“คุณจะต้องทำความคุ้นชินกับมันนะครับ” ซูจ้านยิ้มแล้วส่งสายตาให้เสิ่นเผยซวน “เริ่มการแสดงของเธอเร็ว ให้คุณหลินได้เปิดหูเปิดตาหน่อย”
“จะเปิดหูเปิดตา สู้คุณหลินเข้าไปพร้อมผม ยิ่งใกล้ยิ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจน แบบนี้สิมันถึงจะน่าตื่นเต้น”
“ไม่เอา” ‘หลินซินเหยียน’ผายมือสองข้าง ปฏิเสธการสัมผัสของพวกเขา
ตอนนี้คือเธอบอกไม่เอาก็ไม่เอาได้งั้นเหรอ?
ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนสบตากันทีนึง ไม่สนใจการต่อต้านของเธอ หามเธอขึ้นจากเก้าอี้ เธอไม่ไป ถึงลากก็จะต้องลากเธอไปให้ได้
“พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร ก็กล้าทำแบบนี้กับฉันเลย?” ‘หลินซินเหยียน’ใช้แรงขัดขืน “รีบปล่อยฉันเร็ว”
“พวกผมก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคุณคือใคร ก็เพราะรู้ถึงจะต้องฝึกความใจกล้าของคุณ ข้างกายจิ่งห้าวไม่ต้องการผู้หญิงขี้ขลาดตาขาวนะ”
แค่คำพูดเดียวของซูจ้านก็ดักคำพูดทั้งหมดของ‘หลินซินเหยียน’ไว้
เธอถูกบังคับลากเข้าห้องไต่สวน เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านแกล้งเอาเธอโยนไปที่ตรงหน้าของเหอรุ่ยหลิน รองเท้าเปื้อนเลือด ตอนที่เธออยากดึงขากลับ เหอรุ่ยหลินจับข้อเท้าเธอไว้ ทั้งๆที่ดูแล้วอ่อนเพลียสุดๆ แต่นาทีนี้แรงที่จับหลินหยู่หานไว้กลับเยอะจนน่าแปลกใจ
“ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน” ขาสองข้างของ‘หลินซินเหยียน’ถีบไปมั่วอย่างตื่นตระหนก เธอตื่นเต้นเกินเหตุได้ถีบโดนศีรษะของเหอรุ่ยหลินอย่างควบคุมไม่ได้
เหอรุ่ยหลินหน้ามืดไปสองวินาที
“แกกล้าถีบฉันงั้นเหรอ?”เธอกัดฟันด้วยความแค้น ซอกฟันยังมีเส้นเลือดหลงเหลืออยู่ ใบหน้าที่ขาวซีด ดุร้ายเหมือนผีร้ายที่คลานออกมาจากนรก
“ฉันเปล่านะ ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ตั้งใจ แกเป็นคนจับขาฉันก่อน” ‘หลินซินเหยียน’กลัวจนพูดจาสะเปะสะปะ
เหอรุ่ยหลินในนาทีนี้หน้าตาไม่เหมือนผู้ไม่เหมือนคนเลย
เสิ่นเผยซวนที่อยู่ข้างๆถีบเธอทีนึง “คุณหลินถีบเธอทีนึงแล้วจะทำไม?”
“ก็นั่นน่ะสิ ก็ไม่ดูหน่อยว่าเธอคือใคร เธอเห็นว่าเธอเป็นคนของตระกูลเหอพวกเราก็จะไม่กล้าลงมือกับเธองั้นเหรอ? กล้าแตะคุณหลิน มีชีวิตอยู่บนโลกจนเบื่อแล้วใช่มั้ย?” หน้าตาของซูจ้านซ่าและได้ใจมาก “เธอนึกว่าตระกูลเหอสามารถเป็นที่พึ่งให้เธอ พวกเราก็จะไม่กล้าแตะต้องเธองั้นเหรอ? ใช่ว่าฉันคุยโวโอ้อวดนะ ตระกูลเหอกล้ามาอ้อนวอนขอความเมตตาคำนึง พวกเราก็จะกำจัดตระกูลเหอให้สิ้นซากเชื่อหรือเปล่า?”
