ฉินยาได้นั่งลงข้างเขา ท่านย่ายิ้มตาหยีและพูดว่า” เจ้าเสี่ยวเสว่คนนี้ฝีมือดีอยู่เหมือนกันนะ พวกเธอลองชิมดูสิว่าถูกปากหรือเปล่า ”
ซูจ้านตักน้ำซุปให้ฉินยา ” ผมว่าน้ำซุปนี้ก็ไม่เร็วเลย คุณลองสักหน่อยเถอะ ”
เขายกน้ำซุปที่พึ่งตักมา วางไว้ตรงหน้าฉินยา
ท่านย่ามองไปที่ฉินยาแล้วก็พูดว่า ” ฉินยาดูผอมแห้งไปนะ ต้องกินเยอะๆสิ บำรุงร่างกายให้ดี แบบนี้ถึงจะได้… ”
” คุณย่า! ” ซูจ้านพูดตัดบทหล่อน เพราะคิดว่าหล่อนจะพูดเกี่ยวกับเรื่องลูก
ท่านย่าดูเหมือนในใจจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เมื่อก่อนนี้ซูจ้านใจร้ายกับหล่อนเสียที่ไหน หรือว่าเป็นเพราะเรื่องลูกในใจเลยมีเรื่องอะไรบางอย่าง
” ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ทำไมแกต้องดุฉันขนาดนี้ด้วย ” ท่านย่าทำทีเง้างอน
รู้สึกว่าหลานชายเปลี่ยนไปเสียแล้ว
” คุณย่าคะ ซูจ้านไม่มีอะไรหรอกค่ะ ” ฉินยาเอาน้ำซุปที่ซูจ้านตักให้ วางไว้ตรงหน้าเธอ ” เขาบาดแผล ในใจเขามีเรื่องมากมายให้คิดมาก คุณย่าคงไม่โกรธเขาหรอกใช่ไหมคะ? ”
ท่านย่าเงยหน้ามองเธอแล้วพูดว่า ” ฉันจะไปกดเขาลงได้ยังไงล่ะ?เธอกินซุปนี่สิ ”
ท่านย่าก็วางซุปลงตรงหน้าฉินยาอีกครั้ง แล้วลากมือของเธอออกมา จากนั้นก็พูดว่า ” เมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอก เพียงแค่ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงเก็บไข่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเป็นไข่ที่มีคุณภาพถึงจะสามารถเพาะตัวอ่อนได้ ฉันเห็นว่าเธอผอมเกินไป กลัวว่าถึงเวลาเธอจะทนความลำบากนั้นไม่ได้ ก็เลยอยากให้เธอบำรุงร่างกายให้ดีสักหน่อย ”
ฉินยารู้สึกว่าหลังของเธอเย็นวาบขึ้นมา ท่านย่ารู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน?
” คุณย่าคะ…. ”
” ฉันเคยไปถามมาหมดแล้ว เธอกับซูจ้านอายุยังน้อย ก็ยังพอจะทำเด็กหลอดแก้วได้ง่ายๆ ตอนนี้สิ่งที่ยากเพียงอย่างเดียวคือหาคนที่เหมาะสม…… ”
” คุณย่า ” ท่านย่ายังไม่ทันพูดจบ ซูจ้านก็ตัดบทหล่อน ” เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ขากับเท้าคุณย่าเดินไม่ค่อยสะดวกนัก ไม่ต้องเข้ามายุ่งหรอก….. ”
” ฉันไม่ต้องยุ่งงั้นเหรอ? ” ท่านย่ามองเขาด้วยสายตาที่สุขุม ” ฉันรอให้แกไปทำ ฉันต้องรอถึงตอนไหนกัน? ”
” คุณย่า….. ”
” แกไม่ต้องพูดแล้ว โรงพยาบาลฉันก็หาให้พวกเธอเรียบร้อยแล้ว ฉันพอจะรู้ว่า เมืองBของพวกเรามีโรงพยาบาลที่ดีที่สุดอยู่ ทางด้านเทคนิคก็เจริญมาก สักพักให้แกแผลหายดีแล้วก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกับฉินยาดู ”
ซูจ้านก็นึกถึงวันแรกที่กลับมาบ้าน ท่านย่าก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้ เขารับมือไม่ทันเลยจริงๆ
แล้วดันรู้เรื่องพวกนี้โดยละเอียดอีกต่างหาก
” ใครเป็นคนบอกคุณย่าครับ ว่าเมืองBมีเทคโนโลยีการแพทย์ในโรงพยาบาลดีๆแบบนี้? ”
เฉินเสว่เดินเข้ามา ” ฉันเองค่ะ…. ฉันช่วยคุณย่าหาในอินเทอร์เน็ต ”
ซูจ้านหน้าขรึมลง ก็คิดว่าวัยรุ่นเดี๋ยวนี้ไม่รู้จักอะไรควรไม่ควร ถ้าเป็นแม่บ้านคนก่อนก็คงจะกล้าทำเรื่องพวกนี้อยู่หรอก?
เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ” ใครอนุญาตให้เธอแตะต้องคอมพิวเตอร์ในบ้านได้ตามใจชอบ ถ้าของอะไรฉันหายไป เธอจะรับผิดชอบไหวเหรอ? ”
ในคอมพิวเตอร์ของบ้านก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญขนาดนั้น ก็เลยไม่ได้ล็อกรหัสเอาไว้ ที่เขาโมโหก็เพราะว่าเธอจุ้นไม่เข้าเรื่องต่างหาก!
