หลินซินเหยียนรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของเขา เธออยากจะถามออกไปว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ทว่าเมื่ออ้าปากพูดกลับพูดไม่ออก
พอเข้ามาถึงโถงทางเดินจงจิ่งห้าวก็หันไปพูดกับเสิ่นเผยซวน“นายกลับไปก่อน”
เสิ่นเผยซวนรู้ทันทีว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรจึงไม่พูดไม่จาแล้วหันหลังเดินออกไปเงียบๆ
โถงทางเดินค่อนข้างมืดและเงียบ หลินซินเหยียนจึงได้ยินอย่างชัดเจน ตึก!ตึก!ตึก!เธอแยกไม่ออกว่านี่เสียงหัวใจของเขาหรือเธอ
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”พอจงจิ่งห้าวอุ้มเธอขึ้นมาที่ชั้นสอง เธอถึงได้รู้สึกสงบลงและพูดออกมา
จงจิ่งห้าวเงียบไม่พูดไม่จา
หลินซินเหยียนมองไปยังใบหน้าของเขาที่โดนแสงและเงาพาดผ่านไป จากนั้นก็ถามขึ้น“คุณมาตามหาฉันใช่ไหม?”
เธอกำคอเสื้อเขาแน่นโดยไม่รู้ตัว เพราะอยากให้เขาตอบว่าใช่
แต่ก็กลัวว่าจะผิดหวังกับคำตอบ“หรือว่าคุณมาที่นี่เพราะว่ามีธุระ”
จงจิ่งห้าวไม่พูดอะไรออกมาเลย เขาเอาแต่เงียบ เงียบจนหลินซินเหยียนรู้สึกไม่สบายใจ เธอพูดออกไปด้วยความลังเลและระมัดระวัง“คุณเป็นอะไรไปหรอ?”
ทันใดนั้นเองจงจิ่งห้าวก็อุ้มเธอขึ้นมาถึงชั้นที่เขาเหมาไว้ เสิ่นเผยซวนได้ขึ้นมาจัดการคนดูแลตามโถงทางเดินออกไปหมดแล้ว และได้เข้าไปหลบอยู่ในห้องกับหลินซีเฉินและหลินลุ่ยซี เขาผลักประตูเปิดออก พอเข้าไปแล้วก็ล็อกประตูไว้แน่น จากนั้นก็อุ้มหลินซินเหยียนเข้าไปในห้องนอนและวางเธอลงบนเตียง
หลินซินเหยียนไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก เพราะเขาดูนิ่งมาก มากจนเธอรู้สึกกระวนกระวายใจ
จงจิ่งห้าวมองสำรวจเธออย่างเงียบๆ เธอเป็นคนเรียบๆไม่ชอบแต่งหน้าจึงดูไร้เดียงสา ถ้าใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ต คนก็คงมองว่าเธอยังเป็นนักศึกษาอยู่ คงดูไม่ออกหรอกว่าเธอเป็นแม่ลูกสองแล้ว
แต่ว่าเธอในตอนนี้ดูสวยและมีเสน่ห์มาก ซึ่งในขณะเดียวกันก็ดูไร้เดียงสาด้วย ทว่าอย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วเธอสวยมากเลยทีเดียว
ด้วยท่าที่เธอนั่งในตอนนี้ เขาแค่ก้มหน้าลงก็เห็นเนินอกอันอวบอั๋นที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคอลึกนั่นแล้ว
เขากับลูกทั้งสองกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเธอหายตัวไป แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่ข้างชายอื่น แถมยังแต่งตัว‘สวย’ขนาดนี้ด้วย เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
หรือว่าจะชอบไอ้พิการนั่น?
“เมื่อกี้คุณกับไอ้พิการนั่นทำอะไรกัน?”แค่นึกถึงตอนที่เธอกับไป๋ยิ่นหนิงกระซิบกระซาบกัน เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
เธอตาบอดไปแล้วหรอ?
ถึงได้ชอบไอ้พิการนั่น?!
หลินซินเหยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกตัวว่าไอ้พิการที่เขาพูดถึงคือไป๋ยิ่นหนิง หลินซินเหยียนไม่เคยเห็นเขา‘หยาบคาย’แบบนี้มาก่อนจึงรู้สึกขำอย่างบอกไม่ถูก
“เรื่องมันซับซ้อนน่ะ ฉันไม่สามารถเล่าให้มันชัดเจนได้ในสองสามประโยค……”
จงจิ่งห้าวจ้องไปที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มสีแดงระเรื่อของเธอที่กำลังเอ่ยพูดอยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วประทับริมฝีปากตัวเองลงไปพลางใช้มือประคองท้ายทอยเธอเอาไว้ เพื่อให้เธอรับจูบของเขาได้พอดี มันจึงทำให้เธอพูดไม่ทันจบ
ตอนนี้เขาไม่อยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก
พอนึกถึงภาพที่เธอกับไป๋ยิ่นหนิงใกล้ชิดกัน เขาก็ยิ่งจูบแรงขึ้นราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว
หลินซินเหยียนเบิกตาโพลง ใบหน้าแดงก่ำ เธออยากผลักเขาออกไปเพราะเธอรู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว
ทว่าเขาดูท่าจะไม่ผละออกไปเลยราวกับว่าจะกลืนกินเธอไปทั้งตัวก่อนแล้วถึงจะหยุด
“อื้ออื้อ—”ช่วยไม่ได้ หลินซินหยียนจำใจกัดริมฝีปากล่างของเขา จงจิ่งห้ารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาจึงผละออกเล็กน้อย จากนั้นก็จู่โจมเข้ามาอีก
กลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่เต็มปาก
“ไม่อยากให้ผมจูบหรอ?”จงจิ่งห้าวถามขึ้น
หลินซินเหยียนอยากจะพูดออกไปว่าไม่ใช่ เขาจูบรุนแรงไปต่างหาก เธอจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว แต่ว่าเธอกลับส่งเสียงออกมาอย่างไม่ตั้งใจ“อื้อ—”
เธอครางออกมาเบาๆ
จงจิ่งห้าวนึกว่าเธอยอมรับที่ว่าไม่อยากให้เขาจูบ
เขาจึงลงโทษเธอด้วยการละเลงลิ้นเข้าไป กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลอยู่ในปากแรงขึ้น ไม่รู้แล้วว่าเลือดของเขาหรือของเธอ
เข้าใช้ลิ้นรุกล้ำเร่งเร้าเข้าไปในปากของเธอ ทั้งน้ำลายอันหอมหวานและกลิ่นคาวเลือดของเธอ เขาใช้ลิ้นตวัดรุกเร้าเข้าไปแล้วกลืนมัน
ภาพในตอนนี้มันสุดจะพรรณนาได้
หลินซินเหยียนรู้สึกเจ็บ รู้สึกน้อยใจ เธอทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว แล้วทำไมพอเขาเจอเธอ เขาจะต้องทำกับเธอแบบนี้ด้วย?
ทำไมกัน?
คิดว่าเธอไม่มีหัวใจหรอ?
“จงจิ่งห้าวนี่คุณเห็นฉันเป็นพระอิฐพระปูนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยใช่ไหม?”
เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียงของเธอจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออก
เพียงแค่ไม่กี่นาที ริมฝีปากของเธอก็ถูกบดขยี้จนแดงและบวมไปหมด
เขาน้ำตาคลอเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับคางเธอ“คุณเจ็บหรอ?คุณก็เจ็บเป็นหรอ?รู้ไหมว่าหลายวันมานี้ที่ไม่ได้เจอคุณ ผมกังวลและคิดถึงคุณมากแค่ไหน?”
“ทุกครั้งที่เสี่ยวลุ่ยถามถึงคุณ รู้ไหมว่าผมต้องโกหกลูกยังไง?ผมบอกไปว่าคุณกับลูกกำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ พวกเราต้องไปตามหาคุณ แต่ดูคุณสิ คุณกำลังทำอะไร?”ขณะที่พูดเขาก็ใช้สายตากวาดมองเพื่อสำรวจร่างกายของเธอ จากนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา“ตอนที่คุณจูบกับผู้ชายคนอื่น คุณก็รู้สึกเจ็บเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ทำนะ!”หลินซินเหยียนปฏิเสธทันควัน เรื่องที่เธอไม่ได้ทำเธอจะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด!