ระหว่างที่พูดสายตาของเขาได้แกล้งเหลือบมองมาที่‘หลินซินเหยียน’ “คุณหลินว่าใช่มั้ยครับ?”
‘หลินซินเหยียน’ไม่กล้าส่งเสียงเลยด้วยซ้ำ
เหอรุ่ยหลินมีตระกูลเหอเป็นที่พึ่ง ยังมีจุดจบแบนี้ งั้นถ้าเธอที่ไม่มีที่พึ่งใดๆเลยถูกจับได้ว่าไม่ใช่หลินซินเหยียนตัวจริง งั้น……
เธอไม่กล้าคิดต่อไปอีก
เหอรุ่ยหลินที่ถูกกระทืบทีนึงหมอบอยู่บนพื้น ครึ่งค่อนวันก็พูดไม่ออกสักคำ
เธอเจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัว เมื่อกี๊เสิ่นเผยซวนกระทืบมาทีนึงเกือบเอาชีวิตเธอ
เธอน่าอนาถขนาดนี้ ถูกคนเหยียดหยามขนาดนี้ แต่หลินหยู่หานตัวปลอมคนนี้กลับได้รับการยอมรับและความเคารพจากเพื่อนๆที่จงจิ่งห้าวเชื่อใจที่สุด
เธอโมโหจังเลย เธอโกรธจังเลย ถือสิทธิ์อะไรผลประโยชน์ล้วนให้เธอไปหมด?
เธอเจ็บใจ!
เอื๊อก!
เหอรุ่ยหลินโกรธจนกระอักเลือดออกมา พ่นใส่ขาของ‘หลินซินเหยียน’พอดี
ของเหลวอุ่นๆเหมือนมือที่มีอุณหภูมิ คอยลูบจับผิวของเธอ ชาและคันยุบยิบ เธอตกใจจนร้อง“อ๊า!”
“ไปตายซะ ไปตายเลยไป” ‘หลินซินเหยียน’กระทืบไปที่หัวของเหอรุ่ยหลินทีแล้วทีเล่าอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
พยายามที่จะกระทืบเธอให้ตาย
มีแค่เหอรุ่ยหลินตายเท่านั้นถึงจะสามารถช่วยเธอเก็บเป็นความลับ
เธอจะให้เหอรุ่ยหลินมีชีวิตอยู่ไม่ได้
ไม่ได้!
เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านมองเธอกระทืบไปที่เหอรุ่ยหลินติดต่อกันหลายทีก็ไม่ได้ห้าม ตอนที่เหอรุ่ยหลินใกล้จะหมดสติไป พวกเขาถึงดึง‘หลินซินเหยียน’ออก
“พวกคุณปล่อยฉัน ให้ฉันตีมันตายเลย มันทำลายฉัน มันต้องตาย พวกคุณรีบช่วยฉันเอามันตายเร็ว เร็วๆ…”
หลายวันที่เหอรุ่ยหลินอยู่ที่นี่ได้รับความทนทุกข์ทรมาน ถึงไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิต ไม่มีแรงเอาคืนเลยด้วยซ้ำ ถ้าเสิ่นเผยซวนกับซูจ้านดึงหลินหยู่หานออกช้าอีกไม่กี่นาที เธอก็อาจจะตายแล้ว
ผู้หญิงคนนี้อยากจะฆ่าปิดปากเธอ?
อาจจะเพราะในใจเกิดความโกรธ ทำให้ความมุ่งมั่นที่อยากจะอยู่รอดของเธอแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ เหอรุ่ยหลินอดทนกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายและตะคอก“แกไม่ใช่หลินซินเหยียน!”
