พนักงานหญิงนิ่งอึ้ง มองไปที่หวางทิงเสว่
หลินซินเหยียนถาม “ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
พนักงานหญิงยิ้มอีกครั้งแล้วพูดว่าลองได้ จากนั้นก็นำสร้อยคอออกมา
หลินซินเหยียนให้ซางหยูใส่ สินค้าชิ้นนี้กับเส้นที่หลินซินเหยียนเพิ่งจะเลือกออกมานั้นใกล้เคียงกัน ทั้งหมดเป็นสร้อยเส้นบาง มีจี้ห้อยขนาดย่อเล็กหนึ่งชิ้น เพียงแต่รูปแบบของจี้ไม่เหมือนกัน ผลออกมาไม่ค่อยต่าง
ยังไงก็เป็นหญิงสาวที่สะอาดสะอ้าน สวมสร้อยคอเส้นบางดูงดงามละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก
หลินซินเหยียนจับจ้องเธอที่มึนอยู่ก็คิดว่าสวยดีเหมือนกัน ถามซางหยู “ชอบอันไหน?”
ซางหยูพูด “อันนี้”
เธอยังอยากจะระบายอารมณ์แทนหวางทิงเสว่สักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพนักงานหญิงคนนี้ก็จะพูดแบบนี้กับคนอื่นไม่ได้
บางทีหวางทิงเสว่เพียงแค่อยากจะลองใส่อาจจะมีความไม่เหมาะสมอยู่บ้าง แต่ว่าก็ไม่สามารถจะใช้คำพูดทำร้ายคนอื่นได้
ในฐานะพนักงานขายเองก็ถือว่าเป็นพนักงานเหมือนกัน ไม่ควรที่จะปฏิบัติกับลูกค้าแบบนี้
ทุกคนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนมีเงินทั้งหมด ทำไมจะต้องทำให้ลำบากใจ?
เธอเองถ้าเป็นคนที่มีเงินมากมาย ก็คงไม่มาเป็นพนักงานในร้านขายของ
หลินซินเหยียนพูด “ตกลง ถ้าอย่างนั้นชิ้นนี้”เธอหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าเงินวางลงบนเคาน์เตอร์
พนักงานขายผู้หญิงรีบร้อนหยิบบัตรขึ้นมา “กรุณารอสักครู่”
นำบัตรไปที่ด้านหน้าโต๊ะคิดเงิน
ยังไม่ลืมที่จะหันหัวมาจ้องหวางทิงเสว่ ในใจนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก คิดว่าคนแบบนี้มีเพื่อนร่ำรวยได้อย่างไรกัน?
หลินซินเหยียนสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ไม่ได้หรูหราอะไร แต่ว่าทำให้คนรู้สึกได้ถึงความมั่นใจเป็นอย่างมาก ประกอบกับผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำที่เป็นทั้งคนขับรถและบอดี้การ์ดที่ตามมาถือของให้นั้น ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นคนมีเงิน
พนักงานขายผู้หญิงนำบัตรกลับมาให้อย่างรวดเร็ว ยิ้มออกมาและพูด “อยากให้ช่วยห่อให้คุณไหมคะ?”
หลินซินเหยียนพูดขณะที่มองไปที่ซางหยูที่ใส่แล้วดูดี “เธอใส่เลย ใบเสร็จและใบรับประกันทั้งหมดใส่ในกล่องให้เธอ ”
“ได้ค่ะ”พนักงานหญิงนำของทั้งหมดใส่เข้าไปในกล่องห่ออย่างพิถีพิถัน ส่งมาให้ “ไว้โอกาสหน้าเรียนเชิญใหม่นะคะ”
หลินซินเหยียนหยิบกล่องมา ยิ้มเบาๆและพูด “ไปกันเถอะ”
ซางหยูดึงหวางทิงเสว่ให้ตามเธอออกไป
รอจนห่างออกมาจากร้านเป็นระยะทางไกลพอสมควร ซางหยูถึงจะพูด “นี่น่าจะแพงมากเลยหรือเปล่าคะ”
9888ก็ถือว่าหนึ่งหมื่น เธอจะใส่เครื่องประดับที่แพงขนาดนี้ได้ยังไงกัน
หลินซินเหยียนหัวเราะออกมาแล้วพูด “คุณชอบเป็นสำคัญ”
ซางหยูปล่อยเวลาผ่านไปสักครู่ก็ถามเธอว่านี่ใช่เงินของจงจิ่งห้าวหรือเปล่า
หลินซินเหยียนพูดออกมาขณะที่ยิ้ม “ของฉันเอง”
เธอเป็นผู้ถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของว่านเยว่กรุ๊ป เธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่ไม่เปิดเผยตัวตน
จงจิ่งห้าวนั้นทำงานอย่างหนักเพื่อเธอ ขยันประกอบกิจการบริษัท หาเงินได้มากมายสุดท้ายก็เป็นของเธอทั้งหมด
ซางหยูพูด “ต่อไปฉันเองก็ต้องเหมือนคุณให้ได้ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง”
หลินซินเหยียนหัวเราะ “ของฉันเองก็เป็นของเขา ของเขาเองก็เป็นของฉัน สามีภรรยายังจะมาแบ่งแยกกันและกันได้ยังไง คุณกับเผยซวนงอนกันเหรอ?”
เธอหยั่งเชิง
ซางหยูส่ายศีรษะ “พวกเราดีมาก”
หลินซินเหยียนแสดงออกว่าไม่เชื่ออย่างชัดเจน แต่ว่าก็ไม่ได้เปิดเผยกับเธอ พูดพร้อมหัวเราะ “ฉันยังมีของที่ต้องซื้ออีก อยากไปเดินด้วยกันไหม?”