“ฉันไม่มีทางเลือก!”กว่าเธอจะหลุดออกมาจากเงื้อมมือของเหอรุ่ยเจ๋อได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าไม่ใช่ไป๋ยิ่นหนิงช่วยเอาไว้ เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะรอดมาจนถึงวันนี้ได้รึเปล่า
“ฉันพึ่งรอดตายมาอย่างหวุดหวิด คุณมีสิทธิ์อะไรมาสงสัยฉันแบบนี้?”ถึงเธอจะไม่ได้กะพริบตา แต่น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง
“เสี่ยวลุ่ยกับเสี่ยวซี ฉัน……”เธอเอามือทาบอก“ฉันแลกมันมาด้วยชีวิต ฉันจะไม่ต้องการพวกเขาได้ยังไง?ฉันจะไม่กังวลหรอ?ตั้งแต่เล็กจนโตมาถึงขนาดนี้ฉันไม่เคยห่างจากพวกเขาเลย ฉันพยายามดูแลพวกเขาให้ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ เพราะพวกเขาคือลูกของฉัน เลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน ในวันที่ฉันไม่เห็นหน้าพวกเขา ฉันกังวลอยู่ตลอดว่าพวกเขาจะกินอิ่มนอนอุ่นรึเปล่า จะมีใครดูแลรึเปล่า ฉันจะตายและจะไม่ได้เห็นหน้าพวกเขาตลอดไปไหม”
เมื่อจงจิ่งห้าวเห็นท่าทีที่เจ็บปวดของเธอ เขาจึงเดินเข้าไปกอดเธอไว้แล้วจูบลงตรงหน้าผากของเธอด้วยความรักและสงสาร
“ผมขอโทษ……”เขาจูบลงไปอย่างแรงที่ดวงตาและคราบน้ำตาที่หางตาของเธอ
ผ่านไปสักพักหลินซินเหยียนก็สงบลง จงจิ่งห้าวยังคงจูบหน้าผากพร้อมกับลูบผมของเธอเบาๆ จากนั้นก็จูบเลื่อนลงไปที่แก้มและหางตาของเธอ“คุณเป็นผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้ว อย่าไปใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนอีก ผมไม่ชอบ”
หลินซินเหยียนข่มตาลง เธอรับรู้ได้ว่าเขารู้สึกยังไง แต่มันมีเรื่องราวมากมายที่แทรกกลางอยู่ในความรู้สึกนี้ เธอไม่กล้าเปิดประตูหัวใจของเธอ
“จงจิ่งห้าว คุณจะรับฉันได้หรอ?”
ทั้งครอบครัวของเขา ทั้งฐานะของเขา
“คุณจะรับเสี่ยวซีกับเสี่ยวลุ่ยได้หรอ?”เธอน้ำตาไหลออกมาอีกรอบอย่างควบคุมไม่ได้
จงจิ่งห้าวกุมมือที่สั่นระริกของเธอไว้“หกปีก่อน ประเทศA โรงแรมคังถิงห้อง1908……”
หลินซินเหยียนตัวแข็งทื่อ เขา เขารู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?
เธอผลักเขาออก แล้วถามขึ้นด้วยความโมโห!
“นี่คุณสืบเรื่องฉันหรอ!”
น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้ แล้วเขารู้ได้ยังไง
สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจบอกใครได้ แถมยังเป็นเรื่องน่าอายที่เธอไม่อยากจะนึกถึงเลยด้วยซ้ำ
มันเป็นความลับที่ถูกซ่อนไว้ลึกสุดในหัวใจของเธอ
จงจิ่งห้าวถูกเธอผลักจนเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว ตอนนี้เขายืนห่างกับเธอไปสองก้าว เขามองเธอที่กำลังกระวนกระวาย ทำตัวไม่ถูกและละอายแก่ใจ
“ปีนั้นแม่ของคุณกับน้องชายเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณต้องการใช้เงิน ดังนั้นก็เลยมีคนแนะนำคุณ…….”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!”หลินซินเหยียนพูดขัดเขาและผลักเขาออกไปอย่างบ้าคลั่ง“ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่อยากได้ยินที่คุณพูด!”
จงจิ่งห้าวคว้ามือเธอไว้“คุณเอาตัวเข้าแลกกับเงิน เพื่อที่จะได้เอาไปช่วยแม่กับน้องชาย ”
เธอทั้งอับอาย ละอายแก่ใจและรู้สึกไร้หนทางจนอยากจะหนีไป เธอรู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้าแล้วยืนเปลือยกายต่อหน้าเขา มันเหมือนกับว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นยังตามหลอกหลอนเธอไม่หยุด มันเกิดขึ้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่ตรงหน้าเขา เหมือนเขากำลังยืนชื่นชมและหัวเราะเยาะเธออยู่
เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัวราวกับลูกเต๋าที่โดนเขย่า พูดออกมาก็แทบจะไม่เป็นประโยค“สะใจแล้วใช่ไหม?มีความสุขมากเลยหรอ?ได้ฉีกแผลเป็นในใจคนอื่น รู้สึกประสบความสำเร็จแล้วใช่ไหม?!”