ทันใดนั้นสายตาของ‘หลินซินเหยียน’ตกใจ แล้วตามมาด้วยเย็นชา “กำลังจะตายอยู่แล้ว ยังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก คอยดูฉันจะเอาแกตายยังไง”
ระหว่างที่พูด‘หลินซินเหยียน’ก็ได้กระโจนมาที่บนตัวเธอ ซูจ้านดึงเธอไว้ “คุณรีบร้อนอะไรครับ ปากก็อยู่ที่ปากของเธอ คุณยังไม่ให้เธอพูดอีก ยิ่งไปกว่านั้น ผมรู้สึกสนุกดี เธอบอกว่าคุณไม่ใช่หลินซินเหยียน” ซูจ้านเข้าใกล้ใบหน้าเธอ มองซ้ายมองขวา มองขึ้นมองลงแล้วพูดเยาะเย้ย “หรือว่าใบหน้าอันนี้ได้ผ่านการศัลยกรรมมา?”
‘หลินซินเหยียน’สั่นไปทั้งตัว “คุณพูดจาเหลวไหลอะไร”
“ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ ไม่ต้องจริงจังครับ”ซูจ้านยิ้ม
เหอรุ่ยหลินกำมือไว้แน่น กลัวว่าซูจ้านจะเชื่อคำพูดของเธอ “มันไม่ใช่หลินซินเหยียนจริง……”
จู่ๆเสียงได้หยุดลงมา
เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงนอกผนังกระจกที่ดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้อย่างเงียบๆ เหมือนกับว่าทั้งหมดนี้อยู่ในการควบคุมของเขา
นาทีนี้ เธอถึงรู้จุดประสงค์ของเขา
เธอเพิ่งถูกมานำตัวเข้ามาก็ถูกเสิ่นเผยซวนถอดเล็บ ความเจ็บปวดทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการคิดพิจารณา เธอลืมได้ยังไงว่าจงจิ่งห้าวสังเกตเห็นตั้งนานแล้ว ว่าหลินซินเหยียนคนนี้ไม่ใช่หลินซินเหยียน
ให้เธอมาที่นี่ ก็แค่มายุยงปลุกปั่นความสัมพันธ์ของพวกเธอเฉยๆ
แต่ใจที่หลินหยู่หานอยากให้เธอตาย มันก็เห็นได้ชัดเจนจริงๆ
เธอหัวเราะ หัวเราะได้เศร้ารันทด “ฉันติดตามอยู่ข้างกายคุณมานานขนาดนั้น ทำไมฉันถึงลืมวิธีการของคุณได้นะ?”
น้ำตาไหลลงมาตฝจากหางตาของเธอ ปะปนอยู่ในคราบเลือด ถูกเลือดที่เหนียวข้นหลอมรวมเข้าด้วยกัน
“ฉันบอก ฉันบอกว่าหลินซินเหยียนอยู่ไหน แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อนึง”
ในที่สุดเวลานี้จงจิ่งห้าวถึงไม่ดูความเฮฮาต่ออีก เขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ก้าวฝีเท้า ดูเหมือนไม่รีบร้อน ที่จริงเขาเก็บอาการไม่ไหวตั้งนานแล้ว
‘หลินซินเหยียน’ที่ยืนอยู่ข้างๆอึ้งไปตั้งนานแล้ว เธอ เธอ ที่เธอพูดหมายความว่ายังไง?
ซูจ้านมองสีหน้าซีดเซียวของเธออย่างเรียบเฉยพร้อมส่งเสียง“ฮื้อ”อย่างเย็นชา
‘หลินซินเหยียน’ตัวสั่น หรือว่าเหอรุ่ยหลินหักหลังเธอตั้งนานแล้ว?
ไม่งั้นจงจิ่งห้าวไม่มีทางรู้เรื่องที่เธอไม่ใช่หลินซินเหยียนหรอก
อย่างไรก็ตามมีแค่เธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
เธอโมโหจนมือสองข้างกำแน่นเป็นหมัด ทันใดนั้นได้กระโจนไปหาเหอรุ่ยหลิน นั่งคร่อมอยู่บนตัวเธอ มือทั้งสองข้างบีบคอของเธอไว้แน่น “นังแพศยา ไปตายซะ ไปตายซะ!”
