จงจิ่งห้าวไม่พูดไม่จา เพียงแค่หันหน้ามามองหล่อน
จวงจื่อจิ่นพยายามแสร้งยิ้ม ทำทีเหมือนผ่อนคลาย ” คุณเชื่อฉันสิ เหยียนเหยียนแกแข็งแกร่งออกจะขนาดนั้น คงไม่มีอะไรหรอก ตอนที่คลอดเหยียนเฉินกับเหยียนซี ก็ยังเป็นท้องแฝดเลย ไม่ได้ผ่าคลอดแต่แกก็ยังคลอดลูกออกมาได้ ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก ครั้งนี้โรงพยาบาลก็ดีขนาดนี้ ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก ”
หล่อนพยายามอย่างหนักที่จะปลอบใจจงจิ่งห้าว แต่ในความเป็นจริงแล้วก็เหมือนกับกำลังปลอบใจตัวเอง
หล่อนพูดออกมาอย่างง่ายดาย ตอนคลอดเหยียนเฉินกับเหยียนซีตอนนั้นมันเสี่ยงมาก เพียงแค่หล่อนพูดให้มันดูเบาลงเท่านั้นเอง
จงจิ่งห้าวพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ” ผมจะรอเธออยู่ตรงนี้ ”
จวงจื่อจิ่นถอนหายใจออกมา เพราะรู้ว่ายังไงตัวเองก็ไม่สามารถพูดให้เขายอมได้ ก็เลยปล่อยเขาว่าอย่างงั้น
ในตอนนี้ ประตูห้องผ่าตัดได้ถูกเปิดออก หมอที่สวมชุดผ่าตัดสีฟ้าคนหนึ่งได้เดินออกมา ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอาเอกสารยินยอมการผ่าตัดยื่นออกมา จงจิ่งห้าวก็ถามออกไปแล้วว่า ” เธอเป็นอย่างไรบ้าง? ”
หมอบอกว่าตอนนี้อยู่ในช่วงผ่าตัด ” คนไข้เลือดออกมากเกินไป นี่พวกเราพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ ”
จากนั้นเธอก็ยื่นหนังสือยินยอมส่งให้เขา” การผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงมาก มีความเป็นไปได้ว่าสามารถรักษาได้เพียงหนึ่งชีวิต ดังนั้นจำเป็นต้องให้ครอบครัวคนไข้เซ็นยินยอม ว่าจะรักษาผู้ใหญ่หรือตัวเด็ก ตามหลักแล้วโรงพยาบาลจะเรื่องรักษาชีวิตผู้ใหญ่เป็นอันดับแรก แต่จำเป็นต้องเรียนพวกคุณให้ทราบก่อน ”
จงจิ่งห้าวยอมเซ็นชื่อลงในหนังสือรับรอง จากนั้นก็พูดว่า ” คุณต้องรับประกันว่าภรรยาของผมจะไม่เป็นอะไร มิฉะนั้นผมจะทำให้โรงพยาบาลของพวกคุณวันที่ผืนนี้หายไปทันที ”
เมื่อเซ็นชื่อเสร็จเขาก็วางปากกาลง ไปลำคอของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอบอวล การสละละทิ้งลูกของตัวเองมันง่ายนักหรือไง?
เขาเป็นพ่อคน ร่างกายของเด็กในนั้นก็มีเลือดเนื้อของเขา พูดให้สละละทิ้งก็ต้องทำตามนั้น ความรู้สึกเจ็บกว่านี้หากไม่เคยได้ผ่านมันมาก่อนก็คงไม่อาจรับรู้ได้ว่ารู้สึกยังไง
เขาไม่มีทางเลือก
ถ้าในสองคนนั้นต้องเลือกเพียงหนึ่ง จำใจต้องสละละทิ้งอีกคน
เดิมทีจวงจื่อจิ่นอยากจะปลอบใจจงจิ่งห้าว แต่ตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา นอนไม่อยากให้ใครเห็นจึงแอบร้องไห้เงียบๆอยู่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล ทำไมลูกสาวของเธอถึงไม่โชคร้ายเช่นนี้ ตอนแรกนึกว่าตอนนี้ทุกข์โศกได้จบไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าความโชคร้ายนั้นจะกลับมาอีก
จวงจื่อจิ่นได้แต่คิด ถ้าใช้ชีวิตของตัวเองแลกได้ หล่อนอยากจะเอาชีวิตของตัวเองที่เหลืออยู่ทั้งหมด แลกมาซึ่งความสุขของครอบครัวลูกสาวหล่อน ให้มีความสุขไปชั่วชีวิต
ณ เวลานี้ ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดกับจงจิ่งห้าว
พวกเขาได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ รอคอยคาดหวังและหวังว่าทั้งแม่ทั้งลูกจะปลอดภัยแข็งแรง
ดูเหมือนจะผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว ไปห้องผ่าตัดได้เปลี่ยนเป็นสีเขียว จากนั้นไม่นานไฟก็มืดลง
ทันใดนั้นประตูห้องผ่าตัดก็เลื่อนออก ก็พบว่ามีหมอสามคนเดินออกมา
ทุกคนจึงรีบเข้ามาล้อมเพื่อซักถาม
หนึ่งในนั้นหมอคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ก็เป็นหมอที่คอยดูแลอาการป่วยของหลินซินเหยียนมาโดยตลอด เขาถอดหน้ากากออก ” ขั้นตอนการผ่าตัดค่อนข้างอันตรายมาก แม่ของเด็กเนื่องจากมดลูกมีอาการแตกร้าวจนทำให้เลือดไหลออกมามาก จนทำให้ตัวคนไข้เองเกิดอาการช็อก การผ่าตัดใช้เวลากว่าสามชั่วโมง ถึงจะสามารถยื้อชีวิตคนไข้เอาไว้ได้ ”