ท่านย่าแข้งขาก็ไม่ค่อยดีนัก แล้วก็ใช้พวกโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ไม่เป็นเสียด้วย สุดท้ายก็ต้องทำตามที่เขาจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้
ตอนแรกเขาก็คิดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับถูกแม่บ้านที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทำเสียเละเทะ!
” ขอโทษค่ะ….ขอโทษจริงๆนะคะ…. ” เฉินเสว่ก้มหน้าก้มตาขอโทษไม่อยู่ หน้าซีดเหมือนจะถูกทำให้ตกใจไม่น้อย
ไม่นึกเลยว่าซูจ้านจะดุขนาดนี้
” แกอย่าไปดุเธอเลย ฉันให้เธอไปหาข้อมูลเองแหละ จะทำไม ฉันหาไม่ได้หรือยังไง? “ท่านย่าถลึงตา
ซูจ้านหลับตา อดกลั้นความรู้สึกในใจ ” ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไม่ได้หมายความว่าจะจริงเสมอไป ของพวกนี้ยังไงก็ต้องเข้าไปศึกษาดูที่โรงพยาบาลจริงๆ เทคนิคของแต่ละโรงพยาบาลมันไม่เหมือนกัน….. ”
” เรื่องนี้ทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันแค่แก ไม่ได้หมายความว่าเป็นพวกป้ำๆเป๋อๆ เมื่อวานฉันไปโรงพยาบาลมาแล้ว เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จของโรงพยาบาลนี้อยู่ที่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แกต้องไปที่ไหนถึงจะหาโรงพยาบาลได้ดีเทียบเท่ากับที่ฉันหา โรงพยาบาลที่ดีและประเทศนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองBทั้งหมดหรอกเหรอ? ”
ซูจ้านเม้มปากไม่พูดอะไร
ฉินยารู้สึกเหนื่อยใจมาก นึกไม่ถึงเลยว่ามาบ้านนี้วันแรกก็มีเรื่องกันจนอยู่ไม่สุขแบบนี้
” เสี่ยวเสว่เธอไปทำงานเถอะ ” ท่านย่าปัดมือใส่เธอ
เฉินเสว่ก้มหัวลงแล้วเดินออกไป
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ท่านย่าจึงเริ่มเปิดปาก ” แกไม่อยากทำที่ เมืองB แต่อยากไปทำที่เมืองCใช่ไหม? ”
เพียงแป๊บเดียวท่านย่าก็รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงมีปฏิกิริยาใหญ่โตขนาดนั้น เพราะไม่งั้นจะมีเหตุผลอะไรให้เขาบ่ายเบี่ยงอีก
ฉินยาก็ตอบรับแล้ว เขายังจะมีปัญหาอะไรอีก?
หรือว่าจะเป็นเพราะฉินยา?
หล่อนจึงหันหน้าไปมองฉินยา ” เสี่ยวยา เธอมีเรื่องอะไรก็พูดกับย่าได้เสมอนะ ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกไม่ดี แต่ว่าเธอก็รู้ว่าฉัน…. ”
” ฉันรู้ค่ะ ” ฉินยาพูด ” ฉันไม่มีปัญหาอะไร ทำกับโรงพยาบาลที่คุณบอกเถอะค่ะ ”
” เสี่ยวยา ฉันว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องเข้าใจฉันที่สุด แล้วก็เป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกฉันที่สุดเลย ” ท่านย่าลากมือเธอขึ้นมาคุมไว้อีกครั้ง ฉินยาดึงมือออกมา ” คุณกินข้าวเถอะค่ะ กับข้าวเย็นชืดหมดแล้ว ”
เห็นได้ชัดว่าอาหารที่ดูน่ากินบนโต๊ะ กลับไร้ซึ่งรสชาติ ที่อร่อยตามรูปลักษณ์ของมัน
ฉินยาไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดไปกว่านี้ ก็เลยอดทนกินข้าวในจานให้หมด จากนั้นก็ของตัวออกจากโต๊ะอาหาร
ซูจ้านไม่ได้จับตะเกียบเลย แค่นั่งอยู่แบบนั้นนิ่งๆ
ท่านย่ากินข้าวไม่กี่คำก็กลับห้องไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่คุยกันในครอบครัวครั้งนี้ไปไม่ได้สวยเท่าไหร่นัก
งานแต่งงานของเหวินเสี่ยวจี้ถูกจัดเป็นลานเปิด ดีที่วันนี้เป็นวันที่มีเมฆมาก ก็เลยไม่รู้สึกร้อนเท่าไหร่
แขกเหรื่อที่มาก็มีจำนวนไม่มาก คนที่มาก็เป็นคนสนิททั้งนั้น ตระกูลเหวินกับตระกูลเฉินก็ผ่านเรื่องราวดีร้ายมามากมาย กินรักษาความสัมพันธ์ไว้ไม่ค่อยดีนัก
ที่ยังเหลืออยู่ก็จะมีแค่พวกเหวินเสี่ยวจี้กับเฉินชือหานที่เป็นเพื่อนกันในกลุ่มทหาร
เวลาของงานถูกวางฤกษ์ไว้แล้ว เห็นว่าเป็นตอนบ่ายโมงจะดีที่สุด
ดังนั้นงานแต่งก็เลยถูกดำเนินในเวลานี้