้อมกอดของเขา คำพูดที่จะปฏิเสธก็กลืนลงลำคอ
เธอเปิดประตูเบาๆ และโคมไฟบนหัวเตียงของห้องยังเปิดอยู่ จวงจื่อจิ่นยังไม่หลับ หลินซีเฉินกำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเธออย่างสบาย
หลินเซียนเหยียนเดินเข้าไป ดูแผลของลูกชาย อาการบวมบนใบหน้าหายไปแล้ว แต่อาการบาดเจ็บที่ศีรษะยังไม่หาย เธอเอื้อมมือออกไปลูบใบหน้าของลูกชายที่กำลังหลับเบาๆ
“อาการบาดเจ็บดีขึ้นมากแล้ว” จวงจื่อจิ่นพูดเบาๆ “ไม่ต้องห่วง”
เธอเป็นห่วงหลินเซียนเหยียน
“เธอต้องคิดเรื่องของตัวเองบ้าง” ไม่ใช่เรื่องดีที่จะอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ
“หนูรู้ค่ะ” หลินเซียนเหยียนคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่ที่พักพิงระยะยาวของเธอ แต่เหอรุ่ยหลินคิดกับเธอเป็นศัตรู ไม่รู้ว่าจะคิดแผนร้ายอะไรอีกหรือเปล่า เพื่อความปลอดภัยของลูกๆ คงต้องอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อนเท่านั้น
“รอเข้าที่เข้าทาง พวกเราค่อยย้ายออปไป หรือไปหาบ้านใหม่”
“เธอรู้ดีแก่ใจ ฉันเห็นเสี่ยวลุ่ยติดเขามาก เวลานานไปฉันกลัวว่ามันจะ……”
หลินเซียนเหยียนก็กังวลเช่นกัน เธอเอื้อมมือไปจับมือของจวงจื่อจิ่น “คุณแม่ ฉันก็กังวล แต่ตอนนี้ถ้าแยกเสี่ยวลุ่ยออกจากเขา คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ในขณะนี้หลินลุ่ยซีกำลังมีความสุข และจะให้เธอเลิกติดต่อกับจงจิ่งห้าวนั้นเป็นไปไม่ได้
“ฉันเข้าใจ” ตรงจุดนี้จวงจื่อจิ่นเข้าใจมากกว่าหลินเซียนเหยียน วันนี้ท่าทีของหลินลุ่ยซีผิดปกติเหมือนโดนผีเข้าสิง บ่นถึงพ่อตลอด
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ดึกแล้ว รีบเข้านอนเร็ว”
“อืม” หลินเซียนเหยียนเหลือบมองลูกชายของเธออีกครั้ง
“ไม่ต้องเป็นห่วง มีฉันอยู่”
หลินเซียนเหยียนลูบผมของลูกชายแล้วออกจากห้อง ห้องรับแขกที่กว้างใหญ่เงียบสงบเหมือนกับว่าเข็มตกลงพื้นยังได้ยิน นาฬิกาที่แขวนตรงผนังอยู่นั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน เธอไปอาบน้ำในห้องน้ำ และสวมชุดนอนเรียบร้อยมิดชิดก่อนจะขึ้นไปชั้นบน
จงจิ่งห้าวก็อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย สวมชุดสีเบจเป็นชุดใส่อยู่บ้าน นอนอยู่บนเตียง หลินลุ่ยซีนอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา มือเล็กๆที่อ่อนนุ่มแตะที่หน้าอกของเขา
นี่คือความเคยชินของหลินลุ่ยซี
หลินเซียนเหยียนเดินเข้ามา “ฉันอุ้มเธอไปนอนดีกว่า”
“ถ้าคุณอุ้มไปได้ ก็ดี” จงจิ่งห้าวหมดคำจะพูด และเด็กคนนี้ไม่รู้เคยชินอะไร ต้องเอามือวางตรงหน้าอก ไม่ให้วาง ก็ไม่ยอมนอน
พอเขาขยับ เธอก็ตื่นทันที
หลินเซียนเหยียนค่อยๆจับมือเธอ พอขยับได้นิดหนึ่ง เด็กน้อยก็ตื่นขึ้นทันที “หม่ามี๊ ทำอะไร?”
“หม่ามี๊อุ้มลูกไปนอน”
“หนูอยากให้แด๊ดดี้อุ้ม เพียงแต่ว่า……”
หลินเซียนเหยียนไม่เข้าใจ และถามว่า “เพียงแต่ว่าอะไร?”
หลินลุ่ยซีทำปากหมู รู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย “ทำไมนมของแด๊ดดี้แบนๆ แต่แข็งขนาดนั้น?”
ของคุณแม่นุ่มมาก
จงจิ่งห้าว “……”
หลินเซียนเหยียน “……”
เรื่องนี้เธอจะอธิบายอย่างไร?