“อยากสิ” หวางทิงเสว่รู้สึกมั่นใจเวลาอยู่ด้วยกันกับหลินซินเหยียน
ซางหยูพูด “ได้ คุณคนเดียวพวกเราสองคนยังอยู่คุยเป็นเพื่อนคุณได้ คุณจะซื้ออะไรพวกเราจะช่วยคุณดูเอง”
หลินซินเหยียนพูดว่างั้นเราไปกันเถอะ
หลินซินเหยียนที่มาเดินเล่นซื้อของคนเดียวนั้น ตอนนี้มีสามคนเดินทางด้วยกันแล้ว
หวางทิงเสว่กับซางหยูตามหลินซินเหยียนไป
“สวยจริงๆ” หวางทิงเสว่ยื่นมือออกไปลูบคลำสร้อยคอของซางหยู “พนักงานขายหญิงคนนั้นดูถูกกันมากเกินไป ต่อไปฉันจะต้องหาเงินให้ได้มากๆ”
ซางหยูพูด “พวกเราทำได้แน่นอน”
เธอเองก็อยากที่จะหาเงินให้ได้มากๆ เธอยังอยากที่จะช่วยเด็กๆเพื่อนตัวน้อย สร้างโรงเรียนให้กับพวกเขา
หลินซินเหยียนเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าเด็กแห่งหนึ่ง หวางทิงเสว่ดึงซางหยูเอาไว้ “เธอมีลูกแล้วเหรอ?”
ซางหยูยิ้ม ถามเสียงเบา “ดูแล้วคิดว่าเธอกับพวกเราอายุพอๆกันใช่หรือเปล่า?”
หวางทิงเสว่พยักหน้าอย่างแรง “เธอยังดูเด็กอยู่เลย”
“เธอเป็นคุณแม่ลูกสาม ท้องแรกเป็นแฝดชายหญิง ตอนนี้ลูกชายลูกสาวขึ้นชั้นประถมแล้ว หน้าตาดีด้วย คนเล็กสุดเป็นลูกชายที่น่ารักมากเช่นเดียวกัน” ซางหยูยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนพูดถึงลูกตัวเองยังไงอย่างนั้น มีความรู้สึกภูมิใจ
หวางทิงเสว่แอบมองหลินซินเหยียนที่กำลังดูเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ ถามเสียงเบา “เธอรวยมากเลยเหรอ? มาซื้อของยังมีบอดี้การ์ดตามมาด้วย”
ซางหยูพยักหน้า “สามีของเธอคือเจ้าของว่านเยว่กรุ๊ป”
หวางทิงเสว่เบิกตาโต ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ผ่านไปสักพักเธอเหมือนว่าจะคิดอะไรได้บางอย่าง “เมื่อไม่นานมานี้ที่จัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่คือเธอใช่หรือเปล่า?” ซางหยูพยักหน้า
หวางทิงเสว่ทุบปากตัวเอง อิจฉาเป็นอย่างมาก “เธอทำไมถึงวาสนาดีขนาดนี้?”
ผู้ชายที่แต่งงานด้วยไม่เพียงแค่หน้าตาดีมาก ยังจะรวยล้นฟ้าอีกต่างหาก
ซางหยูตีหัวของเธอ “คุณไม่มีวาสนาแบบนั้นแน่นอน ตั้งใจเรียนซะ”
หวางทิงเสว่หัวเราะออกมา เรื่องไม่มีความสุขเมื่อครู่นี้ทั้งหมดได้ลืมไปแล้ว หัวเราะแล้วพูด “คุณดูเธอสิ คลอดลูกตั้งสามคนแล้ว รูปร่างยังดีขนาดนี้ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่รูปร่างไม่เข้ารูปเมื่อเคยคลอดบุตร ทำไมเธอไม่อ้วนเลย? ดูแล้วเหมือนพวกเราไม่มีผิด”
ซางหยูพูด “ไม่รู้สิ เธอคงสมรรถภาพทางร่างกายดี”
หวางทิงเสว่ทำปากยื่น “สมรรถภาพทางร่างกายนี้ก็ทำให้คนทั้งอิจฉาทั้งหมั่นไส้แล้วล่ะ?”
ซางหยูยิ้ม “คุณยังต้องเพิ่มไปอีกเรื่อง”
“อะไร?” หวางทิงเสว่มองไปที่ซางหยู
“ไม่เพียงแต่รูปร่างดี และยังมีผิวขาวสวยงาม”ซางหยูพูด
หวางทิงเสว่กะพริบตา จากนั้นก็พูดด้วยความท้อใจ “จริงด้วย เป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉัน…..”
เธอก้มศีรษะลงมาดูตัวเอง ถึงแม้ว่าชื่อจะมีตัวอักษรหิมะ แต่ว่าเธอทำไมไม่ขาว ถึงแม้ว่ารูปร่างพอใช้ได้ ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น
พอมองคนที่เขาเคยคลอดบุตรมาแล้ว ผิวพรรณเหมือนกับไข่ไก่ที่ขายแบบปอกเปลือกแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่า เปรียบเทียบกับคนอื่นก็ยิ่งโมโหจนตาย
“พวกคุณสองคนทำอะไรกันอยู่เหรอ มาช่วยฉันดูว่าเสื้อตัวนี้สวยหรือเปล่า?”
ในมือของหลินซินเหยียนนั้นถือเสื้อกันหนาวเด็กสีแดงหนึ่งตัว อยากจะถามความเห็นของพวกเขา พอหันกลับมาเห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า คุยกันเงียบๆอยู่ตรงนั้น