เสิ่นเผยซวนกระทืบ‘หลินซินเหยียน’ออก “เบื่อหน่ายกับชีวิตแล้วใช่มั้ย?”
เขาส่งสายตาให้ผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่มุมผนัง “จับตัวเธอไว้”
เวลานี้จะให้เธอมาก่อกวนไม่ได้ สืบว่าหลินซินเหยียนอยู่ไหนสำคัญที่สุด
เหอรุ่ยหลินหายใจโรยริน แม้แต่ไอก็แค่ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ไอเสียงไม่ออก
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว
เสิ่นเผยซวนนั่งลงมาลูบหลังให้เธอ “ไม่ตายหรอก”
ถึงแม้เธอถูกทรมานมาไม่เบาเลย แต่ไม่ตายหรอก เขามีขอบเขตอยู่
จงจิ่งห้าวโล่งอกไปที ใช้มือบีบแก้มเธอ ถ้าหากตายมันก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว
“บอกมา หลินซินเหยียนอยู่ไหน” เสิ่นเผยซวนพยุงเธอนั่งลงที่พื้น
ผ่านไปสักพัก เธอฟื้นฟูเรี่ยวแรงกลับมา ถึงค่อยๆเงยหน้ามอง‘หลินซินเหยียน’ที่ถูกคนควบคุมตัวไว้ เลียริมฝีปากที่แห้งกร้านและมีคราบเลือดติดอยู่ พูดด้วยเสียงอ่อนแอ “ฉันบอกก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อนึง”
“คุณว่ามา”
มุมปากของเธอฉีกรอยยิ้มที่กระหายเลือดออกมา “ฉันจะให้มันตาย!”
“นังแพศยา แกสิไปตาย แกนั่นแหละไปตาย” ‘หลินซินเหยียน’มองไปที่จงจิ่งห้าวแล้วรีบอธิบาย “คุณอย่าไปฟังมันพูดจาเหลวไหลนะคะ ฉันคือหลินซินเหยียนจริงๆ ฉันคือตัวจริงค่ะ ถ้าคุณเชื่อคำพูดของมัน งั้นก็หลงกลมันแล้ว อย่าเชื่อคำพูดของมันเด็ดขาดนะคะ!”
“อุดปากมันไว้!” เสิ่นเผยซวนดุเสียงดัง ทำไมถึงดูสถานการณ์ไม่เป็นขนาดนี้?
ผู้ชายทั้งสองมองหน้ากันไปมา เอาอะไรมาอุด?
ข้างกายไม่มีของอะไรเลย สุดท้ายผู้ชายคนหนึ่งถอนหายใจ ใช้มือตัวเองปิดปากที่ยังจะพูดจาของ‘หลินซินเหยียน’ไว้
เหอรุ่ยหลินหัวเราะ ใบหน้าไม่มีความสวยหลงเหลืออยู่เลยสักนิด แม้กระทั่งยังน่ากลัวด้วยซ้ำ เธอมองหน้าหลินหยู่หาน “แกดูแกซิ นอกจากมีใบหน้าที่เหมือนหลินซินเหยียนแล้ว แม้แต่ค่าให้หลอกใช้ก็ไม่มี อะห้าวจะไว้ชีวิตแกเหรอ?”
หลินหยู่หานเบิกตากว้าง เส้นเลือดก่อตัวขึ้น แทบอยากจะกระโจนมากัดเธอตาย
เหอรุ่ยหลินไม่แคร์เลยสักนิด เธอพูดกับหลินหยู่หาน แต่กลับมีนัยแอบซ่อนไว้ลึกสุดใจ “วันนั้นหลังจากหลินซินเหยียนถูกพี่ชายฉันนำตัวไป แกก็คงไม่รู้ใช่มั้ยว่าอยู่ที่ไหน? ฉันมักจะมีของที่อะห้าวต้องการ แต่แกมีอะไร?”