“เสี่ยวลุ่ย หนูมานี่ให้หม่ามี๊นอนกอดดีไหม?” หลินเซียนเหยียนพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอไปนอนกับตัวเอง
มัวติดแหง่กอยู่กับจงจิ่งห้าวแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก พูดตามตรง นี่ไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ
ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องพรากจากกัน ตอนนี้ถ้าสนิทใกล้ชิดกันเกินไป ตอนที่แยกจากกันจะเจ็บปวดมาก
หลินลุ่ยซีรู้สึกสับสนเล็กน้อย
อยากให้หลินเซียนเหยียนนอนกอด แต่ก็กลัวว่าพ่อจะหายไป
เธอทำหน้าท่าดื้อรั้น คุณแม่ไม่มีวันทอดทิ้งเธอแน่นอน แต่คุณพ่อเป็นไปได้อาจจะทอดทิ้งเธอ เธอต้องกอดพ่อไว้ให้แน่นๆ
“หนูอยากให้แด๊ดดี้กอดหนูนอน” หลินลุ่ยซีมุดเข้าไปในอ้อมกอดจงจิ่งห้าว และวางมือบนหน้าอกของเขาต่อไป และบ่นพึมพำ “ยังไงของหม่ามี๊ก็นุ่มกว่า”
จงจิ่งห้าวได้ยินไม่ชัดเจน และถามว่า “พูดอะไรนะ?”
“หนูบอกว่านมของหม่ามี๊นุ่มมาก และก็ยังมีน้ำนม ตอนที่หนูยังเด็กก็ดื่มนมของคุณแม่จนโต”
ทันใดนั้น หลินเซียนเหยียนก็หน้าแดงลงทันที
เด็กคนนี้พูดอะไร
ถึงว่าคำพูดของเด็กๆไม่มีข้อจำกัด แต่ก็ต้องดูว่าพูดกับใคร
จงจิ่งห้าวยิ้ม สายตาจ้องตรงไปที่หน้าอกของเธออย่างเร่าร้อน น้ำเสียงสัมผัสถึงความขี้เล่น “จริงเหรอ?”
หลินลุ่ยซีรีบพยักหน้าทันที “แน่นอนค่ะ”
จงจิ่งห้าวยิ้ม ยกมุมปากขึ้น และแสงไฟที่ส่องประกายสะท้อนมาที่ดวงตาทรงเสน่ห์อย่างบ้าคลั่ง “เธอพูดฉันไม่เชื่อ ต้องสัมผัสด้วยมือของฉัน มองด้วยตาเปล่าเชื่อไม่ได้”
“หม่ามี๊คะ ให้แด๊ดดี้สัมผัสหน่อย……”
“จงจิ่งห้าว!” เขาจะไร้ยางอายมากกว่านี้อีกไหม?
ต่อหน้าเด็ก เขาเรียบร้อยหน่อยไม่ได้เหรอ
“คุณอย่าทำเกินไป!” หลินซินพูดอย่างเขินอายจนอยากจะหาที่มุดหัวเข้าไป
“ลูกสาวของคุณพูดเอง” รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งชัดเจนขึ้น “ระบายความโกรธใส่ฉัน ใช่ไหม?”
หลินเซียนเหยียนสั่นไปทั้งตัว
จ้องมองเขา
“เธอยังเด็กจะรู้อะไร? ถ้าคุณไม่ชักนำเธอจะพูดเหรอ?”
จงจิ่งห้าวกางมือทั้งสองข้างออก
“นั่นคือสิ่งที่ลูกสาวของคุณพูดเอง”
หลินลุ่ยซีตัวสั่นด้วยความตกใจ น้อยมากที่เธอจะเห็นหลินเซียนเหยียนโกรธ สีหน้าแย่เช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็น ตาของเธอแดง และน้ำตาก็ไหลลงมา
“ฮือฮือ……”
หลินเซียนเหยียนรีบไปปลอบเธอ “เสี่ยวลุ่ยไม่ต้องกลัว หม่ามี๊ไม่ได้ตะโกนใส่ลูก”
“ฮือฮือ” หลินลุ่ยซีสะอื้นเบาๆ
หลินเซียนเหยียนกอดเธอไว้ในอ้อมกอด และลูบหลังเธอ “เสี่ยวลุ่ย”
หลินเซียนเหยียนจูบใบหน้าของเธอ ผมของเธอ หน้าผากของเธอ “เสี่ยวลุ่ย หม่ามี๊ไม่ได้ตั้งใจ หม่ามี๊ไม่ได้ตะโกนใส่ลูก ทำให้ลูกตกใจใช่หรือเปล่า?”
หลินลุ่ยซีพยักหน้า
หลินเซียนเหยียนยังคงปลอบเธอต่อไป “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว แม่จะไม่ตะโกนใส่เสี่ยวลุ่ยแน่นอน”
หลินลุ่ยซีเช็ดน้ำตา และมองไปที่หลินเซียนเหยียน “หนูง่วงแล้ว”
“หม่ามี๊โอบลูกนอน”
“ถ้างั้นกับแด๊ดดี้ด้วยได้ไหมคะ?”
หลินเซียนเหยียน “……”
หลินลุ่ยซีคิดว่าเธอไม่เต็มใจ ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง และอยากจะร้องไห้อีกครั้ง
“ก็ได้” หลินเซียนเหยียนเห็นด้วย เธอกอดลูกนอนลงบนเตียง โดยให้ลูกสาวอยู่ข้างใน เธอนอนตะแคงข้างๆ หลินเซียนเหยียนผอม หลินลุ่ยซีตัวเล็ก ทั้งสองนอนกอดกันไม่ได้ใช้พื้นที่มากนัก ด้วยเตียงที่กว้าง พื้นที่ที่เหลือเกือบทั้งหมดเหลือให้จงจิ่งห้าว
เขานอน มองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
“เสี่ยวลุ่ยเธอไม่ต้องการแด๊ดดี้แล้วหรือ?”