จากอาการของหลินซินเหยียนหมอได้ทำการเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว เผื่อว่าในขณะที่ทำการคลอดจะเกิดอาการเลือดออกมาก จึงพยายามเก็บเลือดที่มีกรุ๊ปตรงกับเธอเอาไว้เป็นจำนวนมาก
ดูเหมือนเลือดที่ออกจากตัวเธอ มีปริมาณมากประมาณร่างกายคนคนหนึ่งที่ถ่ายเปลี่ยนเลือดถึงสองครั้ง น้ำเลือดในร่างกายของทารกทั้งไหลออกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถ่ายโอนเข้าไปจนทำให้ร่างกายของคนไข้อยู่ในความดันเลือดที่เป็นมาตรฐาน
” เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ดีแล้วล่ะ ” เหวินชิงพูดออกมาด้วยความรู้สึกโชคดี
เพิ่งแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเด็ก ไม่เคยพบเจอหรือมีความรู้สึกอะไรต่อกัน แต่หลินซินเหยียนเป็นคนที่มีชีวิตอยู่มาก่อน แล้วยังเป็นลูกสาวของน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา
จงจิ่งห้าวยืนนิ่ง และถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ” ภรรยาของผมจะออกมาเมื่อไหร่ ”
” หลังจาก 24 ชั่วโมง ถึงการผ่าตัดจะผ่านไปอย่างสำเร็จ แต่ตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง ต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้คอยดูแลเป็นพิเศษ “หมอพูด
” ผมขอไปดูเธอได้ไหม? ” จงจิ่งห้าวถาม
” ไม่ได้ครับ ” หมอตอบ
” อะไรๆก็ทำไม่ได้ไปหมดเลยเหรอ? ”
เหวินเสี่ยวจี้ถามแทรกขึ้นมา
หมอจึงตอบว่า ” ผมพูดไปแล้ว หญิงที่เพิ่งคลอดสภาวะร่างกายยังอยู่ในช่วงที่อันตรายมาก ต้องให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้คอยดูแล ส่วนตัวทารกเป็นเพราะอยู่ในครรภ์นานเกินไป จึงส่งไปให้แผนกเด็กแรกเกิดช่วยรักษา ตอนนี้เกรงว่าจะยังไม่สามารถให้พบได้ ”
มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวของจงจิ่งห้าว ผสานเข้าหากันแน่น แนนเสียจนหลังมือผุดขึ้นมาเห็นเป็นเส้นเลือดอย่างเห็นได้ชัด เขากดความกระวนกระวายที่บ้าข้างในใจไว้อย่างสุดความสามารถ ” ลูกของผมยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
คุณหมอจึงตอบ ” หลังจากที่คุณเซ็นชื่อลงไป ภรรยาของคุณยังพอมีสติอยู่บ้าง เธอก็คงเข้าใจในความคาดหวังของคุณ จึงพยายามที่จะให้พวกเรารักษาตัวเด็กเอาไว้ ถึงขั้นตอนมันจะเสี่ยงมาก แต่ก็โชคยังดีที่เมื่อเด็กออกมาแล้วก็ยังหายใจอยู่ ตอนที่เด็กคลอดออกมาทั้งตัวเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมม่วง ผ่านขั้นตอนการตรวจเช็คร่างกายเกี่ยวกับการเจริญเติบโตก็พบว่าครบถ้วน ตอนนี้เป็นเพราะปัจจัยในการรักษาค่อนข้างดี จากที่ผ่านการรักษาอย่างเร่งด่วน ร่างกายของเด็กไม่นานคงจะกลับมาแข็งแรงตามปกติครับ ”
” ขอบคุณนะครับ ” เขายื่นมือออกไป
หมอก็จับมือเขาไว้แล้วพูดว่า ” นี่มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ ”
จวงจื่อจิ่นที่อยู่ไกลจากตรงนั้นที่สุด กลัวว่าตัวเองจะได้ยินข่าวร้าย แต่ตอนนี้พอได้ยินจากบทสนทนาแล้ว ก็เอามือปิดปากยิ้มน้ำตาก็ไหลลงมาจากดวงตาที่แดงก่ำ
ในรอยยิ้มนั้นเคล้าไปด้วยน้ำตา
พอรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีอันตรายใดๆ แม่และเด็กไม่เป็นไรจึงกล้าที่จะเดินเข้ามา จากนั้นหล่อนจึงแสดงความขอบคุณต่อหมอ
จากนั้นก็ให้จงจิ่งห้าวไปจัดการตัวเอง ” ล้างเนื้อล้างตัวค่อยมาเจอเหยียนเหยียนดีกว่า เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง ”
จงจิ่งห้าวตอบอืมสั้นๆ
จวงจื่อจิ่นให้เหวินชิงและครอบครัวไปพักผ่อนกันที่ห้องคนไข้ของหลินซินเหยียน เหวินเสี่ยวจี้จึงพูดขึ้นมาว่า ” เรากลับไปก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ”
ถึงวันนี้จะรออยู่ที่นี่ก็คงไม่เจอเจ้าของไข้
วันนี้เป็นพิธีแต่งงานของเหวินเสี่ยวจี้ ตอนนี้พวกเขาทั้งครอบครัวออกมาหลายชั่วโมงแล้ว จำเป็นต้องกลับไปดูแลแขก จวงจื่อจิ่นจึงไม่ได้ยื้อพวกเขาเอาไว้
หล่อนจึงกลับไปยังห้องพักผู้ป่วย ก็เห็นจงฉีเฟิงพาเด็กๆทั้งสองมาที่นี่